วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

บทความพิเศษ(เพิ่มเติม) "ระยะทางเป็นเพียงภาพลวงตา ระยะเวลาเป็นตัววัดความรู้สึก"

ประกาศยุติการอัพเดทเว็บบล็อกไปแล้ว แต่เผอิญว่าเพิ่งนึกเขียนบทความได้ ก็ขอแทรกบทความนี้ไว้ทิ้งท้าย เป็นกรณีพิเศษ เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจการเดิน-วิ่ง ครับ



"ระยะทางเป็นเพียงภาพลวงตา ระยะเวลาเป็นตัววัดความรู้สึก"
เปรียบว่า ถ้าพูดถึง 42 กม. คนที่ขับรถไป ตจว. ขับด้วยความเร็ว 90 km/h ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็ถึง ก็จะรู้สึกว่าใกล้..ถ้าขับรถในตัวเมืองกรุงเทพฯ ในสภาพการจราจรไม่คล่องตัว จะใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ก็จะรู้สึกว่าไกล..ในขณะที่คนวิ่งมาราธอนต่ำกว่า 4 ชม. (วิ่งได้เร็วกว่าขับรถในกรุง ไอ้เรื่องรถติดเนี่ย เวลานั่งรถ 10 กม. 20 กม. แล้วมันใช้เวลานานกว่าที่เราวิ่งซะอีก คิดขึ้นมาทีไรแล้วมีน้ำโห ) กับคนที่วิ่งใช้เวลา 5-7 ชม. ก็จะรู้สึกไปคนละแบบ
หรือถ้าพูดถึง 3,000 กม. นั่งเครื่องบินไป ตปท. ก็ซัก 3 ชม. ..ถ้าขับรถ 100km/h ก็ขับไป 30 ชม. แต่ถ้าวิ่งวันละ 100 กม. ก็เดือนนึงพอดี ..คนนั่งเครื่องบินรู้สึกใกล้ คนวิ่งบ่นไกลโคตรๆ

ดังนั้น หากใครคนนึงเคยวิ่งมาราธอนใช้เวลา 5 ชม. แล้วลดเหลือ 4.30 ชม. แล้วก็ 4 ชม. ทำเวลาได้ดีขึ้นมาเรื่อย ก็จะรู้สึกว่าระยะทางมันใกล้กว่าเดิม วิ่งแล้วสบายตัวขึ้น
กลับกัน คนที่เคยวิ่งมาราธอน 4 ชม. แล้วกลายเป็น 4.30 ชม. แล้วเป็น 5 ชม. วิ่งแล้วแย่ลงๆ ก็จะรู้สึกว่าทำไมระยะทางเหมือนไกลกว่าเดิมอีกตั้งหลายโล รู้สึกเหนื่อยกว่าแต่ก่อน

เมื่อเป็นเช่นนี้ สมมุติว่าจะวิ่ง(หรือเดิน) ระยะ 10K ทำอย่างไรที่จะให้ถึงจุดหมาย "โดยให้เกิดความรู้สึกคล้ายว่า มันใกล้ ไม่ไกล และให้รู้สึกสบายตัวขึ้น มีความสุขขึ้น"... ก็ต้องมีสิ่งที่ทำให้บันเทิงใจ หรือเบี่ยงเบนความรู้สึกในเรื่องระยะทาง และจะให้ยิ่งดี ก็ควรพยายามลดระยะเวลาให้สั้นลงไปด้วย วิธีดีๆมีดังนี้ครับ
-เดินวิ่งเป็นกลุ่ม(ที่ฝีเท้าไปด้วยกันได้) บางกลุ่มคุยกันไปด้วย ยิ่งเบี่ยงเบนความรู้สึกได้มาก ไม่ต้องอึดถึงขนาดคุยกันตลอดทาง ซักพักๆคุยซักคำสองคำ เฮฮาไปเรื่อยก็พอ แต่ถ้าเดินจะคุยจ้อเท่าไหร่ก็ได้ คุยไปหัวเราะไปแล้วเดี๋ยวก็จะถึงจุดหมายโดยไม่รู้ตัว..(ถึงศรีธัญญา อิอิ)
-วิ่งกับแฟน พวกวิ่งกับแฟนนี่น่าอิจฉาที่สุดครับ ยามมีความรักใจมันเบิกบานเป็นสุขอยู่แล้ว ท้อยาก วิ่งไปกินช็อคโกแลตไป สบตาไปด้วยยิ่งดี พอท้อหรือทำท่าหมดแรง ก็โอบกอดซักหน่อย แค่นั้นเองเข็มตกเด้งกลับ แรงมาอีกแระ กลัวแต่โอบไปโอบมา เดี๋ยวอีกฝ่ายจะแกล้งหมดแรงบ่อยๆ เหอๆ...คนไม่มีแฟน วิ่งตามก็พลอยได้อานิสงส์ด้วย เห็นกอดกัน ตาร้อนแสบตา ทนดูไม่ได้วุ้ย วิ่งแซงหน้าปรู๊ดไปเลย 55
-ฟังเพลงไปด้วยตลอดทาง เอาเฉพาะเพลงที่ฟังแล้วคึก..อย่าไปใส่เพลง ธรณีกันแสง
-เลือกเวลาเช้าหรือค่ำ เอาแบบไร้แดดล้วนๆ หรือวันที่ไร้แดดมีฝนพรำๆตลอดวัน แต่ฝนไม่เท
-เลือกสวนหรือสนามกีฬาที่มีคนพลุกพล่าน หรือไปร่วมงานเดินวิ่ง
จ๊อกแบบความเร็วปานกลาง ทุก 1 นาทีได้ระยะทาง 100 กว่าเมตรขึ้นไป(เอา 1,000 หารด้วย pace).. ช้าลงไป 6-8 นาทีก็หายไป 1 กม.แล้ว (ขึ้นอยู่กับ pace ที่วิ่งว่า 6 7 หรือ 8)
จากภาพ สมมุติระยะทาง 20K ถ้าวิ่ง pace6 ใช้เวลา 2 ชม.พอดี ถ้าวิ่ง pace 7-8 ก็จะใช้เวลา 2:20 ชม. กับ 2:40 ชม. ตามลำดับ ... พอคนวิ่งpace6 วิ่งครบ 20K แล้ว คนที่วิ่ง pace7 จะวิ่งได้เพียง 17.14K คนที่วิ่ง pace8 เพิ่งจะวิ่งได้ 15K แต่ละ pace ทิ้งกันไกลมาก
แต่หากเป็นคนๆเดียวกัน ที่แต่ละวันวิ่งแล้ว(ดีขึ้น หรือ)แย่ลง(ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุใดก็ตาม เช่นอายุมากขึ้น ป่วย บาดเจ็บ) เขาก็จะรู้สึกว่า วันนี้ทำไมเทียบกับวันนั้น ความรู้สึกแตกต่างกันซะจริง วันนี้ทำไมเหนื่อยและทรมานกว่าวันนั้นเยอะเลย ทำไมไกลจัง ฯลฯ(ตามภาพที่เห็น)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น