วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557
มโนเข้าไป
นึกซะว่ากำลังดูภาพจารึกวิชากระเรียนเหิรในถ้ำแถวบู๊ตึ๊งหรือที่ไหนก็ได้ คัดมาแค่นี้กำลังดี มากไปเดี๋ยวจะเกินวิชา 18 กระบวนท่าไม้เท้าตีสุนัขของอั้งชิกกง...ใช้สมองมากมักจะมีแต่เครียด ใช้เท้าแล้วสบายใจกว่า อิอิ
ที่จริงแล้วผมเป็นคนที่รับฟังเหตุผลมากที่สุดคนหนึ่ง ขอเพียงพูดมามีเหตุผล คุยกันรู้เรื่อง.. อาจจะข้องใจสงสัย ไม่เชื่อซักทีเดียวนัก แต่ก็ต้องกลับมาคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆรอบ(ย้ำว่าซ้ำแล้วซ้ำอีก และเป็นสิบๆรอบ) ถ้าความเห็นจากหลายทางมันขัดแย้งกัน ผมก็ต้องมาชั่งน้ำหนักว่าจะเชื่อทางไหนดี จนได้บทสรุป...เช่นเกี่ยวกับเรื่องวิ่ง กับเรื่องเข่าเสื่อม จะเชื่ออะไรยังไง?...ก่อนนี้ผมคิดไปเองว่าประวัติคนที่วิ่งมาราธอน 42.195 กม. ในสมัยโบราณ วิ่งแล้วเสียชีวิต ระยะทางมันไกลจริงๆ น่าจะอันตราย (แต่นั่นไม่ใช่วิ่งออกกำลังกาย เป็นการวิ่งเกี่ยวกับส่งข่าวสงครามอะไรทำนองนั้น) แล้วฟังจากเฮียหลี่เส็ง เฮียแกเคยวิ่งมาราธอนมาบ่อยครั้ง ตอนหลังเข่าเสื่อม ต้องผ่าตัดหัวเข่า ผมชั่งน้ำหนักจาก 2 เรื่องนี้ผมก็เสียวแล้ว...แต่มาภายหลัง ผมวิ่ง 10K แล้วรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นๆ แล้วมีคนมายุให้วิ่ง 21K 42K ผมก็บอกว่าผมไม่ไหวหรอก รู้สังขารตัวเองดี ..แต่คนยุบอกว่าผมวิ่งได้ เชื่อดิ ฯลฯ..ฟังหูไว้หู..คิดไปเรื่อย คิดจนนานเป็นเดือนเป็นปี ..เอาก็เอาวะ..ไงก็จะลองฮาล์ฟ 21K ดูซักตั้ง ..สุดท้ายก็ทำได้จริง..แต่ถึงจริงก็ยังไม่มั่นใจหรอกว่า 42K นี่จะไหว ..ตัดสินใจไม่ดีเดี๋ยวเอาชีวิตไปทิ้งซะเปล่าๆ มันจำเป็นต้องวิ่งไกลขนาดนี้เชียวเรอะ วิ่งอวดใครป่าว? วิ่งแล้วระบมไปหมด เล็บหลุดแล้วหลุดอีก..ดูรูปงานวิ่ง ไฉนสาวๆสวยๆยังผ่านมาราธอนมานักต่อนัก?...ตัดสินใจข้ามปีก็ท่องคาถาว่า "สู้เว้ยยยย" เชื่อแล้วว่า เข่าเสื่อมมันไม่เกี่ยวกันเลย คนอายุ 80 กว่าวิ่งมาราธอนก็ยังมีเยอะแยะ..ถ้าเข่าไม่พังก็หมดห่วงไปเรื่องนึงละ..หัวใจจะวายหรือเปล่า...ก็ไม่อีก...บางคนวิ่งจน 90 กว่ายังมีเลย..ไม่น่ากลัว..ตะคริวล่ะ?...วิทยาศาสตร์การกีฬาดีขึ้น วิ่งมากเสียเหงื่อมากก็ต้องกินเกลือแร่ ..สมัยโรมันยังไม่มีเกลือแร่
เมื่อกล้าและมั่นใจตัวเองว่าข้อมูลต่างๆที่ได้มามันควรจะเป็นตามที่เราคิด ก็ต้องพิสูจน์ ไม่ลองไม่รู้ ต้องลองเอง สุดท้ายก็พ้นขีดจำกัดของความเชื่อผิดๆ เอาชนะอุปสรรคที่เราคิดว่ามันเกินกว่าที่เราจะผ่านมันไปได้ แต่สุดท้ายก็ผ่าน ...ผ่านแล้วก็น่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนอื่นๆต่อไป มีตัวอย่างก็มีคนกล้าทำตาม ..ใครกล้าก็ทำได้
มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเรื่องหมากฮอสหรอกครับ ถ้ารับฟังคนอื่น เอาไปคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก อาจจะได้สิ่งที่ดีๆมา..แต่ถ้าจะปิดกั้น ไม่รับฟังความคิดเห็นใดๆ..ทั้งๆที่ความคิดเห็นนั้นมาจากบุคคลที่น่าจะเชื่อถือได้มากจนถึงมากที่สุด ไม่มองสภาพความเป็นจริงทั่วไป จะยึดความคิดเห็นตนเอง ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่วิ่งได้ไม่กี่ กม. ไม่มีวันวิ่งไปได้ถึง 42K เช่นกัน
วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557
มาดูว่า นับแต่มีการเปลี่ยนระบบสวิสบ่อยๆแล้วมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
ที่จริงจะมีการเปลี่ยนแปลงมานานแล้ว แต่เพราะผมคอยค้าน คอยยืนกรานตลอดว่า ถ้าปีไหนผมรู้สึกว่ากติการับไม่ได้จริงๆ ผมก็จะไม่ลงแข่งเด็ดขาด หรือดูว่ายังพอทน แต่ถ้าแข่งไปครึ่งๆกลางๆแล้วมีไรไม่ถูกใจ ผมก็จะยอมแพ้ไม่แข่งต่อหรือขอตกลงว่าจะเอายังไง หรือเดินลุยให้แพ้ไปเอง เพื่อหลีกเลี่ยงกติกาส่วนที่ผมรับไม่ได้...ขอแพ้ ดีว่าขอเล่น ว่างั้นเหอะ
แต่ละงานมักอ้างว่า ระบบที่ใช้อยู่มันเปลืองเวลา เลยต้องหาวิธีที่จะเซฟเวลามาทดแทน แต่แท้ที่จริง ถ้าจัดเวลาดีๆ สองวันยังไงก็ทัน แต่ที่บางปีมีปัญหาเรื่องเวลา เพราะเริ่มการแข่งขันช้า บางงานเริ่มเอา 10 โมงเศษไปยัน 11 โมง บางทีก็พักเที่ยงกินข้าวนาน บางทีก็มีพิธีรีตรองให้เสียเวลาอีก สรุปว่าถ้าบริหารเวลาดีๆ แข่งให้เช้าหน่อย อย่าอู้มาก เห็นมือไหนที่เดินช้าจนอยู่บ๊วยๆทุกงานก็คอยไปดู หาวิธีจี้ไช รับรองทันถมถืด ...งานวิ่งเค้าวิ่งกันตีสอง ตีสี่ ตีห้า หกโมงเช้า หรือหกโมงเศษ(ถือว่าสายที่สุดแล้ว) คนยังเตรียมพร้อมได้เป็นพันๆคน แล้วนี่หมากฮอสมาแข่งรอบเดียวก็มักจะพักกินข้าวเที่ยงแล้ว? ต้องโทษว่าจัดเวลาไม่ดี
เป็นที่รู้กันว่า ตั้งแต่ผมแขวนกระดานเมื่อปี 2554 ประกอบกับเซียนรุ่นเก่าอีกจำนวนหนึ่งก็พยายามหลบสนาม ผมใช้คำว่าพยายามหลบสนามนะครับ เพราะจริงๆไปแข่งน่ะแข่งได้ แต่หลบกันหมด กลัวแพ้แล้วโดนประหารชีวิตหรือไรก็ไม่ทราบ หลังจากปี 54 รายการสนามหลวงนี่โหรงเหรงขนาดเหลือสิบกว่าคน...สิบกว่าคนนี่แหละที่เรียกว่าชิงแชมป์ประเทศไทย (คงเหลือแต่เขี้ยวลากดินจริงๆ) แล้วก็จัดสวิสแค่ไม่กี่รอบ ใครชนะได้แชมป์ไปเลย แข่งกันแบบสนุกจนเกินจะเหวี่ยง(ไม่ใช่สนุกสุดเหวี่ยงนะครับ) แปลออกมาก็คือน่าเบื่อสุดๆ.. คนน้อยเกินไป...เซียนระดับเต็ง 1 เช่นเซียนดำก็ประท้วงไม่ลงแข่ง พร้อมๆกับเซียนที่เคยมีประวัติเข้า 4 คนก็หายไปเป็นแถบ...ใครได้แชมป์ก็ไม่มีใครสนใจ ...ต่อให้ได้แชมป์เป็นสิบครั้ง คนในวงการก็ยังเฉยๆ...ก็เพราะในงานเหลือแค่กระจุกเดียว
ปี 2554 ที่บางแค มีการนำระบบสวิสคัดเอา 8 คนมาใช้ในรายการใหญ่เป็นครั้งแรก(จะว่าใหญ่ก็ไม่เชิง เพราะเคยใหญ่เพียงช่วงหนึ่ง ตอนกลังกลายเป็นงานเล็กไปแล้ว) ไม่ใช่ว่าปีนั้นผมไม่ได้ค้าน ปีไหนๆผมก็ค้านดะ ถ้าผมเห็นว่าระบบมีจุดอ่อน แต่จนปัญญาจะค้านหมดทุกเรื่องทุกครั้งไป บางเรื่องก็เลยทนดูไป บางเรื่องหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมแน่
รายการกีฬาไทยรุ่นทั่วไปมีจัดแข่ง 2 ประเภท คือประเภท 8 ตัวและ 12 ตัว ...ปีนั้นประเภท 8 ตัวผมสวิสเข้าอันดับ 1...เซียนดำเข้าอันดับ 7...แต่รอบสุดท้ายเนี่ย มีลูกศิษย์กะอาจารย์ไม่อยากแข่งกัน แข่งไปซัก 2 กระดาน ลูกศิษย์ก็จูงมืออาจารย์ออกมานอกห้องมาดู standing แล้วพูดว่า รอบนี้อาจารย์เสมอ อ.ก็เข้ารอบแน่ๆ แต่ผมน่ะยังลูกผีลูกคน สรุปว่าขอเสมออาจารย์ว่างั้นเหอะ..อ. ฟังคำกล่อมจนวางใจแล้วก็กลับไปเดินเสมอ แล้วก็เข้ารอบไปทั้งคู่...แต่อนาคตใครจะเป็นไงต่อ...ย้อนดูผลการแข่งขันกันเอาเองครับ
ส่วนประเภท 12 ตัว รอบรองบ๊วยผมก็สวิสเข้าอันดับ 1 ...กะลังคิดว่าปีนี้สวิสเข้าอันดับ 1 ทั้งสองประเภท ปิดท้ายการแขวนกระดานน่าจะโก้สุดๆ...แต่เผอิญรอบสุดท้ายต้องมาเจอเซียนดำพอดี ...ผมนี่ต้องเปลี่ยนแผนกระทันเลย(มุขไม่มีภาพประกอบ) ผมสวิสมา 4 รอบชนะรวด 4 รอบ เหลือรอบสุดท้าย(รอบ 5 ) ไม่ว่าจะชนะเสมอแพ้ ไม่มีความหมาย เข้า 8 คนแน่นอน แต่ถ้าชนะหรือเสมอก็ได้อันดับ 1 เท่สุดๆ...แต่เท่แล้วได้อะไร? ไม่มีรางวัลพิเศษให้ ดีไม่ดีต้องเจอชนเซียนดำซึ่งอาจจะหล่นไปอยู่อันดับ 4,5, หรือ 8 แล้วผมชนะไปจะได้อะไร? เสียแต้มด้วย...ก็รีบๆแพ้ซิครับ ให้เซียนดำชนะ แซงขึ้นอันดับ 1 ..ส่วนผมได้อยู่อันดับ 2 แทน สบายใจเฉิบ...สุดท้ายหลังจากน็อคเอ้าท์ใหม่ ผมก็กลับมาได้แชมป์ วางแผนไม่พลาดเป้า
ตั้งแต่สวิสมา ในยุคที่ผมยังลงแข่งขันอยู่ ผมแข่งไปทั้งหมด 11 รายการ ทั้งประเภท 8 ตัวและ 12 ตัว ไม่เคยสวิสหลุดจาก 4 อันดับแรกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ...มีเซียนดำที่หลุดไปอยู่อันดับ 7 ประเภท 8 ตัวที่บางแค แต่สุดท้ายแล้วน็อคเอ้าท์ก็กลับมาได้แชมป์..แต่ปีนี้ที่ไฟฟ้านี่กลับตาลปัตร เซียนดำอยู่อันดับ 4 แต่พอน็อคเอ้าท์ก็ร่วงเลย ...สรุปแล้วระบบสวิสเอา 8 คนมาน็อค มันมีพลิกไปพลิกมาแน่
ที่จริงผมน่าจะดีใจนะ เพราะทำให้สถิติคนที่สวิสแล้วไม่เคยตกรอบ 4 คนเลย เหลือเพียงผมคนเดียว...เซียนดำก็จอดไปแล้ว...แต่นิสัยผมชอบอะไรๆที่มันแฟร์ที่สุด ยุติธรรมที่สุด และอยากเปรียบเทียบในสิ่งที่เปรียบเทียบกันได้ ...ถ้าเปลี่ยนระบบมั่วซั่วไปเรื่อย ผลการแข่งขันออกมาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ในทางสถิติไม่รู้จะเปรียบกันยังไง เพราะจัดแข่งไม่เหมือนกัน แพ้ชนะเพราะฝีมือหรือระบบ? ใครเก่งจริง เก่งไม่จริง? หรือต้องทำโพลถาม?
ท้ายสุดนี้ ขอนำภาพการแข่งขันทั้งหมด 11 รายการที่เป็นระบบสวิส ว่าผมแข่งรายการไหน แพ้ชนะใครมายังไง ประคองตัวอยู่ 4 อันดับแรกได้ยังไง มาลงซ้ำอีกครั้ง(เคยลงที่หมากฮอสคลับไว้แล้ว) ระบบที่ดีกับฝีมือมาตรฐาน มันจะผสมกลมกลืนไปได้ ไม่ครึ่งผีขึ้นคน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แน่นอนครับ
สีฟ้าหมายถึงชนะ สีเหลืองหมายถึงเสมอ สีแดงหมายถึงแพ้
แต่ละงานมักอ้างว่า ระบบที่ใช้อยู่มันเปลืองเวลา เลยต้องหาวิธีที่จะเซฟเวลามาทดแทน แต่แท้ที่จริง ถ้าจัดเวลาดีๆ สองวันยังไงก็ทัน แต่ที่บางปีมีปัญหาเรื่องเวลา เพราะเริ่มการแข่งขันช้า บางงานเริ่มเอา 10 โมงเศษไปยัน 11 โมง บางทีก็พักเที่ยงกินข้าวนาน บางทีก็มีพิธีรีตรองให้เสียเวลาอีก สรุปว่าถ้าบริหารเวลาดีๆ แข่งให้เช้าหน่อย อย่าอู้มาก เห็นมือไหนที่เดินช้าจนอยู่บ๊วยๆทุกงานก็คอยไปดู หาวิธีจี้ไช รับรองทันถมถืด ...งานวิ่งเค้าวิ่งกันตีสอง ตีสี่ ตีห้า หกโมงเช้า หรือหกโมงเศษ(ถือว่าสายที่สุดแล้ว) คนยังเตรียมพร้อมได้เป็นพันๆคน แล้วนี่หมากฮอสมาแข่งรอบเดียวก็มักจะพักกินข้าวเที่ยงแล้ว? ต้องโทษว่าจัดเวลาไม่ดี
เป็นที่รู้กันว่า ตั้งแต่ผมแขวนกระดานเมื่อปี 2554 ประกอบกับเซียนรุ่นเก่าอีกจำนวนหนึ่งก็พยายามหลบสนาม ผมใช้คำว่าพยายามหลบสนามนะครับ เพราะจริงๆไปแข่งน่ะแข่งได้ แต่หลบกันหมด กลัวแพ้แล้วโดนประหารชีวิตหรือไรก็ไม่ทราบ หลังจากปี 54 รายการสนามหลวงนี่โหรงเหรงขนาดเหลือสิบกว่าคน...สิบกว่าคนนี่แหละที่เรียกว่าชิงแชมป์ประเทศไทย (คงเหลือแต่เขี้ยวลากดินจริงๆ) แล้วก็จัดสวิสแค่ไม่กี่รอบ ใครชนะได้แชมป์ไปเลย แข่งกันแบบสนุกจนเกินจะเหวี่ยง(ไม่ใช่สนุกสุดเหวี่ยงนะครับ) แปลออกมาก็คือน่าเบื่อสุดๆ.. คนน้อยเกินไป...เซียนระดับเต็ง 1 เช่นเซียนดำก็ประท้วงไม่ลงแข่ง พร้อมๆกับเซียนที่เคยมีประวัติเข้า 4 คนก็หายไปเป็นแถบ...ใครได้แชมป์ก็ไม่มีใครสนใจ ...ต่อให้ได้แชมป์เป็นสิบครั้ง คนในวงการก็ยังเฉยๆ...ก็เพราะในงานเหลือแค่กระจุกเดียว
ปี 2554 ที่บางแค มีการนำระบบสวิสคัดเอา 8 คนมาใช้ในรายการใหญ่เป็นครั้งแรก(จะว่าใหญ่ก็ไม่เชิง เพราะเคยใหญ่เพียงช่วงหนึ่ง ตอนกลังกลายเป็นงานเล็กไปแล้ว) ไม่ใช่ว่าปีนั้นผมไม่ได้ค้าน ปีไหนๆผมก็ค้านดะ ถ้าผมเห็นว่าระบบมีจุดอ่อน แต่จนปัญญาจะค้านหมดทุกเรื่องทุกครั้งไป บางเรื่องก็เลยทนดูไป บางเรื่องหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมแน่
รายการกีฬาไทยรุ่นทั่วไปมีจัดแข่ง 2 ประเภท คือประเภท 8 ตัวและ 12 ตัว ...ปีนั้นประเภท 8 ตัวผมสวิสเข้าอันดับ 1...เซียนดำเข้าอันดับ 7...แต่รอบสุดท้ายเนี่ย มีลูกศิษย์กะอาจารย์ไม่อยากแข่งกัน แข่งไปซัก 2 กระดาน ลูกศิษย์ก็จูงมืออาจารย์ออกมานอกห้องมาดู standing แล้วพูดว่า รอบนี้อาจารย์เสมอ อ.ก็เข้ารอบแน่ๆ แต่ผมน่ะยังลูกผีลูกคน สรุปว่าขอเสมออาจารย์ว่างั้นเหอะ..อ. ฟังคำกล่อมจนวางใจแล้วก็กลับไปเดินเสมอ แล้วก็เข้ารอบไปทั้งคู่...แต่อนาคตใครจะเป็นไงต่อ...ย้อนดูผลการแข่งขันกันเอาเองครับ
ส่วนประเภท 12 ตัว รอบรองบ๊วยผมก็สวิสเข้าอันดับ 1 ...กะลังคิดว่าปีนี้สวิสเข้าอันดับ 1 ทั้งสองประเภท ปิดท้ายการแขวนกระดานน่าจะโก้สุดๆ...แต่เผอิญรอบสุดท้ายต้องมาเจอเซียนดำพอดี ...ผมนี่ต้องเปลี่ยนแผนกระทันเลย(มุขไม่มีภาพประกอบ) ผมสวิสมา 4 รอบชนะรวด 4 รอบ เหลือรอบสุดท้าย(รอบ 5 ) ไม่ว่าจะชนะเสมอแพ้ ไม่มีความหมาย เข้า 8 คนแน่นอน แต่ถ้าชนะหรือเสมอก็ได้อันดับ 1 เท่สุดๆ...แต่เท่แล้วได้อะไร? ไม่มีรางวัลพิเศษให้ ดีไม่ดีต้องเจอชนเซียนดำซึ่งอาจจะหล่นไปอยู่อันดับ 4,5, หรือ 8 แล้วผมชนะไปจะได้อะไร? เสียแต้มด้วย...ก็รีบๆแพ้ซิครับ ให้เซียนดำชนะ แซงขึ้นอันดับ 1 ..ส่วนผมได้อยู่อันดับ 2 แทน สบายใจเฉิบ...สุดท้ายหลังจากน็อคเอ้าท์ใหม่ ผมก็กลับมาได้แชมป์ วางแผนไม่พลาดเป้า
ตั้งแต่สวิสมา ในยุคที่ผมยังลงแข่งขันอยู่ ผมแข่งไปทั้งหมด 11 รายการ ทั้งประเภท 8 ตัวและ 12 ตัว ไม่เคยสวิสหลุดจาก 4 อันดับแรกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ...มีเซียนดำที่หลุดไปอยู่อันดับ 7 ประเภท 8 ตัวที่บางแค แต่สุดท้ายแล้วน็อคเอ้าท์ก็กลับมาได้แชมป์..แต่ปีนี้ที่ไฟฟ้านี่กลับตาลปัตร เซียนดำอยู่อันดับ 4 แต่พอน็อคเอ้าท์ก็ร่วงเลย ...สรุปแล้วระบบสวิสเอา 8 คนมาน็อค มันมีพลิกไปพลิกมาแน่
ที่จริงผมน่าจะดีใจนะ เพราะทำให้สถิติคนที่สวิสแล้วไม่เคยตกรอบ 4 คนเลย เหลือเพียงผมคนเดียว...เซียนดำก็จอดไปแล้ว...แต่นิสัยผมชอบอะไรๆที่มันแฟร์ที่สุด ยุติธรรมที่สุด และอยากเปรียบเทียบในสิ่งที่เปรียบเทียบกันได้ ...ถ้าเปลี่ยนระบบมั่วซั่วไปเรื่อย ผลการแข่งขันออกมาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ในทางสถิติไม่รู้จะเปรียบกันยังไง เพราะจัดแข่งไม่เหมือนกัน แพ้ชนะเพราะฝีมือหรือระบบ? ใครเก่งจริง เก่งไม่จริง? หรือต้องทำโพลถาม?
ท้ายสุดนี้ ขอนำภาพการแข่งขันทั้งหมด 11 รายการที่เป็นระบบสวิส ว่าผมแข่งรายการไหน แพ้ชนะใครมายังไง ประคองตัวอยู่ 4 อันดับแรกได้ยังไง มาลงซ้ำอีกครั้ง(เคยลงที่หมากฮอสคลับไว้แล้ว) ระบบที่ดีกับฝีมือมาตรฐาน มันจะผสมกลมกลืนไปได้ ไม่ครึ่งผีขึ้นคน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แน่นอนครับ
สีฟ้าหมายถึงชนะ สีเหลืองหมายถึงเสมอ สีแดงหมายถึงแพ้
วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ยกยอดไปสวิสต่อ ถูกหรือผิด???
อีกเรื่องที่จะชี้ให้เห็น... การตัด 8 เซียนออกจากระบบสวิส(ไปน็อคเอ้าท์กัน) แล้วเอาอันดับ 9-50 ยกยอดคะแนนมาแข่งต่ออีก 3 รอบ ...ถูกหรือผิด? สมควรหรือไม่? จะให้มองหลายๆแง่ครับ
ประเด็นแรก ไม่มีที่ไหนในโลกแน่นอน ที่ระดับ 8 เซียนจะถอนตัวออกจากการแข่งขันทั้งยวง ปล่อยให้คนอื่นไปสวิสกันต่อ
ประเด็นที่สอง ดูจากภาพก็จะเห็นว่าพึลึกกึกกือ งงทั้งไทยทั้งฝรั่งต้นตำรับครับ ...แม้กระทั่ง 8 เซียนที่ถูกตัดออกไปแล้ว แต่ berger และ buch ของ 8 เซียนไม่หยุดตาม(หยุดเฉพาะกระดานได้เสีย) มิเพียงไม่หยุด อันดับของ 8 เซียนที่ไม่เกี่ยวข้องแล้วยังสลับตำแหน่งขึ้นๆลงๆไปด้วย อันดับไม่เรียง 1-8 เหมือนที่เห็นในรอบ 6 ดูแล้วไม่ขำก็ต้องขำ...ขำไรหรือครับ ขำว่าก็ระบบมันผิด มันผิดไปหมดทั้งเรื่องการประกบคู่..สกอร์เก่าที่บางคนเจอ 8 เซียนมาแล้วหลายมือ บางคนไม่เคยเจอเลย มันเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบหลายอย่าง...ถามว่าทำไมไม่เอาส่วนที่เหลือ (อันดับ 9-50) มาล้างไพ่ใหม่ สวิสกันใหม่ 3 รอบ ยกยอดมาทำไม? เสียดายคะแนนเก่า? ไหนๆอันดับที่ 9-32 ก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของผู้ชม แค่นั่งแข่งกันเป็นพิธีให้ดูว่างานไม่กร่อย ยังมีคนอยู่กันเยอะ รางวัลโดยเฉลี่ยก็ประมาณ 1 พันบาท มีเกินจากนั้นเพียงบางอันดับ ...มีสารพัดวิธีที่จะเลือกได้โดยไม่ต้องให้คนมาบ่น เช่นวิธีที่เคยทำมาก่อน หรือวิธีใหม่ที่ดีขึ้นก็ได้ แต่ไม่ใช่วิธีพิลึกกึกกือ แล้วเอาชื่อ 8 เซียนข้างบนมาขีดทิ้งเล่น
ประเด็นที่สาม ...ต่อเนื่องจากประเด็นที่สอง ถ้าจะค้านว่าวิธีนี้ถูกต้องแล้ว ...ผมถามว่า ถ้าทำแบบนี้ถูกต้อง ก็เอาเยาวชนอีกสองรุ่นที่เหลือมาแข่งกับรุ่นใหญ่เลยดีไหม ประหยัดเวลาดี สวิสรวมกันทุกรุ่นแล้วมาขีดชื่อทิ้งเป็นช่วงๆเอาแบบที่เห็น...คงพอนึกภาพออกแล้วนะครับว่ามันผิด เพราะเด็กต้องไปเจอผู้ใหญ่บ้าง เจอเซียนบ้าง...ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่มือรองบ่อนมือโนเนม ที่บางคนก็ยังฝีมือเป็นรองเด็กระดับได้ถ้วย แก่กว่าเพียงอายุ ก็มาเจอระบบประกบคู่แบบ 8 เซียนมีโผล่มีหาย ไม่รู้แข่งกันไปได้ยังไง???
คือดูจากจำนวนคนปีนี้ 50 คน(25 คู่) สู้จัดแบบสวิส 9 รอบล้วนๆแล้วเอาแชมป์ไปเลย ไม่ต้องมาน็อคใหม่ก็ได้ ก็ยังดีกว่ามาแยก 8 คนออก แต่ยังสวิสกันต่อ...ถ้า 9 รอบล้วนนี่คะแนนหัวแถวทิ้งขาดออกมาแน่ การซูเอี๋ยแบบพยักหน้าขอเสมอกันไปทีละรอบก็จะไม่ค่อยเกิด...พอมาแข่ง 6 รอบ แต่ละคนเสมอกันเก่งจัง มีแต่คนกลัวแพ้ บางคน 6 รอบเล่นจริงแค่ 3-4 รอบ รอบที่เหลือจับมือพยักหน้าเอา...ถ้ากลัวคนบายก็ทำโบนัสพ้อยท์ได้
การที่แต่เดิมยังพยายามคงไว้ให้ 4 เซียนมาไขว้น็อค เพราะนักหมากฮอสส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับระบบนี้ ..คือจริงๆแล้วถ้าสวิสให้ครบรอบ คนที่จะเข้า 4 อันดับแรกได้ต้องแน่จริง(อย่างน้อย 3 คนละ) พวกฝีมือรองๆที่ใช้ตัวช่วย ช่วยกันส่ง ช่วยกันไม่ไหว เพราะรอบมันเยอะ คะแนนมันทิ้งห่างออกมา ไม่มีทางสกัด คนไหนได้แชมป์ก็ไม่น่าเกลียด เพียงแต่ว่าแชมป์อาจเปลี่ยนหน้าบ่อย จึงหวังให้ 4 เซียนมาน็อคกันใหม่อีกที เพื่อดูเชิงเล่นแบบน็อคเอ้าท์ซึ่งจะดุเดือดกว่า และก็แก้ปัญหาว่าบางคนที่ติด 4 เข้ามา อาจมีคนช่วยส่งเข้ามา ก็ต้องมาแสดงฝีมือใหม่อีก 2 รอบ ...แต่ถ้าจะคัดเอา 8 คนไปน็อค ...สวิสล้วนแล้วเลิก ยังดีเสียกว่า
วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557
เรื่องการเกลี่ยรางวัล สำหรับงานใหญ่และงานระดับกลางๆ...ว่าด้วยโบนัสพ้อยท์
ลองคิดดูว่ารายการใหญ่ๆทั้งหมากฮอส หมากรุกไทย ฯลฯ ที่รางวัลรวมเป็นแสน ไปแจกรางวัลหนักๆให้อันดับสูงๆ ส่วนระดับล่างๆ ไม่ได้อะไรติดมือ แข่งขัน 2 วัน วันที่สองก็มักบายหนีกันไปนับสิบคน แต่ถ้าเกลี่ยรางวัลดีๆ ไม่เพียงคนไม่หนี แต่จะแห่กันมา
ยกตัวอย่างเช่นหมากฮอสปีนี้ มีนักกีฬาที่มาแข่งขันจริง 49 คน รวมเศษบายอีก 1 ก็เป็น 50 คน ประกบรอบก็จะเป็น 25 คู่ ...รอบนึงก็จะมีแต้มรวมเกิดขึ้น 25 แต้ม ถ้าสวิส 1-2-3-4-5-6-7-8 รอบ แต้มรวมก็จะเป็น 25-50-75-100-125-150-175-200 ตามลำดับ นี่ผมนับให้ดู 8 รอบ แต่รายการทั่วไปมักแข่งได้เพียง 6-7 รอบ(ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนนักกีฬาด้วย)
ใช้การเกลี่ยรางวัลด้วย bonus point สมมุติว่ารายการนี้มีรางวัลให้ประมาณ 2 แสนบาท จัดแข่งสวิส 8 รอบ แต้มรวมจะมี 200 แต้ม จ่ายโบนัสให้แต้มละ 1,000 บาท ก็ใช้งบ 2 แสนพอดี ...สวิส 8 รอบ ใครทำได้ 1 แต้มก็รับไป 1,000 บาท ใครทำได้ 6.5 แต้มก็รับไป 6,500 บาท ใครทำได้ 0.5 แต้มก็รับไป 500 บาท แค่นี้ก็น้ำลายหกกันแล้ว
นี่แค่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆก่อน ถ้าเป็นงานที่จัดแข่ง 6 รอบ แต้มรวมก็มี 150 แต้ม หารแล้วจ่ายได้แต้มละ 1,333 บาท
แต่จ่ายง่ายๆแบบนี้ แน่นอนว่าถูกใจมือรองบ่อนและมือโนเนม ส่วนพวกเซียนหัวแถวมองแล้วไม่คุ้มค่าฝีมือ ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรมที่สุด ก็ต้องแยกรางวัลเป็นส่วนๆ ว่าจะจ่ายรางวัลให้อันดับสูงๆซักเท่าไหร่ดี(ก้อนโตกว่า) เหลืออีกส่วนนึงมาจ่ายให้อันดับล่างๆ(ก้อนเล็กกว่า) ที่จะได้รางวัลถึงแต้มละพันมันสูงไป แต้มนึงก็อาจจะได้ราวๆ 100-200 บาท ส่วนอันดับบนๆที่แย่งถ้วยกันก็ต้องไปคำนวนว่าจะจ่ายรางวัลให้อย่างไร จ่ายเป็นรางวัลตายตัวที่กำหนดไว้ก็ได้(รางวัลไหนได้กี่พันกี่หมื่นก็ว่ากันไป)
พูดง่ายๆว่าหลักการก็คือ มีการจ่ายเงินตามแต้มให้กับมือระดับล่างๆ ได้ 0.5 แต้มก็ได้รางวัลติดมือไป ถ้าได้ 0 แต้มเลยก็ช่วยไม่ได้แล้ว แจกไข่ไก่ครึ่งโหลเป็นรางวัลปลอบใจ เหอะๆ
เอาตัวอย่างมาทำให้ดูครับ เผื่อหมากรุกไทยสนใจก็นำวิธีการไปใช้ได้เลย ดัดแปลงได้ตามใจชอบ
ตัวอย่างเช่น 50 คน แข่งสวิส 6 รอบ จะมีแต้มรวม 150 แต้ม สมมุติว่าผู้จัดมีงบรางวัล 150,000 บาท
ตามตัวอย่างในภาพนี้ 8 อันดับแรกมีแต้มรวมกัน 36 แต้ม ส่วนที่เหลืออีก 114 แต้ม เอา 5 หมื่นไปแบ่งกัน ยังได้โบนัสแต้มละ 438 บาท ...ปัดเศษ ถ้าใครได้ 4 แต้มก็ได้ไป 1,750 บาท ...แต่ถ้าเรามองว่าคนได้แต้มเดียวยังได้ตั้ง 4 ร้อย ดูแล้วเยอะไป ก็กัน 5 หมื่นบาทที่ว่านี่ออกไปอีกส่วนหนึ่ง ซัก 3 หมื่นบาท, อีก 2 หมื่น เอาไปจ่ายโบนัสให้ อีก 82.5 แต้มที่เหลือ ยังได้แต้มละ 242 บาท ก็ยังน่าสน...นี่คือหลักการ..ทีนี้ผมจะลองเกลี่ยตัวเลขให้ดูใหม่ แทนตัวเลขที่คำนวนหยาบๆเมื่อซักครู่
อันดับ 1-8 รางวัลรวม 106,000 บาท (ตกหัวละ 13,250 บาท) ก็เกลี่ยให้มากน้อยตามความเหมาะสม
อันดับ 9-16 รางวัลรวม 24,000 บาท (ตกหัวละ 3,000 บาท) จ่ายให้เท่ากันทุกคนก็ได้ หรือจะเกลี่ยก็ได้
อันดับ 17-50 รางวัลรวม 20,000 บาท คิดให้ตามโบนัสพ้อยท์ ...ตามตัวอย่างนี้หักแต้มของ 16 อันดับแรกออกแล้วมีแต้มเหลืออยู่ 82.5 แต้ม หารแล้วได้โบนัสแต้มละ 242 บาท ใครได้กี่แต้มก็คูณเข้าไป
(นี่งบ 150,000 บาทนะครับ ยังเกลี่ยรางวัลได้มาก ถ้างบ 2-3 แสนยิ่งเกลี่ยได้มาก)
ถ้ามองว่าตัวเลขนี้ยังไม่สวย ก็คำนวนไปเรื่อยหาที่ถูกใจ จะให้ชั้นไหนมากน้อยก็ไปเกลี่ยเอา จะแบ่งชั้น 17-32 ออกมาอีกชั้นก็ได้...หรือกำหนดรางวัลตายตัวไว้หมดเลยทุกชั้นก็ได้ ชั้นสุดท้ายก็อันดับ 33-50 ...คือว่าไปแล้ว กำหนดรางวัลตายตัวเป็นขั้นบันไดมันง่ายกว่า ...แต่โบนัสพ้อยท์มันดีตรงว่าคนไหนทำแต้มได้ดีกว่าก็ได้ค่าฝีมือไปมากหน่อย เพียงแต่ผู้จัดงานจะไม่สามารถประกาศล่วงหน้าได้ว่า อันดับที่อยู่ในกลุ่มโบนัสพ้อยท์จะได้รางวัลคนละเท่าไหร่ ตามตัวอย่างนี้ก็ประกาศได้ว่า อันดับ 17-50 รางวัลรวม 20,000 บาท จะหารให้ตามแต้มที่ทำได้ ถ้าแต้มมันมีอยู่ 80 ก็หาร 80 ..ถ้าแต้มมี 84 ก็หาร 84 ...รางวัลมันดิ้นได้ ว่าจะเข้ากระเป๋าคนไหนมากน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง
มีรางวัลให้ทุกคน มีไข่ไก่ปลอบใจอีกด้วย ใครจะบาย? ไม่ติดธุระจริงๆคงไม่บายแน่ บายไปแบบมีแต้มคนอื่นก็ยิ้มออก เช่นมี 2 แต้มแล้วบายไป ตัวหารก็น้อยลงไปอีก 2 แต้ม แบบนี้ยิ่งบายเยอะ คนที่แข่งต่อยิ่งต้องขอบคุณแล้วขอบคุณอีก
หมายเหตุ ภาพบางส่วนจาก 49 คน
รางวัลรวมของไฟฟ้าปีนี้ เฉพาะรุ่นทั่วไปคงประมาณ 1 แสนบาท ก็ยังเกลี่ยแบบโบนัสพ้อยท์ได้ แต่อาจจะได้ซักประมาณแต้มละ 100 กว่าบาท...แต่หมากรุกไทยมีรายการใหญ่ๆ รางวัลหลายแสน เกลี่ยได้สบาย
ถ้ารายการเล็กๆคงจ่ายรางวัลไม่ไหว หรือหารโบนัสพ้อยท์แล้วเหลือต่ำกว่าแต้มละ 50 บาทก็ไม่มีประโยชน์
ยกตัวอย่างเช่นหมากฮอสปีนี้ มีนักกีฬาที่มาแข่งขันจริง 49 คน รวมเศษบายอีก 1 ก็เป็น 50 คน ประกบรอบก็จะเป็น 25 คู่ ...รอบนึงก็จะมีแต้มรวมเกิดขึ้น 25 แต้ม ถ้าสวิส 1-2-3-4-5-6-7-8 รอบ แต้มรวมก็จะเป็น 25-50-75-100-125-150-175-200 ตามลำดับ นี่ผมนับให้ดู 8 รอบ แต่รายการทั่วไปมักแข่งได้เพียง 6-7 รอบ(ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนนักกีฬาด้วย)
ใช้การเกลี่ยรางวัลด้วย bonus point สมมุติว่ารายการนี้มีรางวัลให้ประมาณ 2 แสนบาท จัดแข่งสวิส 8 รอบ แต้มรวมจะมี 200 แต้ม จ่ายโบนัสให้แต้มละ 1,000 บาท ก็ใช้งบ 2 แสนพอดี ...สวิส 8 รอบ ใครทำได้ 1 แต้มก็รับไป 1,000 บาท ใครทำได้ 6.5 แต้มก็รับไป 6,500 บาท ใครทำได้ 0.5 แต้มก็รับไป 500 บาท แค่นี้ก็น้ำลายหกกันแล้ว
นี่แค่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆก่อน ถ้าเป็นงานที่จัดแข่ง 6 รอบ แต้มรวมก็มี 150 แต้ม หารแล้วจ่ายได้แต้มละ 1,333 บาท
แต่จ่ายง่ายๆแบบนี้ แน่นอนว่าถูกใจมือรองบ่อนและมือโนเนม ส่วนพวกเซียนหัวแถวมองแล้วไม่คุ้มค่าฝีมือ ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรมที่สุด ก็ต้องแยกรางวัลเป็นส่วนๆ ว่าจะจ่ายรางวัลให้อันดับสูงๆซักเท่าไหร่ดี(ก้อนโตกว่า) เหลืออีกส่วนนึงมาจ่ายให้อันดับล่างๆ(ก้อนเล็กกว่า) ที่จะได้รางวัลถึงแต้มละพันมันสูงไป แต้มนึงก็อาจจะได้ราวๆ 100-200 บาท ส่วนอันดับบนๆที่แย่งถ้วยกันก็ต้องไปคำนวนว่าจะจ่ายรางวัลให้อย่างไร จ่ายเป็นรางวัลตายตัวที่กำหนดไว้ก็ได้(รางวัลไหนได้กี่พันกี่หมื่นก็ว่ากันไป)
พูดง่ายๆว่าหลักการก็คือ มีการจ่ายเงินตามแต้มให้กับมือระดับล่างๆ ได้ 0.5 แต้มก็ได้รางวัลติดมือไป ถ้าได้ 0 แต้มเลยก็ช่วยไม่ได้แล้ว แจกไข่ไก่ครึ่งโหลเป็นรางวัลปลอบใจ เหอะๆ
เอาตัวอย่างมาทำให้ดูครับ เผื่อหมากรุกไทยสนใจก็นำวิธีการไปใช้ได้เลย ดัดแปลงได้ตามใจชอบ
ตัวอย่างเช่น 50 คน แข่งสวิส 6 รอบ จะมีแต้มรวม 150 แต้ม สมมุติว่าผู้จัดมีงบรางวัล 150,000 บาท
ตามตัวอย่างในภาพนี้ 8 อันดับแรกมีแต้มรวมกัน 36 แต้ม ส่วนที่เหลืออีก 114 แต้ม เอา 5 หมื่นไปแบ่งกัน ยังได้โบนัสแต้มละ 438 บาท ...ปัดเศษ ถ้าใครได้ 4 แต้มก็ได้ไป 1,750 บาท ...แต่ถ้าเรามองว่าคนได้แต้มเดียวยังได้ตั้ง 4 ร้อย ดูแล้วเยอะไป ก็กัน 5 หมื่นบาทที่ว่านี่ออกไปอีกส่วนหนึ่ง ซัก 3 หมื่นบาท, อีก 2 หมื่น เอาไปจ่ายโบนัสให้ อีก 82.5 แต้มที่เหลือ ยังได้แต้มละ 242 บาท ก็ยังน่าสน...นี่คือหลักการ..ทีนี้ผมจะลองเกลี่ยตัวเลขให้ดูใหม่ แทนตัวเลขที่คำนวนหยาบๆเมื่อซักครู่
อันดับ 1-8 รางวัลรวม 106,000 บาท (ตกหัวละ 13,250 บาท) ก็เกลี่ยให้มากน้อยตามความเหมาะสม
อันดับ 9-16 รางวัลรวม 24,000 บาท (ตกหัวละ 3,000 บาท) จ่ายให้เท่ากันทุกคนก็ได้ หรือจะเกลี่ยก็ได้
อันดับ 17-50 รางวัลรวม 20,000 บาท คิดให้ตามโบนัสพ้อยท์ ...ตามตัวอย่างนี้หักแต้มของ 16 อันดับแรกออกแล้วมีแต้มเหลืออยู่ 82.5 แต้ม หารแล้วได้โบนัสแต้มละ 242 บาท ใครได้กี่แต้มก็คูณเข้าไป
(นี่งบ 150,000 บาทนะครับ ยังเกลี่ยรางวัลได้มาก ถ้างบ 2-3 แสนยิ่งเกลี่ยได้มาก)
ถ้ามองว่าตัวเลขนี้ยังไม่สวย ก็คำนวนไปเรื่อยหาที่ถูกใจ จะให้ชั้นไหนมากน้อยก็ไปเกลี่ยเอา จะแบ่งชั้น 17-32 ออกมาอีกชั้นก็ได้...หรือกำหนดรางวัลตายตัวไว้หมดเลยทุกชั้นก็ได้ ชั้นสุดท้ายก็อันดับ 33-50 ...คือว่าไปแล้ว กำหนดรางวัลตายตัวเป็นขั้นบันไดมันง่ายกว่า ...แต่โบนัสพ้อยท์มันดีตรงว่าคนไหนทำแต้มได้ดีกว่าก็ได้ค่าฝีมือไปมากหน่อย เพียงแต่ผู้จัดงานจะไม่สามารถประกาศล่วงหน้าได้ว่า อันดับที่อยู่ในกลุ่มโบนัสพ้อยท์จะได้รางวัลคนละเท่าไหร่ ตามตัวอย่างนี้ก็ประกาศได้ว่า อันดับ 17-50 รางวัลรวม 20,000 บาท จะหารให้ตามแต้มที่ทำได้ ถ้าแต้มมันมีอยู่ 80 ก็หาร 80 ..ถ้าแต้มมี 84 ก็หาร 84 ...รางวัลมันดิ้นได้ ว่าจะเข้ากระเป๋าคนไหนมากน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง
มีรางวัลให้ทุกคน มีไข่ไก่ปลอบใจอีกด้วย ใครจะบาย? ไม่ติดธุระจริงๆคงไม่บายแน่ บายไปแบบมีแต้มคนอื่นก็ยิ้มออก เช่นมี 2 แต้มแล้วบายไป ตัวหารก็น้อยลงไปอีก 2 แต้ม แบบนี้ยิ่งบายเยอะ คนที่แข่งต่อยิ่งต้องขอบคุณแล้วขอบคุณอีก
หมายเหตุ ภาพบางส่วนจาก 49 คน
รางวัลรวมของไฟฟ้าปีนี้ เฉพาะรุ่นทั่วไปคงประมาณ 1 แสนบาท ก็ยังเกลี่ยแบบโบนัสพ้อยท์ได้ แต่อาจจะได้ซักประมาณแต้มละ 100 กว่าบาท...แต่หมากรุกไทยมีรายการใหญ่ๆ รางวัลหลายแสน เกลี่ยได้สบาย
ถ้ารายการเล็กๆคงจ่ายรางวัลไม่ไหว หรือหารโบนัสพ้อยท์แล้วเหลือต่ำกว่าแต้มละ 50 บาทก็ไม่มีประโยชน์
ระหว่างสวิส 8 รอบคัดเอา 4 คน...กับสวิส 6 รอบคัดเอา 8 คน...ต่างกันราวฟ้ากับดิน
หากนักกีฬาเกินจาก 64 คนขึ้นไป(เคยมีบางปีนักกีฬาเกินกว่านี้)รอบสวิสที่เหมาะสมที่สุดก็ 8 รอบ ถ้านักกีฬาราวๆ 50 คนก็ใช้ 7 รอบได้..ขอพูดถึงเรื่องจำนวนนักกีฬาก่อน ว่าไปแล้วถ้านักหมากฮอสไม่เล่นซ่อนหาเอาแต่แอบๆ อย่าว่าแต่ 64 คนเลยครับ...100 คนก็ยังมาได้..แต่ไม่ต้องมามากขนาดนั้นหรอก เอาแค่ 64 นี่เลขสวยสุด คือถ้าคนที่มีฝีมือแต่ทิ้งสนามนานๆไม่สลับหน้ามาแข่ง คนก็น้อยลงเรื่อยๆ...ถ้ามาบ้าง เว้นบ้าง ก็คงได้ตัวเลขตามเป้า
เดิมทีระบบสวิส 8 รอบคัดเอา 4 คน(พูดถึงรายการไฟฟ้านะครับ งานอื่นคนน้อยสวิสได้แค่ไม่กี่รอบ) นี่มันศักดิ์สิทธิ์มากๆ ไม่ใช่เซียนใหญ่ตัวจริงหลุดเข้าไปยาก...นับตั้งแต่ไฟฟ้าเริ่มใช้ระบบสวิสเมื่อปี 2549(ไฟฟ้าครั้งที่ 10) มีเพียงเซียนดำกับเซียนโย่ง 2 คนเท่านั้น ที่ไม่เคยพลาดติด 4 อันดับแรก เรียกได้ว่าใครชอบเล่นม้าเล่นหวย แทงวินแทงเพส แทงเต็งแทงโต๊ด แทงไปเถอะ รับรองได้ตังค์ใช้แน่...แม้แต่รายการอื่นที่คนน้อยกว่า เช่นที่สนามหลวง ฯลฯ ก็ไม่เคยพลาดเช่นกัน นับแล้วเป็นสิบรายการทั้งประเภท 8 ตัวและ 12 ตัว...นี่แหละมันศักดิ์สิทธิ์จริง มือไม่ถึงฟลุ๊คยาก
แต่พอเริ่มมีระบบเผื่อฟลุ๊คจากความคิดคนบางคนเข้ามาแทรก ที่เห็นๆก็มี 2 คน...คนหนึ่งอยากให้เซียนดำตกรอบ(ไม่ใช่นักกีฬา)...อีกคนหนึ่งหวังฟลุ๊คให้ตนเองเข้ารอบ(นักกีฬา) ก็ว่าไปว่าระบบเก่ามันไม่ดี อย่างโน้นอย่างนี้ (คือมันจะดีได้ไง ตัวเองแข่งมา 5-6 ปียังไม่เคยเข้ารอบ 4 คนที่ไฟฟ้าได้ซักครั้ง) ดังนั้น ต้องหาระบบคัดเอา 8 คน หรือถ้า 8 คนแล้วยังตกรอบบ่อยๆก็คงเปลี่ยนเป็นคัดเอา 16 คน จะได้เข้ารอบชัวร์ๆ แต่ถ้าโชคร้ายหลุดไปอันดับที่ 17 อีกก็ช่วยไม่ได้แล้ว
เมื่อมีการเปลี่ยนระบบ ระบบสุกเอาเผากิน หุงอาหารต้มน้ำยังไม่ทันสุกไม่ทันเดือดเต็มที่ก็เอามากิน ดูหนังเอ็กซ์หนังอาร์กำลังเข้าได้เข้าเข็ม เอาหนังธรรมะมาให้ดูแทน ...แทนที่ผมจะได้ดู ได้บันทึกสถิติต่อไปว่า เซียนดำสวิสไม่เข้ารอบ 4 คน พ.ศ.ไหน กลายเป็นเห็นเซียนดำตกรอบ 8 คนแทน ...ระบบมันดีแล้วเปลี่ยนทำไม...อ้างว่าไม่อยากให้งานเลิกดึก เกรงใจผู้บริหารระดับสูงรอแจกรางวัล...แต่ทำไมสมัยก่อนแข่งกันจนพระอาทิตย์ตกดิน ก็ยังมีผู้บริหารระดับสูงรอได้ ...รอไม่ได้ก็ให้ระดับรองๆหรือผู้จัดการแข่งขันแจกแทนก็ได้ครับ ปีนึงแค่วันเดียวเอง ถ้ารอไม่ได้จริงๆก็ให้คนอื่นทำหน้าที่แทน
ระบบเดิมๆ ทำให้เซียนดำ เซียนโย่ง เซียนใช้ และเซียนที่คนทั่วไปรู้จักเข้ารอบถี่ยิบจนไม่มีใครแทรกได้ เป็นระบบที่ไม่ดี? ระบบใหม่ๆทำให้มือครึ่งผีครึ่งคน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เข้ารอบบ้างตกรอบบ้าง เป็นระบบที่ดีกว่า? อย่าพูดเองเออเองเถียงข้างๆคูๆเลยครับ ฟังเสียงส่วนใหญ่...มองสภาพความเป็นจริงดีกว่า...ชื่อเสียงไม่ได้สร้างกันแค่เพียงปีเดียว แต่มันยาวนานร่วมๆ 30 ปี...แบบฟลุ๊คไปฟลุ๊คมา ถ้าอยากรู้ว่าจริงๆแล้วตัวเองฝีมือระดับไหน ไม่ยากเลยครับ ทำโพลให้นักหมากฮอสโหวตกันเลยว่า อันดับในใจของแต่ละคน 16 อันดับแรกมีใครบ้าง ..ปีหน้าแจกโพลในงานเลยก็ได้ครับ
***************************************
ที่เห็นได้ชัดก็รอบ 6 ...ว่าที่ 8 เซียนพอดีประกบเจอกัน 4 คู่ครบคนพอดี แล้วก็เสมอรวดทั้ง 4 คู่..ยังกะเป็นสูตรเป็นล็อคมาตรฐานเลย เสมอได้ไงตั้ง 4 คู่ ไม่มีใครอยากชนะ และไม่มีใครอยากแพ้ สนแค่ว่าถ้ารอบนี้ตัวเองเสมอ แล้วคู่อื่นมีแพ้ชนะกันแม้เพียงคู่เดียว ไงก็ยังติด 8 เซียนอยู่ดี แต่นี่โชคดีถึงขนาดว่า เสมอทั้ง 4 คู่ก็ยังไม่มีใครแซงขึ้นมาได้...ถามว่าถ้ากติกาคัดเอา 4 คน...4 คู่นี้จะยอมเสมอกันแบบนี้หรือไม่? ไงก็ต้องฟาดฟันกันแย่งเข้า 4 คนให้ได้...ยิ่งเอาเข้ารอบเยอะก็ยิ่งเล่นแผ่ว เล่นไม่เต็มที่...ก็ลองคัดเอา 16 คนหรือ 32 คนสิ ยิ่งเดินเอื่อยเฉื่อยยิ่งกว่านี้
ในเรื่องฝีมือนั้น ไม่จำเป็นว่ามองที่ผลการแข่งขันในอดีตเพียงอย่างเดียว ลองถามคนที่เคยแข่งขันแล้วเจอมา เคยลองซ้อมแต้มดู(ซ้อมแบบนั่งเล่นกันนะครับ ไม่ใช่ซ้อมออนไลน์) ว่าชื่อเสียงที่ได้มาฝีมือหรือฟลุ๊ค เป็นแค่ราคาคุยหรือเปล่า
เดิมทีระบบสวิส 8 รอบคัดเอา 4 คน(พูดถึงรายการไฟฟ้านะครับ งานอื่นคนน้อยสวิสได้แค่ไม่กี่รอบ) นี่มันศักดิ์สิทธิ์มากๆ ไม่ใช่เซียนใหญ่ตัวจริงหลุดเข้าไปยาก...นับตั้งแต่ไฟฟ้าเริ่มใช้ระบบสวิสเมื่อปี 2549(ไฟฟ้าครั้งที่ 10) มีเพียงเซียนดำกับเซียนโย่ง 2 คนเท่านั้น ที่ไม่เคยพลาดติด 4 อันดับแรก เรียกได้ว่าใครชอบเล่นม้าเล่นหวย แทงวินแทงเพส แทงเต็งแทงโต๊ด แทงไปเถอะ รับรองได้ตังค์ใช้แน่...แม้แต่รายการอื่นที่คนน้อยกว่า เช่นที่สนามหลวง ฯลฯ ก็ไม่เคยพลาดเช่นกัน นับแล้วเป็นสิบรายการทั้งประเภท 8 ตัวและ 12 ตัว...นี่แหละมันศักดิ์สิทธิ์จริง มือไม่ถึงฟลุ๊คยาก
แต่พอเริ่มมีระบบเผื่อฟลุ๊คจากความคิดคนบางคนเข้ามาแทรก ที่เห็นๆก็มี 2 คน...คนหนึ่งอยากให้เซียนดำตกรอบ(ไม่ใช่นักกีฬา)...อีกคนหนึ่งหวังฟลุ๊คให้ตนเองเข้ารอบ(นักกีฬา) ก็ว่าไปว่าระบบเก่ามันไม่ดี อย่างโน้นอย่างนี้ (คือมันจะดีได้ไง ตัวเองแข่งมา 5-6 ปียังไม่เคยเข้ารอบ 4 คนที่ไฟฟ้าได้ซักครั้ง) ดังนั้น ต้องหาระบบคัดเอา 8 คน หรือถ้า 8 คนแล้วยังตกรอบบ่อยๆก็คงเปลี่ยนเป็นคัดเอา 16 คน จะได้เข้ารอบชัวร์ๆ แต่ถ้าโชคร้ายหลุดไปอันดับที่ 17 อีกก็ช่วยไม่ได้แล้ว
เมื่อมีการเปลี่ยนระบบ ระบบสุกเอาเผากิน หุงอาหารต้มน้ำยังไม่ทันสุกไม่ทันเดือดเต็มที่ก็เอามากิน ดูหนังเอ็กซ์หนังอาร์กำลังเข้าได้เข้าเข็ม เอาหนังธรรมะมาให้ดูแทน ...แทนที่ผมจะได้ดู ได้บันทึกสถิติต่อไปว่า เซียนดำสวิสไม่เข้ารอบ 4 คน พ.ศ.ไหน กลายเป็นเห็นเซียนดำตกรอบ 8 คนแทน ...ระบบมันดีแล้วเปลี่ยนทำไม...อ้างว่าไม่อยากให้งานเลิกดึก เกรงใจผู้บริหารระดับสูงรอแจกรางวัล...แต่ทำไมสมัยก่อนแข่งกันจนพระอาทิตย์ตกดิน ก็ยังมีผู้บริหารระดับสูงรอได้ ...รอไม่ได้ก็ให้ระดับรองๆหรือผู้จัดการแข่งขันแจกแทนก็ได้ครับ ปีนึงแค่วันเดียวเอง ถ้ารอไม่ได้จริงๆก็ให้คนอื่นทำหน้าที่แทน
ระบบเดิมๆ ทำให้เซียนดำ เซียนโย่ง เซียนใช้ และเซียนที่คนทั่วไปรู้จักเข้ารอบถี่ยิบจนไม่มีใครแทรกได้ เป็นระบบที่ไม่ดี? ระบบใหม่ๆทำให้มือครึ่งผีครึ่งคน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เข้ารอบบ้างตกรอบบ้าง เป็นระบบที่ดีกว่า? อย่าพูดเองเออเองเถียงข้างๆคูๆเลยครับ ฟังเสียงส่วนใหญ่...มองสภาพความเป็นจริงดีกว่า...ชื่อเสียงไม่ได้สร้างกันแค่เพียงปีเดียว แต่มันยาวนานร่วมๆ 30 ปี...แบบฟลุ๊คไปฟลุ๊คมา ถ้าอยากรู้ว่าจริงๆแล้วตัวเองฝีมือระดับไหน ไม่ยากเลยครับ ทำโพลให้นักหมากฮอสโหวตกันเลยว่า อันดับในใจของแต่ละคน 16 อันดับแรกมีใครบ้าง ..ปีหน้าแจกโพลในงานเลยก็ได้ครับ
***************************************
ที่เห็นได้ชัดก็รอบ 6 ...ว่าที่ 8 เซียนพอดีประกบเจอกัน 4 คู่ครบคนพอดี แล้วก็เสมอรวดทั้ง 4 คู่..ยังกะเป็นสูตรเป็นล็อคมาตรฐานเลย เสมอได้ไงตั้ง 4 คู่ ไม่มีใครอยากชนะ และไม่มีใครอยากแพ้ สนแค่ว่าถ้ารอบนี้ตัวเองเสมอ แล้วคู่อื่นมีแพ้ชนะกันแม้เพียงคู่เดียว ไงก็ยังติด 8 เซียนอยู่ดี แต่นี่โชคดีถึงขนาดว่า เสมอทั้ง 4 คู่ก็ยังไม่มีใครแซงขึ้นมาได้...ถามว่าถ้ากติกาคัดเอา 4 คน...4 คู่นี้จะยอมเสมอกันแบบนี้หรือไม่? ไงก็ต้องฟาดฟันกันแย่งเข้า 4 คนให้ได้...ยิ่งเอาเข้ารอบเยอะก็ยิ่งเล่นแผ่ว เล่นไม่เต็มที่...ก็ลองคัดเอา 16 คนหรือ 32 คนสิ ยิ่งเดินเอื่อยเฉื่อยยิ่งกว่านี้
ในเรื่องฝีมือนั้น ไม่จำเป็นว่ามองที่ผลการแข่งขันในอดีตเพียงอย่างเดียว ลองถามคนที่เคยแข่งขันแล้วเจอมา เคยลองซ้อมแต้มดู(ซ้อมแบบนั่งเล่นกันนะครับ ไม่ใช่ซ้อมออนไลน์) ว่าชื่อเสียงที่ได้มาฝีมือหรือฟลุ๊ค เป็นแค่ราคาคุยหรือเปล่า
กิจกรรมที่ไม่เครียด เสียเงิน แต่สบายใจกว่ากันเยอะเลย
สิ้นปีนี้ก็จะลบเรื่องวิ่งๆกับเรื่องอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับหมากฮอสออกครับ อาจเหลือไว้แค่นิดๆหน่อยๆ จะได้เห็นส่วนที่เป็นหมากฮอสมากขึ้น
เรื่องการอัพเดทคงน้อยมากหรือไม่มีเลย เนื่องจากว่าก่อนนี้ทำไปเยอะแล้ว นานถึง 5 ปี ขาประจำเก่าแก่ก็อ่านมาเยอะแล้ว จนรู้ว่าแทบหมดไส้หมดพุงไม่มีเรื่องจะไปต่อแล้ว ที่เห็นในบล็อกนี่จึงมีแต่หมากฮอสแบบที่หาดูที่ไหนไม่ได้ พวกหมากกลพิศดาร เรื่องราวประหลาด .....ส่วนเรื่อง basic ไปยัน advance ลงหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว เลยเหลือแต่เรื่อง magic กับ unbelieveable อิอิ
วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ผลแข่งขันหมากฮอส กฟภ. 2557 (คร่าวๆ) (เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเล่นที่ไร้สปิริตและเรื่องที่ไม่มีเสวนาประชุมเรื่องกติกา)
เสร็จสิ้นไปแล้วกับการแข่งขันหมากฮอส กฟภ. ประจำปี 2557 ขอแสดงความยินดีกับเซียนโบ้ที่คว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2 และเป็นการป้องกันแชมป์ไปในตัว..ส่วนเรื่องเซียนดำตกรอบนี่ผมคาดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าปีนี้ก็คงไม่ได้แชมป์ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะพลาดท่าในรอบ 8 คน และด้วยฝีมือหมวกแดง ..ยุคนี้มือแข็งๆเยอะ ใครก็มีสิทธิ์แพ้ใครได้ เป็นเรื่องปกติ ต่างกับยุคก่อน ตัวสอดแทรกมีน้อย ..ไม่ง่ายหรอกครับที่เซียนดำจะได้แชมป์ถี่ยิบเหมือนในอดีต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเซียนดำหมดพิษสงไปแล้ว เพียงแต่วันนี้ไม่ใช่วันของเซียนดำ
พูดถึงนักกีฬาปีนี้ รู้สึกจะราวๆ 50 กว่าคนต้นๆ มีขาเก่ารีเทิร์นมาให้เห็นบ้าง เช่น เฮียช่วยสะพานขาว ทิ้งสังเวียนยาวเป็นช่วงๆแล้วก็โผล่มาให้แปลกใจเล่น บุญหลายเซียนขี้เมา ตับยังแข็งแรงดี เห็นหายไปพักนึงก็โผล่มาอีกแล้ว.. มีโผล่มาให้แปลกใจ ก็มีหายไปให้แปลกใจเหมือนกัน หนุ่มหล่อฉายาหนุ่มเทพฯ ขาประจำที่ไม่เคยพลาด เที่ยวนี้คงติดธุระอะไรซักอย่าง ส่วนเซียนเก่ากลุ่มหนึ่งที่ชอบเล่นซ่อนหาก็เรื่องของเค้าครับ ผมเดาผิดที่เซียนใช้ คิดว่าเฮียใช้คงไม่มาแล้ว ที่ไหนได้ยังมาติด 8 คนแรกได้อีก วัยนี้แล้วฝีมือเสื่อมถอยลงมาก ยังยืน ณ จุดนี้ได้ก็เก่งแล้วครับ เทียบแล้วยังดีกว่าหนุ่มๆอีกหลายมือที่เคยขึ้นอันดับสูงๆ แต่บางทีก็ออกทะเลไปถึงอันดับ 10 กว่า 20 กว่า เฮียใช้แย่สุดก็ประมาณ 10 กว่า น้อยคนที่จะรักษามาตรฐานอันดับตัวเองให้นิ่งได้ ไม่แกว่งจนน่าใจหาย
อย่างที่พูดไว้ตอนต้น เซียนดำแพ้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่แปลกที่ต้องมาตกม้าตายในรอบ 8 คน นี่เป็นเพราะระบบการแข่งขันหรือเปล่า? ผมเกริ่นไว้แต่ต้นแล้วว่า สวิสน้อยรอบ จะมีพลิกล็อค (เพราะจะมีรายการช้างชนช้างในรอบน็อคเอ้าท์) ถ้ามอง 4 คู่รอบ 8 คน มารุต-เซียนอุ, เซียนโอ๋-เฮียใช้, เซียนเด้ง-เซียนโบ้, เซียนดำ-หมวกแดง ผมว่าดูแล้วหนักหนาสาหัส 3 คู่ มีคู่นึงดูเบาหน่อย..แต่มีเรื่องประหลาดมหัศจรรย์เหลือเชื่อที่สุดก็คือ หลังจากใช้สวิส 6 รอบ(จากจำนวน 50 กว่าคน) ซึ่งอย่างต่ำควรเป็น 7 รอบ ผลออกมาคือ 4.5 แต้มมีถึง 9 คน! ไม่มีใครทำแต้มนำได้แม้แต่ครึ่งแต้ม แถมผู้โชคดีก็มีเพียง 1 คนเท่านั้น แปลกแต่จริง
แล้วใครสวิสเข้าที่ 1 ใช่ว่าจะปลื้มหรือสบาย ไปเจออันดับ 8 ซึ่งฝีมือไม่ห่างกันเลย ไม่ใช่จะเคี้ยวง่ายๆ กลายเป็นโดนอันดับ 8 สอยซะอีก (ครั้นจะหลบจากที่ 1 ก็หลบไม่ได้ซะด้วยงานนี้ เพราะทุกคนยืนพื้นที่ 4.5 แต้ม ขืนหลบก็ลงไปที่ 10 ไม่สามารถวางแผนการเล่นได้ เรียกว่าชะตาฟ้าลิขิต)
นี่แหละที่ผมไม่เห็นด้วย เพราะผมรู้ว่า อันดับ 1 2 3 4 จะแพ้อันดับ 8 7 6 5 มันต้องมีเกิดขึ้นแน่นอน มันบั่นทอนกำลังใจของคนที่ตั้งใจจะหนีไปอันดับสูงๆ อยู่เตี้ยกว่ายังสบายใจกว่า..พลาดท่าก็ตกรอบนี้ ไม่เข้า 4 คน ..เที่ยวนี้เซียนดำก็เจอแจ๊คพ็อตเข้าให้อย่างจัง เป็นครั้งแรกที่ไม่เข้ารอบ 4 คน นับตั้งแต่มีการนำระบบสวิสมาใช้กับหมากฮอสรายการใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2549 (ไฟฟ้าครั้งที่ 10) ผมพูดว่ารายการใหญ่นะครับ เพราะระบบสวิสที่นำมาใช้กับหมากฮอสครั้งแรก(ครั้งแรกจริงๆ) ผมเป็นคนริเริ่มทำเป็นคนแรก ที่งานแข่งขันหมากฮอสดอทคอม(ประเภท ข.) ที่กระทรวงแรงงาน เมื่อปี 2547 (คือตอนนั้นถ้าใครเกิดไม่ทันหรือไม่ได้ไปแข่งก็ช่วยไม่ได้นะครับ) ตอนนั้นผมต้องฟังเสียงนกเสียงกาเสียงคัดค้านพอสมควร แล้วสุดท้ายทำไมวงการหมากกระดานต้องเข้าระบบนี้หมด? แต่ไม่ได้หมายความว่า การนำระบบสวิสมาใช้จัดแข่งขันของแต่ละแห่งจะเป็นมาตรฐานเดียวกัน อยู่ที่ว่าใช้เป็น ใช้ไม่เป็น แค่ไหนยังไง
อีกเรื่องที่ได้ยินมาในปีนี้คือ อันดับที่ 9-32 เดิมทีเคยจัดอันดับด้วยการน็อคใหม่กลุ่มละ 4 อันดับที่อยู่ติดกัน กลายเป็นนำมาแพริ่งต่อในระบบสวิส ทีแรกผมฟังแล้วก็งงๆว่าทำได้ไง ประกบคู่ได้ไง..คิดอยู่พักใหญ่ก็พอจะนึกภาพออก ก็คงต้องใช้วิธีลบรายชื่อ 8 อันดับแรกออก เหมือนว่าถอนตัวออกจากการแข่งขัน แล้วประกบคู่ต่อไปอีก 3 รอบ ซึ่งถ้าทำแบบที่ว่านี้ อันดับ standing ในตอนท้าย พวก 8 อันดับแรกก็จะหล่นลงไปข้างล่าง คนอื่นแทรกขึ้นมาอยู่ด้านบนแทน...แต่ผมไม่เห็นภาพผลการจัดลำดับที่ว่า แต่อยากติงว่า การทำแบบนี้มันผิด 2 เรื่อง..หนึ่งคือเรื่องของความยุติธรรม เพราะคะแนนเก่าของแต่ละคนที่คาอยู่นั่น เจอหนักเบามาไม่เหมือนกัน บางคนเจอพวก 8 เซียนทุบมาแล้ว พอตัดออกแบบนี้คนอื่นก็สบายไป มาแบบมีคะแนนสะสมของเก่ายกยอดมา...สองคือเหตุไม่คาดฝันจากการประกบคู่ต่อไปไม่ได้ อาจจะเกิดขึ้น เพราะระบบสวิสไม่ใช่จะประกบคู่ต่อไปได้นานๆ พอถึงจุดๆหนึ่งมันประกบต่อไม่ได้แล้ว..ยิ่งถ้านักกีฬาน้อย ยิ่งประกบได้น้อยรอบ นี่ยังดีว่ามีนักกีฬาเยอะพอสมควร ยังประกบได้ แต่ถ้าตัดชื่อพวกหัวๆท้ายๆออกก็คงเหลือไม่มาก ไม่แน่ใจว่าจะประกบต่อได้อีก 3 รอบเสมอไป ถ้าประกบต่อไม่ได้แล้วงานเข้าแน่...และก็เป็นการบั่นทอนจิตใจคนที่อยู่ในลำดับ 32 คนแรกที่คิดว่าตนเองควรได้รางวัลแล้ว แต่พอมาแข่งใหม่แบบนี้แล้วก็พลาดรางวัล...กลับไปลองทบทวนใหม่นะครับ..หรือไม่ต้องทบทวน?
แล้วผลน็อครอบ 8 คนก็เห็นว่า อันดับที่ดูดีกว่าจากสวิสพอน็อคแล้วกลับไม่ดีกว่า..อันดับ 1 แพ้อันดับ 8..อันดับ 3 แพ้อันดับ 6.. อันดับ 4 แพ้อันดับ 5..มีเพียงอันดับ 2 ชนะอันดับ 7
การที่ต้องท้วงติงเรื่องกติกาปีแล้วปีเล่า เพราะว่าแต่ละปีเวลามีจัดแข่ง ไม่เคยเสวนาขอความเห็นทำแบบสอบถามว่าใครมีข้อเสนออะไรเพิ่มเติมไหม?(มีเพียงปีเดียว นานแล้ว) เห็นว่าตรงไหนบกพร่องไหม? ไม่มีเรียกประชุมระหว่างผู้จัดการแข่งขันกับนักกีฬา..ทั้งๆที่มีเวลาจะมานั่งคุยกันได้ เช่นก่อนการแข่งขัน ตอนพักรอบ ตอนพักเที่ยง ไม่ต้องเรียกมาคุยกันจนครบคนหรอกครับ วางแปลนไว้ก่อนก็ได้ ว่าจะให้ใครเป็นตัวแทนนักกีฬาซักประมาณกี่คน มาร่วมคุยเรื่องกติกาต่างๆ ทั้งเรื่องสวิส กระดานทอง รวมถึงกติกาอื่นเช่นการนับ 16 หมากที่ลักษณะวนเวียน ยิ่งวนเวียนในลักษณะหมากเสมอ 100% ไม่มีแพ้ชนะ แล้วอีกฝ่ายไม่ยอมให้เสมอ จะแกล้งให้แพ้เวลา ผมว่าน่าเกลียดมากๆ...นี่เป็นการแข่งขันนะครับ ไม่ใช่เล่นเกมออนไลน์ อย่าเอานิสัยเกมออนไลน์มาใช้ แพ้ก็โยนให้กินส่งเดชแต่ชนะเวลา...ย้ำว่านี่เป็นการแข่งขัน ใครทำแบบนั้นสปิริตต่ำมาก ต้องไปทบทวนปรับปรุงตัวเอง ผมฟังมาแล้วผมได้แต่ส่ายหัว เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำแบบนี้ ก่อนนี้ก็แกล้งไม่เดินเพราะเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามลืมกดนาฬิกา นี่ก็มาเล่นวิธีเอาหมากเสมอ 100% มาแกล้งให้อีกฝ่ายเข็มตก...ทำไปแล้วได้อะไร แค่เงิน 1-2 พันบาท? ฝีมือยังไม่สูงพอ จะเล่นวิธีไหนก็ยังไม่มีทางเข้า 8 คนได้ง่ายๆ ..ใช้ฝีมือล้วนๆชนะคนอื่น คนอื่นก็นับถือเรา..ใช้เล่ห์กลชนะคนอื่น โดนโจษจันไปทั่ว ไม่คุ้มกันเลย เชื่อผมเถอะ
ถ้าเมื่อไรผมเห็นว่ากติกาดีพอ ยอมรับฟังความเห็นจากเซียนใหญ่แทนที่จะรับฟังความเห็นจากคนภายใน ผมจะกลับไปเป็นหมูให้คนอื่นลองล่อเป้า อำลาวงการปี 2554 ผ่านมาตอนนี้ก็ 3 ปีแล้ว ปีหน้าก็เช่นเดิม นับต่อไปได้เป็นปีที่ 4 แต่จะเป็น 5 ปีขึ้นไป ยามใดที่ผมจะลองไปลงสนามให้รุ่นน้องทุบ ผมไม่เขินหรอกครับ ขอแค่กติกาถูกใจผม เวลาไหนได้ทั้งนั้น ..พ.ศ.นี้เซียนดำยังย่ำแย่ แล้วผมมืออ่อนกว่าเซียนดำไงก็คงไปไม่ไหว ..เฮียใช้ หมวกแดง ก็ยังลูกผีลูกคน ..แต่ทุกคนที่เอ่ยมามีเหมือนกันคือ เป็นประเภทไม่มีคำว่ากลัวเสียหน้า ไม่จำเป็นต้องหนีสนามทั้งๆที่ว่างไปแข่ง คือถ้าอยากเล่นจะทุบคนอื่นหรือโดนคนอื่นทุบก็รับได้ ไม่ได้หน้าบางว่าจะแพ้ไม่ได้ แพ้ได้ อยากแพ้ซะให้เข็ด กลัวแต่ว่าจะไม่ได้แพ้สมใจนึกแค่นั้นเอง 55..เซียนแต่ละคนฝีมือมีเด่นมีด้อยไปคนละด้าน แม้ไม่เพอเฟคครบถ้วนทุกด้าน แต่ถ้าใครเจอเซียนใหญ่เซียนเก่าหลายๆด่านแล้วจะรู้สึก ลีลาไม่เหมือนกัน กล้าได้กล้าเสียไม่เหมือนกัน ..แต่ถ้าดูผลงานก็คงเห็นว่า หลายๆคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุคหลายสมัยก็ยังยืนอันดับบนๆได้ตลอด พวกที่ออกทะเลแกว่งไปแกว่งมาจะเอามาเปรียบเทียบกันคงเปรียบกันยาก ถ้าเฮียใช้อายุถึง 70 เมื่อไรแล้วยังติดราวๆ 8 อันดับแรกได้ คนที่ยังไม่เคยเข้า 8 คนรายการใหญ่ๆหรือนานๆเข้าได้ซักที ก็ลองคิดดูครับว่า ระดับฝีมือและความเก๋าต่างกันแค่ไหนยังไง
พ.ศ.นี้ผมยกให้ 2 คน ที่ยอมรับว่าเล่นด้วยยากที่สุด คนแรกก็เซียนดำเจ้าเก่า แม้หมากที่เล่นจะเป็นหมากเก่าๆ เพราะไม่ได้ขลุกอยู่กับพวกโปรแกรมซักเท่าไหร่ แต่ความครบเครื่องตั้งแต่ต้นกระดานไปยันปลายกระดานนี่ เล่นแล้วโดนกดดันมาก..อีกคนก็เซียนโบ้ ฟอร์มสดตลอด คล่องทั้งรูปเก่ารูปใหม่ แล้วด้านความคิดก็คิดดี ..ส่วนคนอื่นๆจุดอ่อนยังเยอะ จะดีก็เวลาใครเดินรูปไปติดการบ้านหรือรูปที่ถนัด เรื่องคิดสดแข่งกันทุกก้าวยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่
พูดถึงนักกีฬาปีนี้ รู้สึกจะราวๆ 50 กว่าคนต้นๆ มีขาเก่ารีเทิร์นมาให้เห็นบ้าง เช่น เฮียช่วยสะพานขาว ทิ้งสังเวียนยาวเป็นช่วงๆแล้วก็โผล่มาให้แปลกใจเล่น บุญหลายเซียนขี้เมา ตับยังแข็งแรงดี เห็นหายไปพักนึงก็โผล่มาอีกแล้ว.. มีโผล่มาให้แปลกใจ ก็มีหายไปให้แปลกใจเหมือนกัน หนุ่มหล่อฉายาหนุ่มเทพฯ ขาประจำที่ไม่เคยพลาด เที่ยวนี้คงติดธุระอะไรซักอย่าง ส่วนเซียนเก่ากลุ่มหนึ่งที่ชอบเล่นซ่อนหาก็เรื่องของเค้าครับ ผมเดาผิดที่เซียนใช้ คิดว่าเฮียใช้คงไม่มาแล้ว ที่ไหนได้ยังมาติด 8 คนแรกได้อีก วัยนี้แล้วฝีมือเสื่อมถอยลงมาก ยังยืน ณ จุดนี้ได้ก็เก่งแล้วครับ เทียบแล้วยังดีกว่าหนุ่มๆอีกหลายมือที่เคยขึ้นอันดับสูงๆ แต่บางทีก็ออกทะเลไปถึงอันดับ 10 กว่า 20 กว่า เฮียใช้แย่สุดก็ประมาณ 10 กว่า น้อยคนที่จะรักษามาตรฐานอันดับตัวเองให้นิ่งได้ ไม่แกว่งจนน่าใจหาย
อย่างที่พูดไว้ตอนต้น เซียนดำแพ้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่แปลกที่ต้องมาตกม้าตายในรอบ 8 คน นี่เป็นเพราะระบบการแข่งขันหรือเปล่า? ผมเกริ่นไว้แต่ต้นแล้วว่า สวิสน้อยรอบ จะมีพลิกล็อค (เพราะจะมีรายการช้างชนช้างในรอบน็อคเอ้าท์) ถ้ามอง 4 คู่รอบ 8 คน มารุต-เซียนอุ, เซียนโอ๋-เฮียใช้, เซียนเด้ง-เซียนโบ้, เซียนดำ-หมวกแดง ผมว่าดูแล้วหนักหนาสาหัส 3 คู่ มีคู่นึงดูเบาหน่อย..แต่มีเรื่องประหลาดมหัศจรรย์เหลือเชื่อที่สุดก็คือ หลังจากใช้สวิส 6 รอบ(จากจำนวน 50 กว่าคน) ซึ่งอย่างต่ำควรเป็น 7 รอบ ผลออกมาคือ 4.5 แต้มมีถึง 9 คน! ไม่มีใครทำแต้มนำได้แม้แต่ครึ่งแต้ม แถมผู้โชคดีก็มีเพียง 1 คนเท่านั้น แปลกแต่จริง
แล้วใครสวิสเข้าที่ 1 ใช่ว่าจะปลื้มหรือสบาย ไปเจออันดับ 8 ซึ่งฝีมือไม่ห่างกันเลย ไม่ใช่จะเคี้ยวง่ายๆ กลายเป็นโดนอันดับ 8 สอยซะอีก (ครั้นจะหลบจากที่ 1 ก็หลบไม่ได้ซะด้วยงานนี้ เพราะทุกคนยืนพื้นที่ 4.5 แต้ม ขืนหลบก็ลงไปที่ 10 ไม่สามารถวางแผนการเล่นได้ เรียกว่าชะตาฟ้าลิขิต)
นี่แหละที่ผมไม่เห็นด้วย เพราะผมรู้ว่า อันดับ 1 2 3 4 จะแพ้อันดับ 8 7 6 5 มันต้องมีเกิดขึ้นแน่นอน มันบั่นทอนกำลังใจของคนที่ตั้งใจจะหนีไปอันดับสูงๆ อยู่เตี้ยกว่ายังสบายใจกว่า..พลาดท่าก็ตกรอบนี้ ไม่เข้า 4 คน ..เที่ยวนี้เซียนดำก็เจอแจ๊คพ็อตเข้าให้อย่างจัง เป็นครั้งแรกที่ไม่เข้ารอบ 4 คน นับตั้งแต่มีการนำระบบสวิสมาใช้กับหมากฮอสรายการใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2549 (ไฟฟ้าครั้งที่ 10) ผมพูดว่ารายการใหญ่นะครับ เพราะระบบสวิสที่นำมาใช้กับหมากฮอสครั้งแรก(ครั้งแรกจริงๆ) ผมเป็นคนริเริ่มทำเป็นคนแรก ที่งานแข่งขันหมากฮอสดอทคอม(ประเภท ข.) ที่กระทรวงแรงงาน เมื่อปี 2547 (คือตอนนั้นถ้าใครเกิดไม่ทันหรือไม่ได้ไปแข่งก็ช่วยไม่ได้นะครับ) ตอนนั้นผมต้องฟังเสียงนกเสียงกาเสียงคัดค้านพอสมควร แล้วสุดท้ายทำไมวงการหมากกระดานต้องเข้าระบบนี้หมด? แต่ไม่ได้หมายความว่า การนำระบบสวิสมาใช้จัดแข่งขันของแต่ละแห่งจะเป็นมาตรฐานเดียวกัน อยู่ที่ว่าใช้เป็น ใช้ไม่เป็น แค่ไหนยังไง
อีกเรื่องที่ได้ยินมาในปีนี้คือ อันดับที่ 9-32 เดิมทีเคยจัดอันดับด้วยการน็อคใหม่กลุ่มละ 4 อันดับที่อยู่ติดกัน กลายเป็นนำมาแพริ่งต่อในระบบสวิส ทีแรกผมฟังแล้วก็งงๆว่าทำได้ไง ประกบคู่ได้ไง..คิดอยู่พักใหญ่ก็พอจะนึกภาพออก ก็คงต้องใช้วิธีลบรายชื่อ 8 อันดับแรกออก เหมือนว่าถอนตัวออกจากการแข่งขัน แล้วประกบคู่ต่อไปอีก 3 รอบ ซึ่งถ้าทำแบบที่ว่านี้ อันดับ standing ในตอนท้าย พวก 8 อันดับแรกก็จะหล่นลงไปข้างล่าง คนอื่นแทรกขึ้นมาอยู่ด้านบนแทน...แต่ผมไม่เห็นภาพผลการจัดลำดับที่ว่า แต่อยากติงว่า การทำแบบนี้มันผิด 2 เรื่อง..หนึ่งคือเรื่องของความยุติธรรม เพราะคะแนนเก่าของแต่ละคนที่คาอยู่นั่น เจอหนักเบามาไม่เหมือนกัน บางคนเจอพวก 8 เซียนทุบมาแล้ว พอตัดออกแบบนี้คนอื่นก็สบายไป มาแบบมีคะแนนสะสมของเก่ายกยอดมา...สองคือเหตุไม่คาดฝันจากการประกบคู่ต่อไปไม่ได้ อาจจะเกิดขึ้น เพราะระบบสวิสไม่ใช่จะประกบคู่ต่อไปได้นานๆ พอถึงจุดๆหนึ่งมันประกบต่อไม่ได้แล้ว..ยิ่งถ้านักกีฬาน้อย ยิ่งประกบได้น้อยรอบ นี่ยังดีว่ามีนักกีฬาเยอะพอสมควร ยังประกบได้ แต่ถ้าตัดชื่อพวกหัวๆท้ายๆออกก็คงเหลือไม่มาก ไม่แน่ใจว่าจะประกบต่อได้อีก 3 รอบเสมอไป ถ้าประกบต่อไม่ได้แล้วงานเข้าแน่...และก็เป็นการบั่นทอนจิตใจคนที่อยู่ในลำดับ 32 คนแรกที่คิดว่าตนเองควรได้รางวัลแล้ว แต่พอมาแข่งใหม่แบบนี้แล้วก็พลาดรางวัล...กลับไปลองทบทวนใหม่นะครับ..หรือไม่ต้องทบทวน?
แล้วผลน็อครอบ 8 คนก็เห็นว่า อันดับที่ดูดีกว่าจากสวิสพอน็อคแล้วกลับไม่ดีกว่า..อันดับ 1 แพ้อันดับ 8..อันดับ 3 แพ้อันดับ 6.. อันดับ 4 แพ้อันดับ 5..มีเพียงอันดับ 2 ชนะอันดับ 7
การที่ต้องท้วงติงเรื่องกติกาปีแล้วปีเล่า เพราะว่าแต่ละปีเวลามีจัดแข่ง ไม่เคยเสวนาขอความเห็นทำแบบสอบถามว่าใครมีข้อเสนออะไรเพิ่มเติมไหม?(มีเพียงปีเดียว นานแล้ว) เห็นว่าตรงไหนบกพร่องไหม? ไม่มีเรียกประชุมระหว่างผู้จัดการแข่งขันกับนักกีฬา..ทั้งๆที่มีเวลาจะมานั่งคุยกันได้ เช่นก่อนการแข่งขัน ตอนพักรอบ ตอนพักเที่ยง ไม่ต้องเรียกมาคุยกันจนครบคนหรอกครับ วางแปลนไว้ก่อนก็ได้ ว่าจะให้ใครเป็นตัวแทนนักกีฬาซักประมาณกี่คน มาร่วมคุยเรื่องกติกาต่างๆ ทั้งเรื่องสวิส กระดานทอง รวมถึงกติกาอื่นเช่นการนับ 16 หมากที่ลักษณะวนเวียน ยิ่งวนเวียนในลักษณะหมากเสมอ 100% ไม่มีแพ้ชนะ แล้วอีกฝ่ายไม่ยอมให้เสมอ จะแกล้งให้แพ้เวลา ผมว่าน่าเกลียดมากๆ...นี่เป็นการแข่งขันนะครับ ไม่ใช่เล่นเกมออนไลน์ อย่าเอานิสัยเกมออนไลน์มาใช้ แพ้ก็โยนให้กินส่งเดชแต่ชนะเวลา...ย้ำว่านี่เป็นการแข่งขัน ใครทำแบบนั้นสปิริตต่ำมาก ต้องไปทบทวนปรับปรุงตัวเอง ผมฟังมาแล้วผมได้แต่ส่ายหัว เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำแบบนี้ ก่อนนี้ก็แกล้งไม่เดินเพราะเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามลืมกดนาฬิกา นี่ก็มาเล่นวิธีเอาหมากเสมอ 100% มาแกล้งให้อีกฝ่ายเข็มตก...ทำไปแล้วได้อะไร แค่เงิน 1-2 พันบาท? ฝีมือยังไม่สูงพอ จะเล่นวิธีไหนก็ยังไม่มีทางเข้า 8 คนได้ง่ายๆ ..ใช้ฝีมือล้วนๆชนะคนอื่น คนอื่นก็นับถือเรา..ใช้เล่ห์กลชนะคนอื่น โดนโจษจันไปทั่ว ไม่คุ้มกันเลย เชื่อผมเถอะ
ถ้าเมื่อไรผมเห็นว่ากติกาดีพอ ยอมรับฟังความเห็นจากเซียนใหญ่แทนที่จะรับฟังความเห็นจากคนภายใน ผมจะกลับไปเป็นหมูให้คนอื่นลองล่อเป้า อำลาวงการปี 2554 ผ่านมาตอนนี้ก็ 3 ปีแล้ว ปีหน้าก็เช่นเดิม นับต่อไปได้เป็นปีที่ 4 แต่จะเป็น 5 ปีขึ้นไป ยามใดที่ผมจะลองไปลงสนามให้รุ่นน้องทุบ ผมไม่เขินหรอกครับ ขอแค่กติกาถูกใจผม เวลาไหนได้ทั้งนั้น ..พ.ศ.นี้เซียนดำยังย่ำแย่ แล้วผมมืออ่อนกว่าเซียนดำไงก็คงไปไม่ไหว ..เฮียใช้ หมวกแดง ก็ยังลูกผีลูกคน ..แต่ทุกคนที่เอ่ยมามีเหมือนกันคือ เป็นประเภทไม่มีคำว่ากลัวเสียหน้า ไม่จำเป็นต้องหนีสนามทั้งๆที่ว่างไปแข่ง คือถ้าอยากเล่นจะทุบคนอื่นหรือโดนคนอื่นทุบก็รับได้ ไม่ได้หน้าบางว่าจะแพ้ไม่ได้ แพ้ได้ อยากแพ้ซะให้เข็ด กลัวแต่ว่าจะไม่ได้แพ้สมใจนึกแค่นั้นเอง 55..เซียนแต่ละคนฝีมือมีเด่นมีด้อยไปคนละด้าน แม้ไม่เพอเฟคครบถ้วนทุกด้าน แต่ถ้าใครเจอเซียนใหญ่เซียนเก่าหลายๆด่านแล้วจะรู้สึก ลีลาไม่เหมือนกัน กล้าได้กล้าเสียไม่เหมือนกัน ..แต่ถ้าดูผลงานก็คงเห็นว่า หลายๆคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุคหลายสมัยก็ยังยืนอันดับบนๆได้ตลอด พวกที่ออกทะเลแกว่งไปแกว่งมาจะเอามาเปรียบเทียบกันคงเปรียบกันยาก ถ้าเฮียใช้อายุถึง 70 เมื่อไรแล้วยังติดราวๆ 8 อันดับแรกได้ คนที่ยังไม่เคยเข้า 8 คนรายการใหญ่ๆหรือนานๆเข้าได้ซักที ก็ลองคิดดูครับว่า ระดับฝีมือและความเก๋าต่างกันแค่ไหนยังไง
พ.ศ.นี้ผมยกให้ 2 คน ที่ยอมรับว่าเล่นด้วยยากที่สุด คนแรกก็เซียนดำเจ้าเก่า แม้หมากที่เล่นจะเป็นหมากเก่าๆ เพราะไม่ได้ขลุกอยู่กับพวกโปรแกรมซักเท่าไหร่ แต่ความครบเครื่องตั้งแต่ต้นกระดานไปยันปลายกระดานนี่ เล่นแล้วโดนกดดันมาก..อีกคนก็เซียนโบ้ ฟอร์มสดตลอด คล่องทั้งรูปเก่ารูปใหม่ แล้วด้านความคิดก็คิดดี ..ส่วนคนอื่นๆจุดอ่อนยังเยอะ จะดีก็เวลาใครเดินรูปไปติดการบ้านหรือรูปที่ถนัด เรื่องคิดสดแข่งกันทุกก้าวยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
แข่งอะไรก็ต้องพึ่งดวง + การซ้อม การวางแผน
จากภาพ บนสะพานพระราม 8 (กม.ที่ 29), สะพานมัฆวาน (กม.ที่ 36), และช่วงก่อนถึงเส้นชัย
ก่อนไปลงสนามครั้งนี้ มีปัญหาเล็บเท้าเน่าอยู่หนึ่งเล็บ แถมเมื่อเดือนสิงหาพลาดท่าข้อแพลงก็ยังไม่หายสนิทจริง หลังจากซ้อมมาราธอนครั้งที่ 2 เมื่อเดือนกรกฎาแล้วก็ไม่ซ้อมวิ่งไกลกว่า 21K อีกเลย
ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก็เล็บเจ็บทุกวัน ทำให้ไม่มั่นใจว่าลงสนามแล้วจะรอด ก่อนไปวิ่งจึงต้องคิดเตรียมสารพัดทั้งอาหารเครื่องดื่ม(แม้ว่าในงานจะมีแจกให้ก็ตาม) และตัดสินใจเอารองเท้าแตะใส่เป้ไปด้วย เผื่อเล็บทำพิษขึ้นมาก็จะกางร่มสำรอง ใส่รองเท้าแตะแก้ขัดได้ซัก 10K ก็ยังดี..ส่วนถุงเท้า ตัดสินใจเลือกคู่ที่หลวมที่สุด, รองเท้ามี 2 คู่ รุ่นเดียวกันยี่ห้อเดียวกัน ตัดสินใจเลือกคู่เก่า เพราะคิดว่าที่เล็บพังเพราะถุงเท้าหลายคู่มันตึงเกินไป มันเลยดึงเล็บ ส่วนรองเท้าเก่าด้านในจะแฟ่บกว่าคู่ใหม่ น่าจะช่วยให้เล็บต่ำจากหัวรองเท้าได้อีกนิดๆก็ยังดี และที่สำคัญ 2 ครั้งที่เคยซ้อมมาก็ใช้รองเท้าคู่นี้
พอวิ่งไปถึง 18K จู่ๆเจ็บข้างก้นขวาขึ้นมา สาเหตุเพราะเส้นทางวิ่งมีแต่สโลปเอียงไปเอียงมาครบ 4 ทิศ พอเอียงมากๆวิ่งผิดท่าเลยบาดเจ็บ ขาส่วนอื่นๆผมไม่ค่อยเจ็บเพราะซ้อมจัด แต่เวลาลงสนามมักจะเจ็บข้างก้นเสมอๆ แล้วจนปัญญาแก้ให้หายเจ็บด้วย คราวนี้อีก 24K ที่เหลือก็ต้องทนเจ็บไปตลอดทาง หาความสุขไม่เจอแล้ว วิ่งต่อเนื่องอีกไม่ได้ วิ่งได้ซักสองโลก็ต้องพักเดินลดความเจ็บลง สปีดก็ตก... พอผ่าน 21K คำนวนเวลาครึ่งทางแล้วเกือบ 2.30 ชม. ตีว่าถ้าเข้าเส้นชัยได้ ก็เวลาราว 5 ชม. เกินกว่านั้น ก็ยังใกล้เคียงกับที่เคยซ้อม แต่เจ็บตลอดแบบนี้เกรงว่าจะปาเข้าไป 5.30 ชม. หรือ 6 ชม.ก็ไม่แน่ หรือต้องยกธงขาว ..ไหนๆเจ็บแล้วก็กินน้ำท่า เกลือแร่ บำรุงให้มันเยอะๆดีกว่า ถ้าหมดแรงยิ่งไปกันใหญ่ แต่วันนี้ผมแรงดีมาก ขาไม่ออกอาการ ไม่ตาย เหนื่อยก็ไม่เหนื่อย โดนเรื่องเจ็บกวนใจอย่างเดียว โชคดีว่าตัดสินใจเรื่องถุงเท้ารองเท้าถูก จนถึงเส้นชัยเล็บก็ไม่เจ็บไม่ไรเลย ตลอดทางก็คิดว่าถ้าเล็บเจ็บขึ้นมาเมื่อไหร่ทีนี้จบเห่แน่ รองเท้าแตะก็ใส่วิ่งไม่ได้แล้ว ขนาดรองเท้าวิ่งยังวิ่งไม่ออก เฮือกสุดท้ายพอใกล้เส้นชัยเหลืออีก 3K ก็กัดฟันวิ่งยาวทนเจ็บครั้งสุดท้าย เลยร่นเวลาลงมาได้อีกหน่อย ทำเวลา 5.23 ชม.
เจ็บแบบนี้ถ้าเป็นซ้อม เอาเงินมาจ้างผมก็ไม่วิ่งต่อ แต่พอลงสนามถ้าไม่วิ่งต่อก็ต้องเดินคอตกให้รถมาเก็บ เสียฟอร์มหน้าแตก ได้ประสบการณ์ฝันร้ายไปนอนฝันต่อแน่ ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากคำว่า ทนและก็ทน ทนไปจนกว่าจะถึงที่สุด ถ้าดวงยังดีก็ยังมีโอกาส
===================================
เที่ยวนี้ได้อันดับที่ 1416 จาก 3150 ถึงเวลาจะไม่ค่อยดีนัก ก็โอเค
วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557
เล็บเท้าคน ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง? ปริศนาแก๊กลึก
ผมเคยคิดมาตลอดว่า อวัยวะทั้งภายในและภายนอกของมนุษย์ส่วนไหนถูกกำหนดมาให้ทำงานอะไรบ้าง เพื่ออะไร? ทำไมต้องมีเดี่ยวหรือมีคู่? เช่น ตา หู แขนขา มือเท้า ทำไมมีสอง? จมูก ปาก จุดยุทธศาสตร์ ทำไมมีหนึ่ง? แต่จมูกถึงจะมีหนึ่งก็ยังมีสองรู...อะไรที่มีหนึ่งจะอยู่ตรงกลาง อะไรที่มีสองก็แยกอยู่ซ้ายขวา ดูช่างบาลานซ์จริงๆ...แต่
แต่ทำไมอวัยวะภายในมันไม่ยักบาลานซ์แบบอวัยวะภายนอก หัวใจมีหนึ่งก็ไปอยู่ซ้าย กระเพาะเอย ตับ ม้าม ฯลฯ ถึงจะมีหนึ่ง ก็ไม่อยู่กลาง เข้าภาษิตข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง
แต่มนุษย์เราก็เลียนแบบธรรมชาติแทบทุกสิ่งเหมือนกัน เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดหรือโทรศัพท์ รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูบาลานซ์ซ้ายขวาหรือกลางแบบอวัยวะภายนอกของมนุษย์ แต่ด้านในก็ยัดมั่ว เหมือนอวัยวะภายในของมนุษย์เช่นกัน มองเทคโนโลยี่ต่างๆที่มนุษย์ทำขึ้น ล้วนเลียนแบบธรรมชาติมาจากคน สัตว์ พืช ทั้งนั้น
ทำไมนิ้วห้านิ้วไม่เท่ากัน ทั้งมือและเท้า ฯลฯ ปริศนาที่คาใจที่สุดคือ ทำไมหัวแม่โป้งเท้าถึงใหญ่พิลึก และ เล็บเท้ามีไว้เพื่ออะไร? คิดตั้งแต่เด็กยันแก่ คิดเองเออเอง ขอตอบว่า นิ้วโป้งเท้ามีไว้รับน้ำหนักสำหรับคนชอบเต้นบัลเล่ท์..55 มีใครเชื่อตามหรืออยากเถียงบ้าง ยกมือขึ้น?...ส่วนเล็บเท้ามีไว้เพียงพิสูจน์ทางนิติเวช หาประโยชน์แทบไม่เจอ มีแต่โทษ จะเอาเล็บเท้าไปแกะผลไม้เหมือนเล็บมือคงยาก น้อยคนจะใช้เล็บเท้าหรือนิ้วเท้าให้เป็นประโยชน์ได้(เช่นคนแขนด้วนทั้งสองข้าง) ยิ่งเล็บเท้าเนี่ย เตะโดนไรก็เล็บหลุด วิ่งก็เล็บหลุด ไม่มีเล็บไม่ดีกว่าเหรอ ??? น่าคิดมั้ยล่ะ ขอนิ้วล้วนๆจะได้บาดเจ็บน้อยหน่อย
แต่...ธรรมชาติสร้างมาต้องมีเหตุผล...ถ้านิ้วเท้าไม่มีเล็บเลยซักนิ้ว แต่นิ้วเท้าเป็นของต่ำเป็นตำแหน่งที่มีเชื้อรามากที่สุด ถ้าเกิดไม่มีเล็บจริงๆจะเกิดอะไรขึ้น....??
ก็คงมีคนเอานิ้วเท้าไปอมเล่นหรือแหย่อะไรเล่น...ดังนั้น ธรรมชาติเลยทำเล็บขึ้นมาให้ จะได้ไม่ไปทำแบบที่ว่า 555+
อย่าถามว่าคิดได้ไง ต้องคิดเป็นสิบๆปีนะ ถึงจะคิดได้ อิอิ
แต่ทำไมอวัยวะภายในมันไม่ยักบาลานซ์แบบอวัยวะภายนอก หัวใจมีหนึ่งก็ไปอยู่ซ้าย กระเพาะเอย ตับ ม้าม ฯลฯ ถึงจะมีหนึ่ง ก็ไม่อยู่กลาง เข้าภาษิตข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง
แต่มนุษย์เราก็เลียนแบบธรรมชาติแทบทุกสิ่งเหมือนกัน เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดหรือโทรศัพท์ รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูบาลานซ์ซ้ายขวาหรือกลางแบบอวัยวะภายนอกของมนุษย์ แต่ด้านในก็ยัดมั่ว เหมือนอวัยวะภายในของมนุษย์เช่นกัน มองเทคโนโลยี่ต่างๆที่มนุษย์ทำขึ้น ล้วนเลียนแบบธรรมชาติมาจากคน สัตว์ พืช ทั้งนั้น
ทำไมนิ้วห้านิ้วไม่เท่ากัน ทั้งมือและเท้า ฯลฯ ปริศนาที่คาใจที่สุดคือ ทำไมหัวแม่โป้งเท้าถึงใหญ่พิลึก และ เล็บเท้ามีไว้เพื่ออะไร? คิดตั้งแต่เด็กยันแก่ คิดเองเออเอง ขอตอบว่า นิ้วโป้งเท้ามีไว้รับน้ำหนักสำหรับคนชอบเต้นบัลเล่ท์..55 มีใครเชื่อตามหรืออยากเถียงบ้าง ยกมือขึ้น?...ส่วนเล็บเท้ามีไว้เพียงพิสูจน์ทางนิติเวช หาประโยชน์แทบไม่เจอ มีแต่โทษ จะเอาเล็บเท้าไปแกะผลไม้เหมือนเล็บมือคงยาก น้อยคนจะใช้เล็บเท้าหรือนิ้วเท้าให้เป็นประโยชน์ได้(เช่นคนแขนด้วนทั้งสองข้าง) ยิ่งเล็บเท้าเนี่ย เตะโดนไรก็เล็บหลุด วิ่งก็เล็บหลุด ไม่มีเล็บไม่ดีกว่าเหรอ ??? น่าคิดมั้ยล่ะ ขอนิ้วล้วนๆจะได้บาดเจ็บน้อยหน่อย
แต่...ธรรมชาติสร้างมาต้องมีเหตุผล...ถ้านิ้วเท้าไม่มีเล็บเลยซักนิ้ว แต่นิ้วเท้าเป็นของต่ำเป็นตำแหน่งที่มีเชื้อรามากที่สุด ถ้าเกิดไม่มีเล็บจริงๆจะเกิดอะไรขึ้น....??
ก็คงมีคนเอานิ้วเท้าไปอมเล่นหรือแหย่อะไรเล่น...ดังนั้น ธรรมชาติเลยทำเล็บขึ้นมาให้ จะได้ไม่ไปทำแบบที่ว่า 555+
อย่าถามว่าคิดได้ไง ต้องคิดเป็นสิบๆปีนะ ถึงจะคิดได้ อิอิ
วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
หมากนี้ฝ่ายเขียวเดิน ไม่รู้จะมีใครเลือกตัวเดียวกับที่ผมเลือกหรือเปล่า ลองคิดดูก่อนแล้วค่อยดูเฉลยข้างล่าง (เป็นหมากที่เล่นกับคอมเมื่อหลายเดือนก่อน)
ผมอ่านว่าเดิน 11-7 เข้าฮอสก็โดนเปิดกินสอง มองแล้วไม่ดีตรงไหน
18-15 นี่ไม่ต้องพูดถึง เดี๋ยวเจอสลับดอก
31-27 อ่านยาก ข้ามไปก่อน ถ้าหาตัวถูกใจไม่ได้ค่อยมาดูทีหลัง
21-17 มองผ่านๆก็ไม่ชอบ เดี๋ยวเบอร์ 16 วิ่งมาเข้าฮอสได้
ก็เลยไปเพ่งมอง 18-14 ซึ่งมองแล้วชอบที่สุด จิ้มให้เลือกกิน ถ้าเอาเบอร์ 9 กินมาก็โดนสามต่อแล้วมุดเข้าฮอสไปได้ ถ้าเอาเบอร์ 10 กินก็ขาดทุนหนึ่งตัว ก็มองต่อไปว่า กำไรตัวนึงแล้วใครดีกว่า มองจนมั่นใจว่าชนะก็เดิน 18-14
ผลคือ คอมเอาเบอร์ 9 กิน คราวนี้ก็สะดุ้งแล้วสิ แสดงว่าพลาดท่าแล้ว พอกินเสร็จเหลือ 4-4 ก็เห็นชัดแจ๋ว ทิ้งกระดานได้เลย เจอดอกนี้ถือว่าซวยสุดๆ อุตส่าห์หนีกับระเบิดทางอื่นๆ มาโดนทางนี้ดันหนักที่สุด กลายเป็นเดินฆ่าตัวตายเองเลย เหอๆ
==================================
พอมาเช็คดู ถ้า 11-7 เสมอแบบเป็นรอง มีสวยๆ
31-27 ฝ่ายส้มก็มีร่มสวยๆซ่อนอยู่ เอาตัวรอดไปได้
กลายเป็นว่าตัวที่ถูกคือ 21-17
ดีว่าเป็นหมากซ้อมเล่น ถ้าแข่งขันเจอแบบนี้ ก้มหน้ารับความซวยไป
วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ที่มาของหมากกลบางรูป (ตอนที่ 3)
ตอนที่ 3 นี้ ก็มีประเด็นขำๆอยู่นิดหน่อย แต่จะเรื่องไหนๆล้วนเป็นเรื่องจริงที่ฝังอยู่ในความทรงจำ อาจจะผิดเพี้ยนบ้างก็เล็กน้อย แต่ไม่มีว่าตอกไข่ใส่สีแบบเขียนข่าว เพราะนี่เป็นการทำเว็บเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
บรรดาหมากกลที่ผมเคยพบเห็น ก็มี กลหากินดั้งเดิมหรือที่เรียกว่า กลสนามหลวง(หลายสิบรูป เกือบๆร้อยรูป) แต่กลยอดฮิตจริงๆคงราวๆ 20-40 รูป (ที่เอามาตั้งกันบ่อยๆ) นอกนั้นแล้วก็ฉาบฉวย นานๆจะเห็นมีคนเอามาตั้ง
-ตำรา อ.ไพศาล, ตำราเซียนซ้ง, ตำราเปี๊ยกโพธาราม ซึ่งทำเกี่ยวกับล็อคหรือสูตรหมากฮอสวางขายตามท้องตลาด ก็จะมีหมากกลผสมเข้าไปในตอนต้นๆ เรียกน้ำย่อยคนดู
-ส่วนตำราที่ทำขายเฉพาะคนที่อยากได้ เช่น ตำราของโอนฝ่า เซียนซ้ง เซียนสังข์ ฯลฯ ก็มีของบางคนที่ทำหมากกลล้วนๆไว้เป็นเล่ม เช่น โอนฝ่า แต่ไม่ได้คิดเองหมดนะ ก็จดๆจำๆ รวบรวมมาจากหลายๆแหล่งอีกที
-ลุงชัยนามก็มีทำหมากกลไว้เป็นร้อยๆรูป แต่ไม่ได้ทำขาย
-ก็จะมีแต่ตำราของราชาหมากกล วินัย ลิ้มฯ ที่ทำเป็นหมากกลให้สำนักพิมพ์วางขายตามท้องตลาดถึง 3 เล่ม เน้นแนวหมากกลล้วนๆ
เมื่อดูเฉพาะหมากกลจากที่กล่าวมาทั้งหมด หรือจากที่ไหนๆที่เคยเห็นประปราย ก็พบว่า หมากกลจำนวนหนึ่งที่ถูกขนานนามว่า กลสนามหลวง หมากพวกนี้มันเก่าแก่มาก อาจจะมีมานานกว่า 50 ปี ก่อนที่ผมจะเล่นหมากฮอสเป็นซะอีก ดูจากตำราไหนๆก็เจอรูปเดียวกัน จนไม่รู้ว่าต้นตอมาจากไหน รู้เพียงว่าบางส่วนเก็บมาจากล็อคหรือปลายกระดานที่มักติดบ่อยๆ บางส่วนเก็บมาจากการเล่นๆแล้วเจอโดยบังเอิญ น้อยมากที่จะเป็นกลแต่งเอง เนื่องจากว่าแต่ละกลนั้น เป็นกลประเภทเบี้ยล้วนหรือมีฮอสแค่ตัวเดียวหรือสองตัว หมากดูเป็นธรรมชาติ บางหมากก็ดูเว่อร์แค่นิดๆ (ดัดแปลงมานิดหน่อย)
----------------------------------------------
ย้อนกลับมาดูตำรา 3 เล่มของราชาหมากกลต่อ เมื่อดูจนครบก็พอจะจำแนกที่มาได้หลายๆทาง
-ส่วนหนึ่งก็เป็นกลสนามหลวงที่ผมเคยเห็นมาก่อนแล้ว
-ส่วนหนึ่งก็เป็นหมากในล็อค 8 ตัวหรือปลายกระดาน
-ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นปลายกระดานที่เล่นกับโปรฯแล้วเจออะไรแปลกๆ
-ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากหมากสามแถวทั้งไทยและฝรั่ง รวมถึงหมากที่เกินกว่าหมาก 8 ตัวปกติ(แค่เบี้ยบางทีก็ 9 ตัวขึ้นไปแล้ว)
-ส่วนหนึ่งมาจากหมากลากฮอส รวมไปถึงหมาก 4 ฮอสสู้กับ 8 เบี้ย
-ส่วนหนึ่งคิดจินตนาการขึ้นมาเอง
สรุปแค่นี้ก็หลายแบบละ อาจมีปลีกย่อยกว่านี้อีกนิดหน่อย
------------------------------------------
ตำราหมากกลทั้ง 3 เล่ม รวมกลแล้วน่าจะมากกว่า 300 รูปขึ้นไป ถ้าให้ผมจำแนกว่ากลไหนควรอยู่ในประเภทไหน หรือ กลไหนผมพอจะรู้ที่มามากน้อยแค่ไหน ผมสามารถจัดแยกได้ 50-70% นอกนั้นแล้วยังไม่กล้าสรุป
แต่ที่ยกตัวอย่างมาเพียงไม่กี่รูป เพราะว่า...หากยกตัวอย่างมาเป็นร้อยๆรูป ก็คงคุยกันยาวอ่านได้เป็นเดือนๆ และเนื่องจากเป็นตำราวางขาย ไม่ใช่แจกฟรี จะเอามาโชว์เยอะๆก็ไม่เหมาะ ถึงเจ้าตัวอาจจะไม่หวง แต่เดี๋ยวโรงพิมพ์จะเหล่เอา อิอิ
แล้วทำไมผมจึงต้องยกตัวอย่าง 3-4 รูปนั่น ยกตัวอย่างรูปอื่นๆไม่ได้หรือ? มีรูปอีกมากมายที่ผมฟันธงได้ 100% แต่ไม่ได้หยิบมายกตัวอย่าง นี่ย่อมต้องมี "เหตุและผล" กำกับอยู่
เหตุที่เลือก 3 รูปนั้น เนื่องจากว่า 3 รูปที่ว่า เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันและมีประเด็นน่าสนใจ คือ รูปที่เป็นปลายการดาน 2-3 ตัวนั่น ปกติ 3 ตัวก็ต้องชนะแน่ๆล่ะ แต่ต้องใจเย็นๆค่อยๆเข็นเบี้ยขึ้นมา ไม่ใช่เดินให้กินแบบนี้ จึงน่าสนใจว่าเดินให้กินแบบนี้สรุปแล้วมันชนะหรือมันเสมอ ซึ่งตอนที่ผมเห็นเหตุการณ์นี้ สองฝ่ายกำลังเล่นเดิมพันกันอยู่(หมูทั้งคู่ อิอิ) ฝ่ายหนึ่งเห็นเข้าฮอสไปอีกตัวได้ก็ตกใจ ไม่เดินต่อ ควักเงินจ่ายเลย คนมุงดูก็เยอะแยะ ไม่เคยเห็นมีใครเดินแบบนี้ แต่หมากมันไม่ลึกลับซับซ้อนอะไร แป๊บเดียวก็มีคนท้วงว่ายังเสมอได้
ส่วนอีก 2 รูปที่เหลือ เนื่องจากหมากหนึ่งเป็นแต้มสามแถวที่ผมเล่นอยู่ประจำ แล้วหมากกลดูตามสภาพก็เห็นว่าเป็นการดัดแปลง ตำแหน่งหมากเป็นหมากที่เดินตั้งแต่ต้นกระดานไม่ได้ จึงยกมาเป็นตัวอย่าง
เช่นเดียวกับอีกรูป ที่ปัดให้กินสลับไปสลับมาทั้งซีกซ้ายซีกขวา ก็เห็นชัดว่า หมากซ้ายมือมีความเป็นไปได้ แต่หมากขวามือก็เป็นหมากที่เป็นไปไม่ได้
--------------------------------------------
3 รูปที่ว่าขอจบประเด็นตรงนี้ มาเข้าเรื่องฮาๆต่อ ฮาใน 2 ประเด็น
-ประเด็นแรก เวลาผมไปเป็นโค้ชกีฬามหาลัยหรือรัฐวิสาหกิจ ผมก็มีวิธีสอนให้นักกีฬาคิดให้เป็น มากกว่าเรียนล็อค ผมก็ลงทุนไปซื้อหมากกล 3 เล่มมาแจก ไปซื้อจากโรงพิมพ์เลย โรงพิมพ์อักษรวัฒนาอยู่แถวใต้ๆสะพานพุทธ ซื้อมาหลายชุด แจกไปหลายคน แล้วก็ผมบอกว่าเอาไปดูให้จบนะ แต่เชื่อไหมว่า เป็นปีๆไม่มีใครดูจบเลย (เรื่องแก้หมากกลได้คงแทบไม่ต้องพูดถึงล่ะ เอาแค่ให้ดูเฉลยยังขี้เกียจดูเลย) สรุปแล้วคือพวกหมากกลเยอะๆแยะๆมันไม่อินสำหรับคนเล่นหมากฮอสที่เล่นไม่เก่ง มีแต่เซียนเท่านั้นที่จะดูแล้ว in กับ get อิอิ เอาแค่ดูคลิปที่ผมทำไว้ 3 ชื่อ ก็เห็นความแตกต่างเลย ระหว่างหมาก 8 ตัว, หมากสามแถว, หมากกล ลองดูยอดจำนวนผู้คลิกชม แล้วจะรู้ว่าคนละเรื่องเลยจริงๆ
สามแถวว่าแทบจะไม่มีใครสนใจแล้ว หมากกลยิ่งไปใหญ่เลย ตัวเลขไม่กระดิก
-ประเด็นที่สอง เล่มหนึ่งที่ชื่อว่า สุดยอดกลหมากฮอสและกลยุทธลากฮอส 8-9 นั้น มีหลายคนพูดว่า สงสัยคนเขียนจะเพี้ยน มีที่ไหนสอนให้ 8 ตัว ชนะ 9 ตัวได้ ผมฟังแล้วก็ขำๆ ต้องอธิบายไปว่า หมาก 8 ตัวยังไงๆก็ต้องแพ้ 9 ตัววันยังค่ำแหละ แต่คนเขียนเค้าเก็บประสบการณ์จากที่เห็นมีการเล่นเดิมพัน ต่อให้ 8 กับ 9 ตัว เน้นให้ดูว่าหมาก 8 ตัวมีโอกาสที่จะเอาชนะหมาก 9 ตัวได้ยังไงบ้าง ถ้าเซียนที่ต้องต่อตัวให้หมูบ่อยๆมาอ่าน ก็อาจนำเหลี่ยมที่ได้ไปใช้กินหมู กลับกัน ถ้าเป็นหมูมาอ่าน ก็รู้ทันเซียน เซียนขืนไปต่อตัวก็โดนแดก อิอิ
วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ที่มาของหมากกลบางรูป(ตอนที่ 2)
พอดีไปเจอเฟสของคุณวินัย ลิ้มดำรงค์ชิตเข้า พูดเกี่ยวกับเรื่องที่มาของหมากกลบางรูป 3-4 รูปที่ผมยกตัวอย่างมาให้ดูว่า มีที่มาอย่างไร คุณวินัยอ่านแล้วก็สงสัยๆว่าผมจำผิดหรือเปล่า อิอิ
คุณวินัยเองก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน เพราะเวลาผ่านไปนานกว่า 20 ปี น้อยคนที่จะจำรายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องต่างๆได้ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจจะจำและไม่ได้จดไว้
แต่ที่ผมยังมั่นใจว่าผมจำไม่ผิด เพราะว่าเรื่องราวหมากฮอสนั้นอยู่ในสมองผมตลอดเวลา ถ้าใครอ่านเรื่องราวจากหมากฮอสคลับที่ผมเล่าโน่นเล่านี้ ไปยันเรื่องกีฬามหาลัย ขนาดคุณเฉื่อย(อดีตนักกีฬา มอ.) ยังถึงกับอุทานว่า ผมจำได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ แถมมีตัวอย่างเกมให้ดูตั้งแต่ต้นจนจบด้วย
ผมมั่นใจว่า ผมจำไม่ผิด แต่เลือนลางในรายละเอียดไปบ้างในบางรูป
-รูปที่เป็นปลายกระดาน 2-3 ตัวนั่น เกิดจากการเล่นของคนอื่นที่วงเวียนใหญ่หรือไม่ก็สวนลุม 100% เพราะผมยืนดูอยู่ตรงนั้น ได้ความรู้ใหม่ในวันนั้น แต่น่าจะเป็นที่วงเวียนใหญ่
-รูปที่มีกินสามต่อ มาจากการเล่นที่สวนลุมฯ ดูเหมือนจะเป็นดำคลองเตยเล่นกับใครอยู่ ผมยืนยันว่ามาจากสามแถวครับ แต่ผมจำล็อคไม่ได้ เลยเดินให้ดูไม่ได้
ซึ่งวันนั้นเป็นวันแรกที่ผมได้เจอคุณวินัยครั้งแรก ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร เป็นเซียนที่ไหน แต่พอเห็นเค้าดูหมากที่คนอื่นเล่นแล้ววิจารณ์หมากไปด้วยหลายเกม ผมก็คิดในใจว่าคนนี้ใครนะ ไม่ธรรมดาเลย มาตอนหลังถึงรู้จากเซียนหลอว่าเป็นใคร เพราะช่วงนั้นยังเจอหน้ากันที่วงเวียนใหญ่กับสวนลุมอีกหลายครั้ง
-ส่วนรูปที่ยิง 2 แล้วมีทิ้งร่มตามอีกชุด คุณวินัยบอกว่า ไม่น่าจะเป็นหมากสามแถว เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้ ผมก็จะให้ดูล็อคว่าล็อคนี้มายังไง (ว่าจะไม่ให้ดูแล้วเชียว เผื่อจะไว้หลอกต้มคนอื่น อิอิ เลยจำเป็นต้องให้ดูเพื่อพิสูจน์ความจริง)
ตั้งกระดานสามแถวนะครับ
1. 24-19 11-15 2. 28-24 8-11 3. 22-17 9-14 4. 25-22 4-8 5. 29-25 15-18 6. 22x15 11x18 7. 26-22 7-11 8. 22x15 11x18 9. 17-13 8-11 10. 21-17 14x21 11. 23x7 3x10 12. 24-20 5-9 13. 27-23 9-14 14. 30-26 21x30 15. 19-16 12x19 16. 23x7 2x11 17. 31-27 30x23 18. 27x2
เมื่อรูปนี้พิสูจน์ความชัดเจนได้แม่นยำถึงขนาดนี้ อีกสองรูปก็คงไม่น่าจะจำผิดนะครับ อิอิ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพียงเพื่อเอาแง่มุมเก่าๆ เรื่องราวที่น่าสนใจและเป็นปริศนาในอดีตมาเล่าให้ผู้ที่สนใจหมากฮอสได้ศึกษา ทุกเรื่องราวเราให้เครดิตกับผู้สร้างกลและพัฒนาดัดแปลง ซึ่ง 3 ตัวอย่างที่ผมยกมานั้น 2 ตัวอย่างก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม มีตัวอย่างนี้ที่เป็นล็อคที่ผมเล่นบ่อย เสียบใครต่อใครมาเยอะ แต่ล็อคนี้มันรั่ว คอมมันเอาตายก่อน ก็เลยไม่โชว์ให้ดูตั้งแต่ต้น อิอิ
คุณวินัยเองก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน เพราะเวลาผ่านไปนานกว่า 20 ปี น้อยคนที่จะจำรายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องต่างๆได้ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจจะจำและไม่ได้จดไว้
แต่ที่ผมยังมั่นใจว่าผมจำไม่ผิด เพราะว่าเรื่องราวหมากฮอสนั้นอยู่ในสมองผมตลอดเวลา ถ้าใครอ่านเรื่องราวจากหมากฮอสคลับที่ผมเล่าโน่นเล่านี้ ไปยันเรื่องกีฬามหาลัย ขนาดคุณเฉื่อย(อดีตนักกีฬา มอ.) ยังถึงกับอุทานว่า ผมจำได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ แถมมีตัวอย่างเกมให้ดูตั้งแต่ต้นจนจบด้วย
ผมมั่นใจว่า ผมจำไม่ผิด แต่เลือนลางในรายละเอียดไปบ้างในบางรูป
-รูปที่เป็นปลายกระดาน 2-3 ตัวนั่น เกิดจากการเล่นของคนอื่นที่วงเวียนใหญ่หรือไม่ก็สวนลุม 100% เพราะผมยืนดูอยู่ตรงนั้น ได้ความรู้ใหม่ในวันนั้น แต่น่าจะเป็นที่วงเวียนใหญ่
-รูปที่มีกินสามต่อ มาจากการเล่นที่สวนลุมฯ ดูเหมือนจะเป็นดำคลองเตยเล่นกับใครอยู่ ผมยืนยันว่ามาจากสามแถวครับ แต่ผมจำล็อคไม่ได้ เลยเดินให้ดูไม่ได้
ซึ่งวันนั้นเป็นวันแรกที่ผมได้เจอคุณวินัยครั้งแรก ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร เป็นเซียนที่ไหน แต่พอเห็นเค้าดูหมากที่คนอื่นเล่นแล้ววิจารณ์หมากไปด้วยหลายเกม ผมก็คิดในใจว่าคนนี้ใครนะ ไม่ธรรมดาเลย มาตอนหลังถึงรู้จากเซียนหลอว่าเป็นใคร เพราะช่วงนั้นยังเจอหน้ากันที่วงเวียนใหญ่กับสวนลุมอีกหลายครั้ง
-ส่วนรูปที่ยิง 2 แล้วมีทิ้งร่มตามอีกชุด คุณวินัยบอกว่า ไม่น่าจะเป็นหมากสามแถว เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้ ผมก็จะให้ดูล็อคว่าล็อคนี้มายังไง (ว่าจะไม่ให้ดูแล้วเชียว เผื่อจะไว้หลอกต้มคนอื่น อิอิ เลยจำเป็นต้องให้ดูเพื่อพิสูจน์ความจริง)
ตั้งกระดานสามแถวนะครับ
1. 24-19 11-15 2. 28-24 8-11 3. 22-17 9-14 4. 25-22 4-8 5. 29-25 15-18 6. 22x15 11x18 7. 26-22 7-11 8. 22x15 11x18 9. 17-13 8-11 10. 21-17 14x21 11. 23x7 3x10 12. 24-20 5-9 13. 27-23 9-14 14. 30-26 21x30 15. 19-16 12x19 16. 23x7 2x11 17. 31-27 30x23 18. 27x2
เมื่อรูปนี้พิสูจน์ความชัดเจนได้แม่นยำถึงขนาดนี้ อีกสองรูปก็คงไม่น่าจะจำผิดนะครับ อิอิ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพียงเพื่อเอาแง่มุมเก่าๆ เรื่องราวที่น่าสนใจและเป็นปริศนาในอดีตมาเล่าให้ผู้ที่สนใจหมากฮอสได้ศึกษา ทุกเรื่องราวเราให้เครดิตกับผู้สร้างกลและพัฒนาดัดแปลง ซึ่ง 3 ตัวอย่างที่ผมยกมานั้น 2 ตัวอย่างก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม มีตัวอย่างนี้ที่เป็นล็อคที่ผมเล่นบ่อย เสียบใครต่อใครมาเยอะ แต่ล็อคนี้มันรั่ว คอมมันเอาตายก่อน ก็เลยไม่โชว์ให้ดูตั้งแต่ต้น อิอิ
วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557
รวมคลิปหมากฮอส-หมากกล ที่ทำไว้ทั้งหมด
sam panya
sam samsam
bird333bird333
sam samsam
bird333bird333
โอกาสจะบังเอิญแบบนี้ ร้อยทีปีหน แต่ฝ่าย 2 ฮอสมีต่อเดิมพันกลับนะครับ ใหม่ๆก็ต้อง 2:1 แล้วก็ลดเหลือ 3:2 แต่เล่นกันหลายๆไฟท์ผมก็ต้องเป็นฝ่ายวิ่งหนี ทนไม่ไหว แบกน้ำหนักมากเกิน
นี่ถ้ามีใครต่อให้ผมถือ 2 ฮอสแบบนี้บ้างล่ะก็ ใจดีให้ 10:1 เลยเอ้า
วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557
หมากฮอส-หมากการเมือง
เวลาที่การเมืองแย่งชิงอำนาจกัน คำว่า ศีลธรรม คุณธรรม ความเที่ยงธรรม ความชอบธรรม จริยธรรม ฯลฯ อะไรๆที่ลงท้ายด้วยธรรม มันหายไปหมด มีแต่กิเลส 3 ตัว โลภ โกรธ หลง เข้ามาแทนที่
หลายๆเรื่องที่เล็กนิดเดียวเหมือนน้ำผึ้งแค่หยดหรือสองหยด ก็ถูกขยายความให้เป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬาร
เรื่องที่ยังไม่เกิดหรืออาจจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ก็ถูกจินตนาการว่ามันจะต้องเกิดแบบนั้นแบบนี้ ตีตนไปก่อนไข้ แถมยังเอามาเป็นประเด็นหลักเพื่อเล่นงานฝ่ายอื่น
สามก๊กรบกัน 60 กว่าปี วุยก๊ก-จ๊กก๊ก-ง่อก๊ก สู้กันแทบตายตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นปู่ไปยันรุ่นลูกรุ่นหลาน ขงเบ้งที่ว่าเก่งหนักเก่งหนายังไม่สามารถตีก๊กไหนได้สำเร็จ สุดท้ายแล้วตัวละครแต่ละคนแพ้อายุแพ้สังขารตนเอง ค่อยๆล้มหายตายจากไปทีละคนๆ พอถึงรุ่นลูกหลานก็เสื่อมโทรมกันไปเอง ตระกูลสุมา(ซือหม่า)โผล่มาทีหลัง รวม 3 ก๊กไปแบบสบายๆ สถาปนาเป็นราชวงศ์จิ้น
หมากรุก-หมากฮอสในกระดาน มันเป็นการต่อสู้แบบลูกผู้ชาย ตรงไปตรงมา แต่หมากการเมืองอย่าหวังว่ามันจะตรงไปตรงมา เถื่อนแบบไหนเล่นกันหมด ทุกเรื่องราวที่เห็นแทบจะต้องแปลความหมายไปตรงกันข้าม ถ้าเชื่ออะไรง่ายๆตามที่ได้ยินได้เห็น ก็โดนหลอก ไม่ต่างอะไรจากเห็นเขาเดินให้ทิ้งร่ม แล้วก็ทิ้งร่มไป แล้วก็เป็นฝ่ายแพ้
หลายๆเรื่องที่เล็กนิดเดียวเหมือนน้ำผึ้งแค่หยดหรือสองหยด ก็ถูกขยายความให้เป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬาร
เรื่องที่ยังไม่เกิดหรืออาจจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ก็ถูกจินตนาการว่ามันจะต้องเกิดแบบนั้นแบบนี้ ตีตนไปก่อนไข้ แถมยังเอามาเป็นประเด็นหลักเพื่อเล่นงานฝ่ายอื่น
สามก๊กรบกัน 60 กว่าปี วุยก๊ก-จ๊กก๊ก-ง่อก๊ก สู้กันแทบตายตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นปู่ไปยันรุ่นลูกรุ่นหลาน ขงเบ้งที่ว่าเก่งหนักเก่งหนายังไม่สามารถตีก๊กไหนได้สำเร็จ สุดท้ายแล้วตัวละครแต่ละคนแพ้อายุแพ้สังขารตนเอง ค่อยๆล้มหายตายจากไปทีละคนๆ พอถึงรุ่นลูกหลานก็เสื่อมโทรมกันไปเอง ตระกูลสุมา(ซือหม่า)โผล่มาทีหลัง รวม 3 ก๊กไปแบบสบายๆ สถาปนาเป็นราชวงศ์จิ้น
หมากรุก-หมากฮอสในกระดาน มันเป็นการต่อสู้แบบลูกผู้ชาย ตรงไปตรงมา แต่หมากการเมืองอย่าหวังว่ามันจะตรงไปตรงมา เถื่อนแบบไหนเล่นกันหมด ทุกเรื่องราวที่เห็นแทบจะต้องแปลความหมายไปตรงกันข้าม ถ้าเชื่ออะไรง่ายๆตามที่ได้ยินได้เห็น ก็โดนหลอก ไม่ต่างอะไรจากเห็นเขาเดินให้ทิ้งร่ม แล้วก็ทิ้งร่มไป แล้วก็เป็นฝ่ายแพ้
วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557
หมากยั่วโมโห
หมากนี้จะฝ่ายไหนเดินก่อนก็ได้ ถ้าฝ่ายเดินก่อนขยับ 1-5 หรือ 32-28 ยกขาเป๋ออกไปข้าง ปล่อยให้อีกฝ่ายจ่อรอเข้าฮอส มันก็ยังเสมออยู่ดี ดูน่าจะมีทางชนะ แต่ไม่มีทาง กวนโมโหดีมิใช่น้อย
แต่ไม่มีอะไรกวนโมโหไปกว่าหมากการเมือง หมากที่ทำให้คนเชื้อชาติเดียวกัน ศาสนาเดียวกัน ทะเลาะกันได้ไม่มีวันจบ คนอื่นจะเป็นจะตาย จะเดือดร้อนแค่ไหน ข้าไม่สน ใครจะแพ้หรือชนะ สุดท้ายก็ยืนอยู่บนซากปรักหักพัง และมันก็จะไม่ใช่สิ้นสุดแค่นั้น แต่มันไม่มีวันสิ้นสุด วัฎจักรซ้ำๆมันก็จะกลับมาอีกไปยันชาติหน้า
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)