วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

มโนเข้าไป


นึกซะว่ากำลังดูภาพจารึกวิชากระเรียนเหิรในถ้ำแถวบู๊ตึ๊งหรือที่ไหนก็ได้ คัดมาแค่นี้กำลังดี มากไปเดี๋ยวจะเกินวิชา 18 กระบวนท่าไม้เท้าตีสุนัขของอั้งชิกกง...ใช้สมองมากมักจะมีแต่เครียด ใช้เท้าแล้วสบายใจกว่า อิอิ

ที่จริงแล้วผมเป็นคนที่รับฟังเหตุผลมากที่สุดคนหนึ่ง ขอเพียงพูดมามีเหตุผล คุยกันรู้เรื่อง.. อาจจะข้องใจสงสัย ไม่เชื่อซักทีเดียวนัก แต่ก็ต้องกลับมาคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆรอบ(ย้ำว่าซ้ำแล้วซ้ำอีก และเป็นสิบๆรอบ) ถ้าความเห็นจากหลายทางมันขัดแย้งกัน ผมก็ต้องมาชั่งน้ำหนักว่าจะเชื่อทางไหนดี จนได้บทสรุป...เช่นเกี่ยวกับเรื่องวิ่ง กับเรื่องเข่าเสื่อม จะเชื่ออะไรยังไง?...ก่อนนี้ผมคิดไปเองว่าประวัติคนที่วิ่งมาราธอน 42.195 กม. ในสมัยโบราณ วิ่งแล้วเสียชีวิต ระยะทางมันไกลจริงๆ น่าจะอันตราย (แต่นั่นไม่ใช่วิ่งออกกำลังกาย เป็นการวิ่งเกี่ยวกับส่งข่าวสงครามอะไรทำนองนั้น) แล้วฟังจากเฮียหลี่เส็ง เฮียแกเคยวิ่งมาราธอนมาบ่อยครั้ง ตอนหลังเข่าเสื่อม ต้องผ่าตัดหัวเข่า ผมชั่งน้ำหนักจาก 2 เรื่องนี้ผมก็เสียวแล้ว...แต่มาภายหลัง ผมวิ่ง 10K แล้วรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นๆ แล้วมีคนมายุให้วิ่ง 21K 42K ผมก็บอกว่าผมไม่ไหวหรอก รู้สังขารตัวเองดี ..แต่คนยุบอกว่าผมวิ่งได้ เชื่อดิ ฯลฯ..ฟังหูไว้หู..คิดไปเรื่อย คิดจนนานเป็นเดือนเป็นปี ..เอาก็เอาวะ..ไงก็จะลองฮาล์ฟ 21K ดูซักตั้ง ..สุดท้ายก็ทำได้จริง..แต่ถึงจริงก็ยังไม่มั่นใจหรอกว่า 42K นี่จะไหว ..ตัดสินใจไม่ดีเดี๋ยวเอาชีวิตไปทิ้งซะเปล่าๆ มันจำเป็นต้องวิ่งไกลขนาดนี้เชียวเรอะ วิ่งอวดใครป่าว? วิ่งแล้วระบมไปหมด เล็บหลุดแล้วหลุดอีก..ดูรูปงานวิ่ง ไฉนสาวๆสวยๆยังผ่านมาราธอนมานักต่อนัก?...ตัดสินใจข้ามปีก็ท่องคาถาว่า "สู้เว้ยยยย" เชื่อแล้วว่า เข่าเสื่อมมันไม่เกี่ยวกันเลย คนอายุ 80 กว่าวิ่งมาราธอนก็ยังมีเยอะแยะ..ถ้าเข่าไม่พังก็หมดห่วงไปเรื่องนึงละ..หัวใจจะวายหรือเปล่า...ก็ไม่อีก...บางคนวิ่งจน 90 กว่ายังมีเลย..ไม่น่ากลัว..ตะคริวล่ะ?...วิทยาศาสตร์การกีฬาดีขึ้น วิ่งมากเสียเหงื่อมากก็ต้องกินเกลือแร่ ..สมัยโรมันยังไม่มีเกลือแร่
เมื่อกล้าและมั่นใจตัวเองว่าข้อมูลต่างๆที่ได้มามันควรจะเป็นตามที่เราคิด ก็ต้องพิสูจน์ ไม่ลองไม่รู้ ต้องลองเอง สุดท้ายก็พ้นขีดจำกัดของความเชื่อผิดๆ เอาชนะอุปสรรคที่เราคิดว่ามันเกินกว่าที่เราจะผ่านมันไปได้ แต่สุดท้ายก็ผ่าน ...ผ่านแล้วก็น่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนอื่นๆต่อไป มีตัวอย่างก็มีคนกล้าทำตาม ..ใครกล้าก็ทำได้
มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเรื่องหมากฮอสหรอกครับ ถ้ารับฟังคนอื่น เอาไปคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก อาจจะได้สิ่งที่ดีๆมา..แต่ถ้าจะปิดกั้น ไม่รับฟังความคิดเห็นใดๆ..ทั้งๆที่ความคิดเห็นนั้นมาจากบุคคลที่น่าจะเชื่อถือได้มากจนถึงมากที่สุด ไม่มองสภาพความเป็นจริงทั่วไป จะยึดความคิดเห็นตนเอง ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่วิ่งได้ไม่กี่ กม. ไม่มีวันวิ่งไปได้ถึง 42K เช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น