วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
90 วัน พักเพียง 5 วัน
ตั้งแต่ 1 มี.ค. จนถึง 29 พ.ค. วิ่งไปทั้งหมด 85 วัน ได้ระยะทางรวม 735 กม. (เฉลี่ย 8.647 กม.) ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร แค่เบื่อๆเซ็งๆที่ไม่ได้ซ้อมวิ่งยาวไปถึงฮาล์ฟมานานเกินครึ่งปีแล้ว รอให้หมดร้อนก็ยังไม่หมดซะที..ปีที่แล้ว พ.ค. ซ้อม 26K ไปหนึ่งครั้ง...ซ้อม 30K ไปหนึ่งครั้ง และซ้อม 30Kแบบเช้า+เย็น ไปอีกหนึ่งครั้ง (9K+21K)..ปีนี้เจอแต่แดด หมดอารมณ์อยาก..รอให้ฝนเทหนักๆจะได้ล้างรองเท้าไปด้วย หลังนี้ผมเลิกล้างรองเท้าแล้วครับ เอารองเท้าใส่สลับไปลุยน้ำทุกคู่เวลาฝนตกหนักๆ สะอาดขึ้นมาทันตาเห็น..ช่วงนี้ก็จะนับต่อไปจนครบ 100 วัน ว่าได้ระยะทางเท่าไหร่ พักกี่วัน แล้วก็เลิกนับ เปลี่ยนไปซ้อมวิ่งยาวบ้าง
เปรียบเทียบตารางวิ่งเดือนนี้ เทียบกับปีที่แล้ว(เดือนที่วิ่งสะสมระยะทางได้มากที่สุด)....ปีที่แล้ว ถึงแม้จะพักวิ่งมากกว่า เพราะซ้อมวิ่งไกลจำเป็นต้องพักขาทั้งก่อนและหลังวิ่ง..แต่บางทีผมก็ไม่พัก ต่อไปได้อีกหลายวัน (บางทีรู้สึกว่าล้าๆ แต่พอไปวิ่งซ้ำ อาการล้ามันก็ค่อยๆหายไปเองหลังจากวิ่งไปซักพัก) ปีที่แล้วช่วงปลายเดือน ฝนมาแล้ว มีทั้งตกหนัก ตกปรอยๆ เมฆครึ้มบังแดด เลยซ้อมยาวได้ บางวันเริ่มวิ่งได้ตั้งแต่บ่ายสามโมงเศษ(ฝนพรำๆ ไร้แดดโดยสิ้นเชิง)...แต่ปีนี้รอแดดจางถึง 5 โมงเย็น ยังแดดเปรี้ยงๆ ฟ้าโปร่งไร้เมฆซักก้อน...ไม่เพียงร้อนรำคาญ เพลีย... หิวน้ำด้วยนี่สิ..ถ้าฝนตกพรำๆเป็นชั่วโมง วิ่งเหมือนอูฐเลยครับ เคยวิ่งมาแล้ว 21K สองชั่วโมงนิดหน่อย ไม่ต้องพักซื้อน้ำดื่มเลย (ปวดฉี่อีกด้วย)
วันนี้ก็ครบ 100 วันของการซ้อมวิ่ง(ระหว่าง 1 มี.ค. ถึง 8 มิ.ย.) แล้วครับ... เบ็ดเสร็จวิ่งไปทั้งหมด 95 วัน พักเพียง 5 วัน ได้ระยะทางรวม 821 กม. เฉลี่ยวิ่งประมาณวันละ 8.64 กม.
ถ้าแยกเป็นช่วงๆ ก็เริ่มจากวิ่ง 18 วัน พัก 2 วัน, วิ่ง 23 วัน พัก 2 วัน, วิ่ง 33 วัน พัก 1 วัน, และวิ่ง 21 วัน พัก 0 วัน
วิ่ง พัก กม. เฉลี่ย
18 2 153 8.5
23 2 202 8.78
33 1 286 8.67
21 0 180 8.57
ก็ยังปกติครับ ไม่เป็นไร แต่ก่อนหน้านี้สามวันติดกัน เจ็บจี๊ดๆตรงเข่าซ้ายเล็กน้อย(ก่อนวิ่ง) เพราะลงรถผิดท่า แต่ก็วอร์มแกว่งขาจนหายเจ็บ แล้วค่อยไปวิ่ง ตอนวิ่งก็ไม่เจ็บ แต่วันรุ่งขึ้นก่อนวิ่งก็เจ็บซ้ำเหมือนเดิม แล้วก็หายไปเหมือนเดิม คล้ายอักเสบเล็กๆ แต่ไม่มีไรน่าห่วง...ตอนนี้ก็เลิกนับแล้วครับ ลองด้วยความอยากรู้..ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมบางคนวิ่งมาราธอนติดต่อกันหลายๆวันได้ นั่นเขาฟิตดีกว่าและร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ไปเทียบกับเค้าแล้วเราเป็นแค่ขี้เป็ดขี้ไก่ อิอิ
วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
ตกลงเป็นหมากฮอสเซียนโย่ง หรือ เซียนวิ่งย่องแย่ง โยกเยก?
ถามเอง ตอบเอง ครับ ..คือสมัยที่ยังคุ้มคลั่งกับหมากฮอส เพราะพิศมัยว่าเป็นกีฬาใช้สมอง แล้วน้อยคนนักที่จะเข้าใจกีฬาหมากฮอสจนถึงขั้นแสดงอภินิหารอะไรแปลกๆออกมาได้ ..ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่แสดงอภินิหารไม่เหมือนชาวบ้านออกมาทีละเรื่อง จนหมดไส้หมดพุงเลยทีเดียว ก็ไม่รู้จะเก็บไรไว้แล้ว ไหนๆก็อำลาวงการไปแล้ว ..จะเป็นสิบๆปี หรือร้อยปีที่ผ่านมา วงการหมากฮอสก็หนีไม่พ้นคำว่า "ล็อค" "ถอดล็อค" "หมากกล" ...แต่ผมไปจับฉ่ายทุกเรื่อง ทั้งเรื่องกติกา หรือสิ่งที่ไม่ใช่ล็อค แต่เป็นทฤษฎีแปลกๆ หรือเรื่องราวแปลกๆ (นี่เรียกว่าแหกคอกแบบสุดๆ) เช่นสาธิตการกิน 1-8 ต่อ...คุณรู้จักฮอสดีหรือยัง..วิธีสร้างหมากกล..การบ้าน..รวมไปถึงเรื่องราวเก่าๆที่หมากฮอสคลับ ซึ่งถ้าใครมีสำเนา(แหม่ พูดซะเพราะเลย) ซึ่งถ้าใครก๊อปไว้ก็มีเรื่องอ่านสนุกๆคลายเครียดเวลาอกหักได้บ้างล่ะครับ ..ส่วนหมากกลก็หลุดโลกแหกคอกไปอีกแบบ..แบบขอเหมาความบ้าทั้งหมดมารวมไว้..แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้อะไร กินแกลบครับ เครียดก็ตลอด นอนไม่หลับทั้งปีทั้งชาติ อยากแก้กติกาก็ไม่ได้ดังใจ หลายเรื่อง...สุดท้ายแล้วก็ทิ้งกระดานไปวิ่งดีกว่า หมดเรื่องหมดราว..ถามว่าทิ้งแล้วเสียดายมั้ย? เรื่องชื่อเสียงหรือไร ไม่ได้เสียดาย ลืมมันไปหมดแล้ว..เรื่องการล่ารางวัล อยากได้เหมือนกัน แต่..อะไรที่ขัดกับจุดยืนแล้ว ผมทำไม่ได้ ยอมหักไม่ยอมงอ..ทุกวันนี้ก็ทิ้งหมากฮอสแบบไม่จับเลย สมองแม้แต่คิดก็ยังไม่เคยคิด จึงไม่มีเรื่องราวหมากฮอสอัพเดทใหม่ๆมานำเสนออีก คือทิ้งแล้วจริงๆ...กลายเป็นไปสนใจแต่เรื่องวิ่งๆ ซึ่งมิเพียงคลายเครียดได้ นอนหลับสบาย ยังทำให้สุขภาพดีอีก..ถึงตอนนี้แล้วก็ลังเลว่า ควรจะทำอย่างไรกับหมากฮอสเซียนโย่งต่อไป ตกลงเป็นเรื่องหมากฮอสหรือเรื่องวิ่งกันแน่??
บางครั้งคำว่า "เซียน" ก็ดูห่างไกลไปทีละนิดๆ ..แบบถ้าผมเห็นคำว่า"หมากกล" จะบอกกินกี่ต่อหรือขังหมูหรือไร มีบอกใบ้มาละก็ นั่งเพ่งไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ต้องเห็น เพียงแต่ว่าเห็นเร็วหรือเห็นช้า ซึ่งบางทีผมก็รำคาญตัวเองว่าเห็นช้าเกินไป ทำไมหลงทางคิดไปเรื่อยเปื่อยแล้วยังคลำไม่เจอ กว่าจะเจอก็หลังจากคิดไปเรื่อยเปื่อยแล้ว ตรงนี้ผมก็ยังงงๆกับตัวเอง ว่าเพราะไรจึงไปมองทางที่ผิดก่อนเห็นทางที่ถูก..ถ้าเป็นยามแข่งขันก็แย่แล้ว เสียเวลาไปทางที่ใช้ไม่ได้ ..นี่ยังดีว่าหมากกลมีการสะกิดใจ ตั้งมาเมื่อไหร่ต้องคิดให้เต็มที่จนกว่าจะเห็น แต่เวลาแข่งขัน ถ้าเจอขึ้นมาจริงๆ รับรองไม่มีทางเห็น เพราะไม่มีใครมาสะกิด ก็ต้องปล่อยให้โอกาสทองหลุดลอยไป แต่หมากกลนี่ปล่อยโอกาสทองไม่ได้ซะด้วย ปล่อยปุ๊บก็แพ้แน่ แข่งขันยังไม่แน่ แล้วแต่ว่าหมากอยู่ตำแหน่งไหน ..ถึงผมจะเลิกเล่น แต่มีหมากกลมาเมื่อไหร่ ไงก็ต้องแก้ให้ได้ แก้ไม่ได้ต้องเรียกว่าหมู หมูโย่ง 55
บางครั้งคำว่า "เซียน" ก็ดูห่างไกลไปทีละนิดๆ ..แบบถ้าผมเห็นคำว่า"หมากกล" จะบอกกินกี่ต่อหรือขังหมูหรือไร มีบอกใบ้มาละก็ นั่งเพ่งไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ต้องเห็น เพียงแต่ว่าเห็นเร็วหรือเห็นช้า ซึ่งบางทีผมก็รำคาญตัวเองว่าเห็นช้าเกินไป ทำไมหลงทางคิดไปเรื่อยเปื่อยแล้วยังคลำไม่เจอ กว่าจะเจอก็หลังจากคิดไปเรื่อยเปื่อยแล้ว ตรงนี้ผมก็ยังงงๆกับตัวเอง ว่าเพราะไรจึงไปมองทางที่ผิดก่อนเห็นทางที่ถูก..ถ้าเป็นยามแข่งขันก็แย่แล้ว เสียเวลาไปทางที่ใช้ไม่ได้ ..นี่ยังดีว่าหมากกลมีการสะกิดใจ ตั้งมาเมื่อไหร่ต้องคิดให้เต็มที่จนกว่าจะเห็น แต่เวลาแข่งขัน ถ้าเจอขึ้นมาจริงๆ รับรองไม่มีทางเห็น เพราะไม่มีใครมาสะกิด ก็ต้องปล่อยให้โอกาสทองหลุดลอยไป แต่หมากกลนี่ปล่อยโอกาสทองไม่ได้ซะด้วย ปล่อยปุ๊บก็แพ้แน่ แข่งขันยังไม่แน่ แล้วแต่ว่าหมากอยู่ตำแหน่งไหน ..ถึงผมจะเลิกเล่น แต่มีหมากกลมาเมื่อไหร่ ไงก็ต้องแก้ให้ได้ แก้ไม่ได้ต้องเรียกว่าหมู หมูโย่ง 55
สุดท้ายวิ่งต่อเนื่องได้ 33 วัน ระยะทางรวม 286 กม. (ตกวันละ 8.67K)
เป็นการวิ่งทดสอบความทนทานกล้ามเนื้อขา หัวเข่า และหัวใจ...ทฤษฎีวิ่งมีหลายทฤษฎี แต่ผมเลือก "วิ่งตามใจตัวเอง"..แบบนี้ไม่เชิงว่าเป็นการทดสอบความอึด ถ้าทดสอบความอึดต้องวิ่งวันเดียวยาวๆหลายสิบกิโลเมตร หรือหลายๆวัน...แต่ที่ผมซ้อมนี่เป็นการซ้อมวิ่งในระดับมินิ เพียงแต่วิ่งทุกวัน ดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น...33 วัน ตามตัวเลขที่เห็นนี่ครับ
9-3-11-10-10-6-8
8-11-8-13-12-8-8
8-8-10-10-8-8-8
8-8-5-10-8-8-8
10-10-8-8-10
คืนวันที่ 33 ช่วงเช้าใกล้จะตื่นแล้ว โดนตะคริวกินน่องไปจึ้กนึง ..ชิวๆครับ แบบว่าตะคริวต้องมากินน่องเวลานอนปีนึงประมาณ 5-6 ครั้ง (เฉียดๆอีกนับสิบครั้ง) แต่วันรุ่งขึ้นพอดีต้องไปทำธุระ เดินทางหลายชั่วโมงเกิน พอเสร็จธุระก็ใกล้ค่ำแล้ว เลยไม่มีเวลาแวะไปวิ่ง ไม่งั้นก็จะไปวิ่งต่อ แค่ตะคริวกินขาเดียวเรื่องเล็ก กินสองขาพร้อมกันค่อยพักก็ได้ อิอิ ...เอาล่ะ วิ่งไม่ทันก็ไม่ต้องวิ่ง พักก็พัก ยอมจบสถิติที่เลขเบิ้ลสวยๆแค่นี้ก็พอใจละ
ช่วงฤดูร้อนผมก็จะซ้อมวิ่งประมาณ 10K ไม่ค่อยเกินกว่านี้ แพ้ร้อนแพ้แดด เจอแดดมากๆแล้วฝ่อเลย ขนาดพยายามหลบแดด ตัวยังดำปี๋เลยครับ วิ่งถี่เกิน...พอถึงช่วงฤดูฝนถึงจะซ้อม 15K 21K แล้วก็ยังต้องซ้อม 26K 30K ไปยัน 42K เพื่อปรับตัวก่อนไปลงสนาม ... ยังไงก็ต้องซ้อมยาว ไม่ซ้อมไม่ได้ ถึงจะเคยผ่านระยะทางต่างๆมาหมดแล้วก็จริง แต่ถ้าไม่ซ้อมนาน พวกไกลโคเจน พลังแฝงต่างๆในร่างกายมันถดถอยสูญหายไปหมด ต้องคอยกระตุ้นปลุกผีมันขึ้นมา
ที่ซ้อมถี่ๆทุกวันนี้ก็เพื่อความมั่นใจว่า วิ่งบ่อยแค่ไหนก็ไม่บาดเจ็บ หรือบาดเจ็บก็ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็หายไปเอง ไม่เรื้อรัง (แต่ถึงขนาดนี้แล้วพอแข่งขันก็บาดเจ็บบ่อยครั้ง เพราะตลอดทางพื้นเอียงซ้ายทีขวาที ขึ้นๆลงๆ ไม่เหมือนทางที่ซ้อมประจำ..ยังแก้ปัญหานี้ไม่ตก วิ่งลอยฟ้าถนนบรมราชชนนี บาดเจ็บมา 3 หนละ)
9-3-11-10-10-6-8
8-11-8-13-12-8-8
8-8-10-10-8-8-8
8-8-5-10-8-8-8
10-10-8-8-10
คืนวันที่ 33 ช่วงเช้าใกล้จะตื่นแล้ว โดนตะคริวกินน่องไปจึ้กนึง ..ชิวๆครับ แบบว่าตะคริวต้องมากินน่องเวลานอนปีนึงประมาณ 5-6 ครั้ง (เฉียดๆอีกนับสิบครั้ง) แต่วันรุ่งขึ้นพอดีต้องไปทำธุระ เดินทางหลายชั่วโมงเกิน พอเสร็จธุระก็ใกล้ค่ำแล้ว เลยไม่มีเวลาแวะไปวิ่ง ไม่งั้นก็จะไปวิ่งต่อ แค่ตะคริวกินขาเดียวเรื่องเล็ก กินสองขาพร้อมกันค่อยพักก็ได้ อิอิ ...เอาล่ะ วิ่งไม่ทันก็ไม่ต้องวิ่ง พักก็พัก ยอมจบสถิติที่เลขเบิ้ลสวยๆแค่นี้ก็พอใจละ
ช่วงฤดูร้อนผมก็จะซ้อมวิ่งประมาณ 10K ไม่ค่อยเกินกว่านี้ แพ้ร้อนแพ้แดด เจอแดดมากๆแล้วฝ่อเลย ขนาดพยายามหลบแดด ตัวยังดำปี๋เลยครับ วิ่งถี่เกิน...พอถึงช่วงฤดูฝนถึงจะซ้อม 15K 21K แล้วก็ยังต้องซ้อม 26K 30K ไปยัน 42K เพื่อปรับตัวก่อนไปลงสนาม ... ยังไงก็ต้องซ้อมยาว ไม่ซ้อมไม่ได้ ถึงจะเคยผ่านระยะทางต่างๆมาหมดแล้วก็จริง แต่ถ้าไม่ซ้อมนาน พวกไกลโคเจน พลังแฝงต่างๆในร่างกายมันถดถอยสูญหายไปหมด ต้องคอยกระตุ้นปลุกผีมันขึ้นมา
ที่ซ้อมถี่ๆทุกวันนี้ก็เพื่อความมั่นใจว่า วิ่งบ่อยแค่ไหนก็ไม่บาดเจ็บ หรือบาดเจ็บก็ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็หายไปเอง ไม่เรื้อรัง (แต่ถึงขนาดนี้แล้วพอแข่งขันก็บาดเจ็บบ่อยครั้ง เพราะตลอดทางพื้นเอียงซ้ายทีขวาที ขึ้นๆลงๆ ไม่เหมือนทางที่ซ้อมประจำ..ยังแก้ปัญหานี้ไม่ตก วิ่งลอยฟ้าถนนบรมราชชนนี บาดเจ็บมา 3 หนละ)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)