วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560
วันศุกร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2560
คุณสมบัติของคนที่สมควรได้เป็นแชมป์หมากฮอส
ผมรู้แค่ว่า คนที่สมควรได้แชมป์ที่สุด คือคนที่
1.มีความรู้ด้านล็อครูปหมากมากพอสมควร ไม่จำเป็นต้องรู้มากที่สุดจนเป็น กูรู-พหูสูตร ..รู้แบบกว้างๆ ครอบคลุมทุกหมากและถูกต้อง ไม่รั่ว หรือรั่วน้อยที่สุด
2.มีปลายกระดานดีแบบครบเครื่อง ..คม เหนียว และหลอกล่อศอกเก่ง
3.จำแม่น ไม่ขี้หลงขี้ลืม ขยันซ้อม ..ถ้าคนจำแม่น ก็ไม่จำเป็นต้องขยันซ้อมมาก ถ้าคนขี้ลืมต้องขยันซ้อม ไม่จับซักพักก็ลืม
4.ตั้งใจเล่นทุกนัด ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม อาจจะดึงๆผ่อนๆบ้าง เมื่อเอาตัวรอดแล้ว
5.ไม่ทะนงตัวเองว่าเป็นเลิศ ไม่ดูแคลน และไม่ประมาทคู่ต่อสู้
6.ศึกษาประวัติของคู่แข่งแต่ละคนมาเป็นอย่างดี.. แบบพอจะมองเห็นจุดอ่อนคู่ต่อสู้ว่า ใครอ่อนจุดไหนอย่างชัดเจน เดินก่อน เดินหลัง ชอบเล่นแบบไหน ...เจอหมากไหน ชอบรับแบบไหน ..แข็งรูป อ่อนปลาย ..หรืออ่อนรูป ปลายแข็ง ฯลฯ แล้วก็เลือกว่าจะจัดการกับเจ้าหมอนี่ด้วยวิธีการไหนดี
7.มีความคิดสร้างสรรค์ สรรหารูปหมากใหม่ๆ.. หรือรูปเก่าแต่พัฒนาจังหวะใหม่ๆเพิ่มเติมบางจุด หรือรูปเสี่ยง
8.ไม่ประหม่าในยามแข่งขัน ไม่ว่าจะเจอมือเหนือกว่า อ่อนกว่า เท่ากัน..การเจอมือในแต่ละระดับที่ว่า จะเกิดแรงกดดันไม่เท่ากัน ต้องทนแรงกดดันได้ดีทุกระดับ
9.ตั้งสติในสถานการณ์ที่เป็นรองได้เป็นอย่างดี ..รวมทั้งเน้นเอาให้ตายในสถานการณ์ที่เป็นต่อ
10.กล้าได้กล้าเสีย.. เล่นจืดๆมันชนะไม่ได้ ก็บู๊ให้เจ๊งกันไปข้าง
11.ต้องนับคะแนนเก่ง นับพลาดไม่ได้ (ถ้าแข่งระบบสวิส)
12.ต้องทะเยอทะยาน คิดว่าตนเองต้องเหนือกว่าคนนั้นคนนี้ให้ได้ แขนขาเท่ากัน ไม่ได้มีสามเศียรหกกร
13.ถึงจะครบเครื่อง จนครบโหลแล้วก็ตาม แต่ข้อสุดท้ายคือ Lucky number ศุกร์ 13 ...วันนั้นต้องดวงเฮงด้วย...12 ข้อ เจอข้อนี้ข้อเดียว หงายหลังได้ทันที เหอๆ
ผมว่าผมครบเกือบทุกข้อนะ เหลือแต่ข้อสุดท้าย ดวงเฮงนี่แหละ ขาดนิดขาดหน่อยประจำ ไม่ได้ซื้อบัตรเติมดวง 55
===========================
เขียนเล่นสนุกๆไปงั้นครับ ยังไม่ครบหรอก ยังมีตกหล่น อิอิ ...นึกได้ก็พิมพ์ๆไป นึกไม่ออกก็หล่น..
การมองทางหมากเป็น
สามารถอ่านหมากได้ไกลกี่ก้าว
ความรู้เกี่ยวกับพวกกลๆ ทั้งกลปลายกระดานและกลกลางกระดาน
ประสบการณ์เล่นเดิมพันแบบ "ต่อเสมอเป็นแพ้" ต่อตัว ต่อราคาหนักๆ
ทุกๆอย่างมันล้วนมีผลไม่มากก็น้อย แต่ที่พูดๆมา มันมีผลไม่น้อยทุกข้อ ขอบอก
1.มีความรู้ด้านล็อครูปหมากมากพอสมควร ไม่จำเป็นต้องรู้มากที่สุดจนเป็น กูรู-พหูสูตร ..รู้แบบกว้างๆ ครอบคลุมทุกหมากและถูกต้อง ไม่รั่ว หรือรั่วน้อยที่สุด
2.มีปลายกระดานดีแบบครบเครื่อง ..คม เหนียว และหลอกล่อศอกเก่ง
3.จำแม่น ไม่ขี้หลงขี้ลืม ขยันซ้อม ..ถ้าคนจำแม่น ก็ไม่จำเป็นต้องขยันซ้อมมาก ถ้าคนขี้ลืมต้องขยันซ้อม ไม่จับซักพักก็ลืม
4.ตั้งใจเล่นทุกนัด ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม อาจจะดึงๆผ่อนๆบ้าง เมื่อเอาตัวรอดแล้ว
5.ไม่ทะนงตัวเองว่าเป็นเลิศ ไม่ดูแคลน และไม่ประมาทคู่ต่อสู้
6.ศึกษาประวัติของคู่แข่งแต่ละคนมาเป็นอย่างดี.. แบบพอจะมองเห็นจุดอ่อนคู่ต่อสู้ว่า ใครอ่อนจุดไหนอย่างชัดเจน เดินก่อน เดินหลัง ชอบเล่นแบบไหน ...เจอหมากไหน ชอบรับแบบไหน ..แข็งรูป อ่อนปลาย ..หรืออ่อนรูป ปลายแข็ง ฯลฯ แล้วก็เลือกว่าจะจัดการกับเจ้าหมอนี่ด้วยวิธีการไหนดี
7.มีความคิดสร้างสรรค์ สรรหารูปหมากใหม่ๆ.. หรือรูปเก่าแต่พัฒนาจังหวะใหม่ๆเพิ่มเติมบางจุด หรือรูปเสี่ยง
8.ไม่ประหม่าในยามแข่งขัน ไม่ว่าจะเจอมือเหนือกว่า อ่อนกว่า เท่ากัน..การเจอมือในแต่ละระดับที่ว่า จะเกิดแรงกดดันไม่เท่ากัน ต้องทนแรงกดดันได้ดีทุกระดับ
9.ตั้งสติในสถานการณ์ที่เป็นรองได้เป็นอย่างดี ..รวมทั้งเน้นเอาให้ตายในสถานการณ์ที่เป็นต่อ
10.กล้าได้กล้าเสีย.. เล่นจืดๆมันชนะไม่ได้ ก็บู๊ให้เจ๊งกันไปข้าง
11.ต้องนับคะแนนเก่ง นับพลาดไม่ได้ (ถ้าแข่งระบบสวิส)
12.ต้องทะเยอทะยาน คิดว่าตนเองต้องเหนือกว่าคนนั้นคนนี้ให้ได้ แขนขาเท่ากัน ไม่ได้มีสามเศียรหกกร
13.ถึงจะครบเครื่อง จนครบโหลแล้วก็ตาม แต่ข้อสุดท้ายคือ Lucky number ศุกร์ 13 ...วันนั้นต้องดวงเฮงด้วย...12 ข้อ เจอข้อนี้ข้อเดียว หงายหลังได้ทันที เหอๆ
ผมว่าผมครบเกือบทุกข้อนะ เหลือแต่ข้อสุดท้าย ดวงเฮงนี่แหละ ขาดนิดขาดหน่อยประจำ ไม่ได้ซื้อบัตรเติมดวง 55
===========================
เขียนเล่นสนุกๆไปงั้นครับ ยังไม่ครบหรอก ยังมีตกหล่น อิอิ ...นึกได้ก็พิมพ์ๆไป นึกไม่ออกก็หล่น..
การมองทางหมากเป็น
สามารถอ่านหมากได้ไกลกี่ก้าว
ความรู้เกี่ยวกับพวกกลๆ ทั้งกลปลายกระดานและกลกลางกระดาน
ประสบการณ์เล่นเดิมพันแบบ "ต่อเสมอเป็นแพ้" ต่อตัว ต่อราคาหนักๆ
ทุกๆอย่างมันล้วนมีผลไม่มากก็น้อย แต่ที่พูดๆมา มันมีผลไม่น้อยทุกข้อ ขอบอก
ผลหมากฮอส กฟภ. โอเพ่น ครั้งที่ 20 ปี 2560 ภาค 3
ภาค 3 ขอพูดถึงการแข่งขันบ้าง
จากผลการประกบคู่รอบ 6 (โดยที่เห็นแต่ชื่อ ไม่เห็นคะแนนของแต่ละคน) ผมพอเดาได้ว่า คู่ที่ 1 กับ 2 จะต้องออกเสมอ(ตามสูตรของระบบสวิสคัดเอา 8 เซียน) สองคู่บนถ้าเสมอ ยังไงก็ไม่น่าหลุด 8 คน
มีอีก 3 คู่ที่มีโอกาสลุ้น คือ คู่ของ โบ้-สุเจตน์, จิรกิต-สมหมาย, มารุต-ปิยะ ผมคาดว่า 3 ชื่อหน้าจะเป็นฝ่ายชนะ
ถ้าเป็นไปตามคาด ก็จะโดนจองไป 7 ที่นั่งแล้ว เหลืออีก 1 คนที่จะแทรกมาได้ ..ก็จะเป็นคู่ของ หมวกแดง-เสือวัง, กับคู่ของ เซียนเด้ง-เซียนอุ คู่ของหมวกแดงมีโอกาสมากกว่า เพราะเป็นคู่ที่ 4 ..คือถ้าคู่นี้ใครชนะก็เข้าแน่ ถ้าเสมอไม่แน่ อาจได้เข้าหรือตกทั้งคู่ ..แต่เมื่อผลออกมาเสมอทั้ง 2 คู่ คะแนนย่อยกลับพลิกเป็นว่า เซียนอุ เสียบเข้ามาเป็นคนที่ 8 แทนคู่ของหมวกแดง (หลายรายการที่แข่งระบบสวิสกันมา เซียนอุมักต้องลุ้นที่ 8-9 อยู่บ่อยครั้ง เข้าบ้าง ตกบ้าง แล้วแต่ดวง)..เรื่องคะแนนต้องถามผม อ่านขาด 55
หลังจากรู้ผลว่าใครเข้า 8 คนพร้อมคะแนนแล้ว ผมมองจากคะแนนแล้วย้อนไปรอบ 5 ก็พอจะเห็นภาพว่า..รอบที่ 5 มีคะแนนเท่ากัน 4 คะแนนถึง 13 คน ..ยิ่งเท่ากันแบบนี้ยิ่งนับคะแนนง่ายเลย
ตี๋เสาชิงช้าเก่งขึ้นหรือไม่? ผมคิดว่าไม่..ที่จริงตี๋ก็ลุ้นได้ทุกปี แต่หลายๆปีตี๋ไม่ตั้งใจเล่น ผลงานก็เลยดูวูบวาบ..เดินหลังก็ตัดหน้าท่าเดียว ทำให้คนอื่นเล่นลำบาก ..เจอเซียนดำทีไรก็เป็นแป้ง เพราะเซียนดำรู้ไส้รู้พุง มีวิธีเอาอยู่ ..ด้านล็อคเซียนดำเหนือกว่าหลายกระบุง ถึงตี๋จะมามุขตัดหน้าให้เล่นยากก็ตามที..เรื่องปลายกะหลอกล่อ เซียนดำก็ยังขี่นิดๆ ..มวยถึงสู้กันไม่ได้
ผ่านมาปีแล้วปีเล่า ผมก็ยังงงว่า เฮียใช้ พญาอินทรี อายุน่าจะ 70+ แล้ว ผลงานปีหลังๆกลับดีขึ้น คงเส้นคงวา เหลือเชื่อจริงๆ ..ย้อนหลังไปช่วงนึง เฮียใช้เคยออกทะเลหลายปี จนคล้ายว่าหมดเขี้ยวเล็บไปแล้ว แต่ก็ยังท้ามรสุมมาได้เรื่อย..อินทรีบินสูง ..ช่วงนั้นปีกอาจจะเปียกน้ำ เลยบินไม่ขึ้น อิอิ
ผลการแข่งขันเอาแค่สั้นๆว่า เซียนดำได้แชมป์ปีนี้ รองชนะเลิศ เซียนอุ...จบการรายงาน เพราะเกรงว่ารายงานมากกว่านี้เดี๋ยวจะผิดพลาด 55
ผลหมากฮอส กฟภ. โอเพ่น ครั้งที่ 20 ปี 2560 ภาค 2
ช่วงไม่กี่ปีที่มาผ่านมีศัพท์ใหม่ "ขั้นเทพ" แต่ผลการแข่งขัน 3 ปีที่ผ่านมา (2558 ถึงปีนี้) ปรากฎว่า "ขั้นกระได" เอาไปกินหมด คู่ชิงขั้นกระได 3 ปี ประกอบด้วย
2558 มารุต VS หนุ่มเทพฯ
2559 เซียนดำ VS ตี๋เสาชิงช้า
2560 เซียนดำ VS เซียนอุ
ไม่มี นามสกุล ดอทขั้นเทพซักคน ไม่รู้ขั้นเทพไปจอดป้าย รับผู้โดยสารที่ไหนกันบ้าง
ผมไม่กลัว "ขั้นเทพ" ไม่กลัว "ขั้นกระได" ...ผมกลัวแต่ "ขั้นเต่า" กับ "ขั้นขุนเขา" 55
ที่แหย่นี่เพราะอะไร..เพราะเว่อร์..ผมไม่อยากเห็นสิ่งที่เว่อร์ๆหรือเน้นไปทางธุรกิจ..ผมอยากเห็นคนที่รักหมากฮอสโดยสายเลือด มีความเข้าใจในหมากฮอสในทุกๆด้าน เล่นเก่งพอประมาณ รู้จักประวัติและรู้จักผู้คนในวงการดี รู้วิธีบรรยาย นำเสนอให้สนุกเร้าใจ และทำงานละเอียดรอบคอบไม่ผิดพลาด ทำด้วยใจ ใจมาก่อน ถ้าจะทำธุรกิจด้วย เอาแค่เบาะๆ อย่าให้เว่อร์ประเจิดประเจ้อ ถึงขนาดเน้นแต่ธุรกิจมาก่อน โฆษณาดะ ให้คลิกกดนู่นนี่ตลอดเวลา โถ..ปักหมุดไว้ข้างบนตลอดกาลเลยสิ้นเรื่อง..จะมาโฆษณาทุกโพสไปไย?
แม้กระทั่งรอบ 8 คนสุดท้าย เซียนอุชนะมารุต ยังทำผังว่ามารุตชนะเซียนอุ ทำยังกะไม่รู้จักว่าใครคือมารุต ใครคือเซียนอุ แล้วการรายงานผลแต่ละอย่าง สารพัดจะมั่ว ไม่ปะติดปะต่อ ไม่อยากจะวิจารณ์จนเละ บอกได้แค่ว่า "สอบตก" ใช้ไม่ได้เลย โดยเฉพาะ...
การประกบคู่ในแต่ละรอบ และผลแพ้ชนะในแต่ละรอบ ..ควรจะเก็บมาให้หมด ด้วยต้นฉบับจริง ..ไม่ใช่เก็บมานิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธี แล้วแทนที่จะเอาต้นฉบับลง กลับไปทำภาพอย่างอื่นจูงใจ แล้วเอาชื่อนักกีฬามาพิมพ์ใหม่เองหมด พิมพ์ผิดจนเละไปหมดก็ไม่สนใจ มีคนไปท้วงก็ไม่แก้ไข...ผิดเยอะมาก ติดๆกัน ยังไม่รู้เลย ..แข่งประชาชน ยังมี ด.ญ. โผล่มาได้อีก...งงมาก ผิดมากขนาดนี้ไม่รู้? ไม่เห็น? ไม่สนใจ ไม่แก้ไข?
ยกตัวอย่างของรอบ 2 ครับ
จากที่ผมแคปมา แค่เห็นก็ส่ายหัวแล้ว ชื่อผิดติดกัน ใกล้กันขนาดนั้น ยังผ่านมาได้ มี ด.ญ.อีก..ไม่ใช่ผิดแค่ที่เห็นแน่นอน ต้องมีผิดมากกว่านี้แน่ เพราะมันจะเป็นลูกโซ่(นิดๆ) นี่แค่เห็นอย่างเด่นชัด
การนำเสนออื่น เสนอคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ สัมภาษณ์แต่ "เทพๆ" ที่ใส่เสื้อ "เทพๆ" กะโฆษณาตนเองอย่างเดียวเลย มีคนให้สัมภาษณ์มากมายไม่ไปสัมภาษณ์ "สัมภาษณ์กันเอง ยกกันเอง แค่นี้พอ" ถ้าตกรอบบ่อยๆ เห็นทีต้องเปลี่ยน พรีเซนเตอร์ ยกเซ็ทเลยมั้ง
พูดกำกวมเป็นปริศนา คนที่รู้แล้วก็ตามทัน ..คนที่ไม่รู้อาจจะงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็ขออธิบายตรงนี้ว่า ผมกำลังพูดถึงเว็บไซด์บางแห่งที่นำเสนอเรื่องการแข่งขัน..ไม่ได้เกี่ยวกับ กฟภ. ซึ่งจัดงานแต่อย่างใด ..แหย่กันเอง ในแวดวงนี่แหละครับ
2558 มารุต VS หนุ่มเทพฯ
2559 เซียนดำ VS ตี๋เสาชิงช้า
2560 เซียนดำ VS เซียนอุ
ไม่มี นามสกุล ดอทขั้นเทพซักคน ไม่รู้ขั้นเทพไปจอดป้าย รับผู้โดยสารที่ไหนกันบ้าง
ผมไม่กลัว "ขั้นเทพ" ไม่กลัว "ขั้นกระได" ...ผมกลัวแต่ "ขั้นเต่า" กับ "ขั้นขุนเขา" 55
ที่แหย่นี่เพราะอะไร..เพราะเว่อร์..ผมไม่อยากเห็นสิ่งที่เว่อร์ๆหรือเน้นไปทางธุรกิจ..ผมอยากเห็นคนที่รักหมากฮอสโดยสายเลือด มีความเข้าใจในหมากฮอสในทุกๆด้าน เล่นเก่งพอประมาณ รู้จักประวัติและรู้จักผู้คนในวงการดี รู้วิธีบรรยาย นำเสนอให้สนุกเร้าใจ และทำงานละเอียดรอบคอบไม่ผิดพลาด ทำด้วยใจ ใจมาก่อน ถ้าจะทำธุรกิจด้วย เอาแค่เบาะๆ อย่าให้เว่อร์ประเจิดประเจ้อ ถึงขนาดเน้นแต่ธุรกิจมาก่อน โฆษณาดะ ให้คลิกกดนู่นนี่ตลอดเวลา โถ..ปักหมุดไว้ข้างบนตลอดกาลเลยสิ้นเรื่อง..จะมาโฆษณาทุกโพสไปไย?
แม้กระทั่งรอบ 8 คนสุดท้าย เซียนอุชนะมารุต ยังทำผังว่ามารุตชนะเซียนอุ ทำยังกะไม่รู้จักว่าใครคือมารุต ใครคือเซียนอุ แล้วการรายงานผลแต่ละอย่าง สารพัดจะมั่ว ไม่ปะติดปะต่อ ไม่อยากจะวิจารณ์จนเละ บอกได้แค่ว่า "สอบตก" ใช้ไม่ได้เลย โดยเฉพาะ...
การประกบคู่ในแต่ละรอบ และผลแพ้ชนะในแต่ละรอบ ..ควรจะเก็บมาให้หมด ด้วยต้นฉบับจริง ..ไม่ใช่เก็บมานิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธี แล้วแทนที่จะเอาต้นฉบับลง กลับไปทำภาพอย่างอื่นจูงใจ แล้วเอาชื่อนักกีฬามาพิมพ์ใหม่เองหมด พิมพ์ผิดจนเละไปหมดก็ไม่สนใจ มีคนไปท้วงก็ไม่แก้ไข...ผิดเยอะมาก ติดๆกัน ยังไม่รู้เลย ..แข่งประชาชน ยังมี ด.ญ. โผล่มาได้อีก...งงมาก ผิดมากขนาดนี้ไม่รู้? ไม่เห็น? ไม่สนใจ ไม่แก้ไข?
ยกตัวอย่างของรอบ 2 ครับ
จากที่ผมแคปมา แค่เห็นก็ส่ายหัวแล้ว ชื่อผิดติดกัน ใกล้กันขนาดนั้น ยังผ่านมาได้ มี ด.ญ.อีก..ไม่ใช่ผิดแค่ที่เห็นแน่นอน ต้องมีผิดมากกว่านี้แน่ เพราะมันจะเป็นลูกโซ่(นิดๆ) นี่แค่เห็นอย่างเด่นชัด
การนำเสนออื่น เสนอคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ สัมภาษณ์แต่ "เทพๆ" ที่ใส่เสื้อ "เทพๆ" กะโฆษณาตนเองอย่างเดียวเลย มีคนให้สัมภาษณ์มากมายไม่ไปสัมภาษณ์ "สัมภาษณ์กันเอง ยกกันเอง แค่นี้พอ" ถ้าตกรอบบ่อยๆ เห็นทีต้องเปลี่ยน พรีเซนเตอร์ ยกเซ็ทเลยมั้ง
พูดกำกวมเป็นปริศนา คนที่รู้แล้วก็ตามทัน ..คนที่ไม่รู้อาจจะงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็ขออธิบายตรงนี้ว่า ผมกำลังพูดถึงเว็บไซด์บางแห่งที่นำเสนอเรื่องการแข่งขัน..ไม่ได้เกี่ยวกับ กฟภ. ซึ่งจัดงานแต่อย่างใด ..แหย่กันเอง ในแวดวงนี่แหละครับ
ผลหมากฮอส กฟภ. โอเพ่น ครั้งที่ 20 ปี 2560 ภาค 1
2 วันที่ผ่านมา ผมกลับมานึกถึงเว็บบอร์ด "หมากฮอสคลับ" ("makhosclub") ที่ผมลงทุนเช่าปีละ 500 บาท ทำเพื่อเสนอเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับหมากฮอส โดยไม่มีรายได้ ทำแบบขาดทุนอย่างเดียว..ทำอยู่ 5 ปี (2550-2554) แล้ว Host เกิดล่มไปด้วยสาเหตุ harddisk พัง ไม่มีข้อมูลสำรอง(เขาบอกมาแบบนั้น) ผมก็เลยเลิก ปิดเว็บบอร์ดถาวร กู้คืนไม่ไหว..เป็นเวลาเดียวกับที่ตนเองก็ประกาศอำลาวงการแล้ว ..เมื่อฟ้าดินเป็นใจให้เว็บล่มซะอีก ก็เลิกทำ เป็นอันจบภาคแรก
ครั้นมาต่อภาค 2 ที่เว็บบล็อกแห่งนี้(blogger) จุดมุ่งหมายไม่ได้ต้องการทำต่อจาก "หมากฮอสคลับ" แต่ต้องการไว้สื่อสารเรื่องราวต่างๆ เพียงเล็กๆน้อย ทั้งเรื่องหมากฮอส เรื่องวิ่ง และเรื่องจับฉ่ายอีกนิดหน่อย จึงไม่ค่อยจะอัพเดท..อีกทั้งลักษณะของเว็บบล็อกจะต่างกับ FB ..การที่ผมไม่เลือกทำใน FB เพราะว่า เดี๋ยวจะต้องมาตอบโน่นนี่ทุกวันจนตอบไม่ไหว เลิกก็คือเลิก ขอคุยคนเดียวดีกว่า
เมื่อขาดผมไป ผมเชื่อว่า สมาชิกทุกๆคนที่เคยเป็นขาประจำเยี่ยมชม "หมากฮอสคลับ" จะรู้สึกว่า "ขาดผู้บรรยายที่รู้จริง ทำงานรวดเร็ว และผิดพลาดน้อย" ยกตัวอย่าง 3 คุณสมบัติพอครับ..ที่เหลือให้ไปคิดกันเองว่าจะได้อีกกี่ข้อ
ที่สำคัญคือ ผมทำด้วยใจล้วนๆ..ซึ่งบทพิสูจน์ก็เห็นได้ว่า ผมลาขาดจากวงการแล้วจริง ไม่ได้ลงแข่งขันอีกเลยหลังจากปี 2554 ที่แข่งเป็นครั้งสุดท้ายแล้วประกาศอำลา และก็ไม่ได้ไปดูงานแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยรายการไหนๆอีกเลย
แต่ถึงผมจะแขวนกระดานและแขวนการเป็น"ผู้สื่อข่าวหมากฮอสเฉพาะกิจ" แล้วก็ตาม ผมก็เห็นว่า กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี มีตัวตายตัวแทน คนที่ผมวางใจว่า มีความสามารถในการนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ และสนิทสนมรู้จักประวัตินักหมากฮอสแต่ละคนดี รวมทั้งเป็นนักกีฬาที่ตั้งใจเล่น อะไรต่อมิไรสารพัดที่วางใจได้ว่า เขาอาจทำได้ดีกว่าผม ยกเว้นเรื่องฝีมืออย่างเดียว ที่ยังเป็นรอง อิอิ..นั่นก็คือ อ.เก้า
ปัจจุบันผมไม่รู้ว่า วงการมีไรบ้าง ยังไงแค่ไหน เนื่องจากว่า FB หลายๆแห่งเป็นกลุ่มปิด ซึ่งถ้าที่ไหนเป็นกลุ่มปิด ผมจะไม่สมัครเข้าร่วมกลุ่มไหนทั้งสิ้น ผมจะเป็นแค่ขาจร ผ่านไปผ่านมา "เปิดก็เข้า ปิดก็ช่าง"
จบภาค 1
ครั้นมาต่อภาค 2 ที่เว็บบล็อกแห่งนี้(blogger) จุดมุ่งหมายไม่ได้ต้องการทำต่อจาก "หมากฮอสคลับ" แต่ต้องการไว้สื่อสารเรื่องราวต่างๆ เพียงเล็กๆน้อย ทั้งเรื่องหมากฮอส เรื่องวิ่ง และเรื่องจับฉ่ายอีกนิดหน่อย จึงไม่ค่อยจะอัพเดท..อีกทั้งลักษณะของเว็บบล็อกจะต่างกับ FB ..การที่ผมไม่เลือกทำใน FB เพราะว่า เดี๋ยวจะต้องมาตอบโน่นนี่ทุกวันจนตอบไม่ไหว เลิกก็คือเลิก ขอคุยคนเดียวดีกว่า
เมื่อขาดผมไป ผมเชื่อว่า สมาชิกทุกๆคนที่เคยเป็นขาประจำเยี่ยมชม "หมากฮอสคลับ" จะรู้สึกว่า "ขาดผู้บรรยายที่รู้จริง ทำงานรวดเร็ว และผิดพลาดน้อย" ยกตัวอย่าง 3 คุณสมบัติพอครับ..ที่เหลือให้ไปคิดกันเองว่าจะได้อีกกี่ข้อ
ที่สำคัญคือ ผมทำด้วยใจล้วนๆ..ซึ่งบทพิสูจน์ก็เห็นได้ว่า ผมลาขาดจากวงการแล้วจริง ไม่ได้ลงแข่งขันอีกเลยหลังจากปี 2554 ที่แข่งเป็นครั้งสุดท้ายแล้วประกาศอำลา และก็ไม่ได้ไปดูงานแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยรายการไหนๆอีกเลย
แต่ถึงผมจะแขวนกระดานและแขวนการเป็น"ผู้สื่อข่าวหมากฮอสเฉพาะกิจ" แล้วก็ตาม ผมก็เห็นว่า กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี มีตัวตายตัวแทน คนที่ผมวางใจว่า มีความสามารถในการนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ และสนิทสนมรู้จักประวัตินักหมากฮอสแต่ละคนดี รวมทั้งเป็นนักกีฬาที่ตั้งใจเล่น อะไรต่อมิไรสารพัดที่วางใจได้ว่า เขาอาจทำได้ดีกว่าผม ยกเว้นเรื่องฝีมืออย่างเดียว ที่ยังเป็นรอง อิอิ..นั่นก็คือ อ.เก้า
ปัจจุบันผมไม่รู้ว่า วงการมีไรบ้าง ยังไงแค่ไหน เนื่องจากว่า FB หลายๆแห่งเป็นกลุ่มปิด ซึ่งถ้าที่ไหนเป็นกลุ่มปิด ผมจะไม่สมัครเข้าร่วมกลุ่มไหนทั้งสิ้น ผมจะเป็นแค่ขาจร ผ่านไปผ่านมา "เปิดก็เข้า ปิดก็ช่าง"
จบภาค 1
ผลหมากฮอส กฟภ. โอเพ่น ครั้งที่ 20 ปี 2560 (เกริ่นนำ)
ที่จริงก็ประกาศหยุดอัพเดทเว็บบล็อกไปแล้วนะครับ...นิสัยผมใครก็รู้จักดี พูดคำไหนคำนั้น ..แต่ที่ยังมีโผล่มาหลังจากนั้น เพราะเห็นว่าเป็นบทความที่มีประโยชน์...เช่นเดียวกับ ที่โผล่มาครั้งนี้อีกครั้ง ก็ต้องมีอะไรจะสื่อถึงเช่นกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีครับ ...นี่แค่ฉบับ เกริ่นนำ ครับ
แต่จะอย่างไรก็ตาม เซียนโย่ง ฉายา "ว่องไวปานกามนิตหนุ่ม" อาจจะร่ายยาวในคืนนี้ ก่อน 24:00 น. ก็เป็นได้ 55
แต่จะอย่างไรก็ตาม เซียนโย่ง ฉายา "ว่องไวปานกามนิตหนุ่ม" อาจจะร่ายยาวในคืนนี้ ก่อน 24:00 น. ก็เป็นได้ 55
วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
บทความพิเศษ(เพิ่มเติม) "ระยะทางเป็นเพียงภาพลวงตา ระยะเวลาเป็นตัววัดความรู้สึก"
ประกาศยุติการอัพเดทเว็บบล็อกไปแล้ว แต่เผอิญว่าเพิ่งนึกเขียนบทความได้ ก็ขอแทรกบทความนี้ไว้ทิ้งท้าย เป็นกรณีพิเศษ เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจการเดิน-วิ่ง ครับ
"ระยะทางเป็นเพียงภาพลวงตา ระยะเวลาเป็นตัววัดความรู้สึก"
เปรียบว่า ถ้าพูดถึง 42 กม. คนที่ขับรถไป ตจว. ขับด้วยความเร็ว 90 km/h ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็ถึง ก็จะรู้สึกว่าใกล้..ถ้าขับรถในตัวเมืองกรุงเทพฯ ในสภาพการจราจรไม่คล่องตัว จะใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ก็จะรู้สึกว่าไกล..ในขณะที่คนวิ่งมาราธอนต่ำกว่า 4 ชม. (วิ่งได้เร็วกว่าขับรถในกรุง ไอ้เรื่องรถติดเนี่ย เวลานั่งรถ 10 กม. 20 กม. แล้วมันใช้เวลานานกว่าที่เราวิ่งซะอีก คิดขึ้นมาทีไรแล้วมีน้ำโห ) กับคนที่วิ่งใช้เวลา 5-7 ชม. ก็จะรู้สึกไปคนละแบบ
หรือถ้าพูดถึง 3,000 กม. นั่งเครื่องบินไป ตปท. ก็ซัก 3 ชม. ..ถ้าขับรถ 100km/h ก็ขับไป 30 ชม. แต่ถ้าวิ่งวันละ 100 กม. ก็เดือนนึงพอดี ..คนนั่งเครื่องบินรู้สึกใกล้ คนวิ่งบ่นไกลโคตรๆ
ดังนั้น หากใครคนนึงเคยวิ่งมาราธอนใช้เวลา 5 ชม. แล้วลดเหลือ 4.30 ชม. แล้วก็ 4 ชม. ทำเวลาได้ดีขึ้นมาเรื่อย ก็จะรู้สึกว่าระยะทางมันใกล้กว่าเดิม วิ่งแล้วสบายตัวขึ้น
กลับกัน คนที่เคยวิ่งมาราธอน 4 ชม. แล้วกลายเป็น 4.30 ชม. แล้วเป็น 5 ชม. วิ่งแล้วแย่ลงๆ ก็จะรู้สึกว่าทำไมระยะทางเหมือนไกลกว่าเดิมอีกตั้งหลายโล รู้สึกเหนื่อยกว่าแต่ก่อน
เมื่อเป็นเช่นนี้ สมมุติว่าจะวิ่ง(หรือเดิน) ระยะ 10K ทำอย่างไรที่จะให้ถึงจุดหมาย "โดยให้เกิดความรู้สึกคล้ายว่า มันใกล้ ไม่ไกล และให้รู้สึกสบายตัวขึ้น มีความสุขขึ้น"... ก็ต้องมีสิ่งที่ทำให้บันเทิงใจ หรือเบี่ยงเบนความรู้สึกในเรื่องระยะทาง และจะให้ยิ่งดี ก็ควรพยายามลดระยะเวลาให้สั้นลงไปด้วย วิธีดีๆมีดังนี้ครับ
-เดินวิ่งเป็นกลุ่ม(ที่ฝีเท้าไปด้วยกันได้) บางกลุ่มคุยกันไปด้วย ยิ่งเบี่ยงเบนความรู้สึกได้มาก ไม่ต้องอึดถึงขนาดคุยกันตลอดทาง ซักพักๆคุยซักคำสองคำ เฮฮาไปเรื่อยก็พอ แต่ถ้าเดินจะคุยจ้อเท่าไหร่ก็ได้ คุยไปหัวเราะไปแล้วเดี๋ยวก็จะถึงจุดหมายโดยไม่รู้ตัว..(ถึงศรีธัญญา อิอิ)
-วิ่งกับแฟน พวกวิ่งกับแฟนนี่น่าอิจฉาที่สุดครับ ยามมีความรักใจมันเบิกบานเป็นสุขอยู่แล้ว ท้อยาก วิ่งไปกินช็อคโกแลตไป สบตาไปด้วยยิ่งดี พอท้อหรือทำท่าหมดแรง ก็โอบกอดซักหน่อย แค่นั้นเองเข็มตกเด้งกลับ แรงมาอีกแระ กลัวแต่โอบไปโอบมา เดี๋ยวอีกฝ่ายจะแกล้งหมดแรงบ่อยๆ เหอๆ...คนไม่มีแฟน วิ่งตามก็พลอยได้อานิสงส์ด้วย เห็นกอดกัน ตาร้อนแสบตา ทนดูไม่ได้วุ้ย วิ่งแซงหน้าปรู๊ดไปเลย 55
-ฟังเพลงไปด้วยตลอดทาง เอาเฉพาะเพลงที่ฟังแล้วคึก..อย่าไปใส่เพลง ธรณีกันแสง
-เลือกเวลาเช้าหรือค่ำ เอาแบบไร้แดดล้วนๆ หรือวันที่ไร้แดดมีฝนพรำๆตลอดวัน แต่ฝนไม่เท
-เลือกสวนหรือสนามกีฬาที่มีคนพลุกพล่าน หรือไปร่วมงานเดินวิ่ง
จ๊อกแบบความเร็วปานกลาง ทุก 1 นาทีได้ระยะทาง 100 กว่าเมตรขึ้นไป(เอา 1,000 หารด้วย pace).. ช้าลงไป 6-8 นาทีก็หายไป 1 กม.แล้ว (ขึ้นอยู่กับ pace ที่วิ่งว่า 6 7 หรือ 8)
จากภาพ สมมุติระยะทาง 20K ถ้าวิ่ง pace6 ใช้เวลา 2 ชม.พอดี ถ้าวิ่ง pace 7-8 ก็จะใช้เวลา 2:20 ชม. กับ 2:40 ชม. ตามลำดับ ... พอคนวิ่งpace6 วิ่งครบ 20K แล้ว คนที่วิ่ง pace7 จะวิ่งได้เพียง 17.14K คนที่วิ่ง pace8 เพิ่งจะวิ่งได้ 15K แต่ละ pace ทิ้งกันไกลมาก
แต่หากเป็นคนๆเดียวกัน ที่แต่ละวันวิ่งแล้ว(ดีขึ้น หรือ)แย่ลง(ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุใดก็ตาม เช่นอายุมากขึ้น ป่วย บาดเจ็บ) เขาก็จะรู้สึกว่า วันนี้ทำไมเทียบกับวันนั้น ความรู้สึกแตกต่างกันซะจริง วันนี้ทำไมเหนื่อยและทรมานกว่าวันนั้นเยอะเลย ทำไมไกลจัง ฯลฯ(ตามภาพที่เห็น)
"ระยะทางเป็นเพียงภาพลวงตา ระยะเวลาเป็นตัววัดความรู้สึก"
เปรียบว่า ถ้าพูดถึง 42 กม. คนที่ขับรถไป ตจว. ขับด้วยความเร็ว 90 km/h ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็ถึง ก็จะรู้สึกว่าใกล้..ถ้าขับรถในตัวเมืองกรุงเทพฯ ในสภาพการจราจรไม่คล่องตัว จะใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ก็จะรู้สึกว่าไกล..ในขณะที่คนวิ่งมาราธอนต่ำกว่า 4 ชม. (วิ่งได้เร็วกว่าขับรถในกรุง ไอ้เรื่องรถติดเนี่ย เวลานั่งรถ 10 กม. 20 กม. แล้วมันใช้เวลานานกว่าที่เราวิ่งซะอีก คิดขึ้นมาทีไรแล้วมีน้ำโห ) กับคนที่วิ่งใช้เวลา 5-7 ชม. ก็จะรู้สึกไปคนละแบบ
หรือถ้าพูดถึง 3,000 กม. นั่งเครื่องบินไป ตปท. ก็ซัก 3 ชม. ..ถ้าขับรถ 100km/h ก็ขับไป 30 ชม. แต่ถ้าวิ่งวันละ 100 กม. ก็เดือนนึงพอดี ..คนนั่งเครื่องบินรู้สึกใกล้ คนวิ่งบ่นไกลโคตรๆ
ดังนั้น หากใครคนนึงเคยวิ่งมาราธอนใช้เวลา 5 ชม. แล้วลดเหลือ 4.30 ชม. แล้วก็ 4 ชม. ทำเวลาได้ดีขึ้นมาเรื่อย ก็จะรู้สึกว่าระยะทางมันใกล้กว่าเดิม วิ่งแล้วสบายตัวขึ้น
กลับกัน คนที่เคยวิ่งมาราธอน 4 ชม. แล้วกลายเป็น 4.30 ชม. แล้วเป็น 5 ชม. วิ่งแล้วแย่ลงๆ ก็จะรู้สึกว่าทำไมระยะทางเหมือนไกลกว่าเดิมอีกตั้งหลายโล รู้สึกเหนื่อยกว่าแต่ก่อน
เมื่อเป็นเช่นนี้ สมมุติว่าจะวิ่ง(หรือเดิน) ระยะ 10K ทำอย่างไรที่จะให้ถึงจุดหมาย "โดยให้เกิดความรู้สึกคล้ายว่า มันใกล้ ไม่ไกล และให้รู้สึกสบายตัวขึ้น มีความสุขขึ้น"... ก็ต้องมีสิ่งที่ทำให้บันเทิงใจ หรือเบี่ยงเบนความรู้สึกในเรื่องระยะทาง และจะให้ยิ่งดี ก็ควรพยายามลดระยะเวลาให้สั้นลงไปด้วย วิธีดีๆมีดังนี้ครับ
-เดินวิ่งเป็นกลุ่ม(ที่ฝีเท้าไปด้วยกันได้) บางกลุ่มคุยกันไปด้วย ยิ่งเบี่ยงเบนความรู้สึกได้มาก ไม่ต้องอึดถึงขนาดคุยกันตลอดทาง ซักพักๆคุยซักคำสองคำ เฮฮาไปเรื่อยก็พอ แต่ถ้าเดินจะคุยจ้อเท่าไหร่ก็ได้ คุยไปหัวเราะไปแล้วเดี๋ยวก็จะถึงจุดหมายโดยไม่รู้ตัว..(ถึงศรีธัญญา อิอิ)
-วิ่งกับแฟน พวกวิ่งกับแฟนนี่น่าอิจฉาที่สุดครับ ยามมีความรักใจมันเบิกบานเป็นสุขอยู่แล้ว ท้อยาก วิ่งไปกินช็อคโกแลตไป สบตาไปด้วยยิ่งดี พอท้อหรือทำท่าหมดแรง ก็โอบกอดซักหน่อย แค่นั้นเองเข็มตกเด้งกลับ แรงมาอีกแระ กลัวแต่โอบไปโอบมา เดี๋ยวอีกฝ่ายจะแกล้งหมดแรงบ่อยๆ เหอๆ...คนไม่มีแฟน วิ่งตามก็พลอยได้อานิสงส์ด้วย เห็นกอดกัน ตาร้อนแสบตา ทนดูไม่ได้วุ้ย วิ่งแซงหน้าปรู๊ดไปเลย 55
-ฟังเพลงไปด้วยตลอดทาง เอาเฉพาะเพลงที่ฟังแล้วคึก..อย่าไปใส่เพลง ธรณีกันแสง
-เลือกเวลาเช้าหรือค่ำ เอาแบบไร้แดดล้วนๆ หรือวันที่ไร้แดดมีฝนพรำๆตลอดวัน แต่ฝนไม่เท
-เลือกสวนหรือสนามกีฬาที่มีคนพลุกพล่าน หรือไปร่วมงานเดินวิ่ง
จ๊อกแบบความเร็วปานกลาง ทุก 1 นาทีได้ระยะทาง 100 กว่าเมตรขึ้นไป(เอา 1,000 หารด้วย pace).. ช้าลงไป 6-8 นาทีก็หายไป 1 กม.แล้ว (ขึ้นอยู่กับ pace ที่วิ่งว่า 6 7 หรือ 8)
จากภาพ สมมุติระยะทาง 20K ถ้าวิ่ง pace6 ใช้เวลา 2 ชม.พอดี ถ้าวิ่ง pace 7-8 ก็จะใช้เวลา 2:20 ชม. กับ 2:40 ชม. ตามลำดับ ... พอคนวิ่งpace6 วิ่งครบ 20K แล้ว คนที่วิ่ง pace7 จะวิ่งได้เพียง 17.14K คนที่วิ่ง pace8 เพิ่งจะวิ่งได้ 15K แต่ละ pace ทิ้งกันไกลมาก
แต่หากเป็นคนๆเดียวกัน ที่แต่ละวันวิ่งแล้ว(ดีขึ้น หรือ)แย่ลง(ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุใดก็ตาม เช่นอายุมากขึ้น ป่วย บาดเจ็บ) เขาก็จะรู้สึกว่า วันนี้ทำไมเทียบกับวันนั้น ความรู้สึกแตกต่างกันซะจริง วันนี้ทำไมเหนื่อยและทรมานกว่าวันนั้นเยอะเลย ทำไมไกลจัง ฯลฯ(ตามภาพที่เห็น)
วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
ประกาศ..เว็บบล็อกหมากฮอส หยุดการอัพเดทแล้วครับ
เว็บบล็อก "หมากฮอส เซียนโย่ง" หรือ "makhosbyseanyong"(ภาษาอังกฤษสะกดถูกๆผิดๆต้องขออภัย ชั่งหัวมันหัวเผือก เพราะเราคือคนไทย หุหุ) ขอหยุดการทำเว็บบล็อกไว้แต่เพียงเท่านี้ "เซียนโย่ง" เป็นเพียงอดีตไปนานแล้ว กี่ปีแล้วเนี่ย.. 6 ปีแล้ว..ถ้ามีไรจะถามไถ่ ที่เมล์นี้ครับ parrot3bird@gmail.com ..เมล์อื่นไม่ได้ใช้แล้วครับ เพราะลืมพาสเวิร์ดครับ
"เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด"....คอหมากฮอสและเซียนหมากฮอสรุ่นหลัง(ระดับบ้าเข้าสายเลือด) ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป ทำให้วงการดีขึ้น ร่วมแรงร่วมใจกันเชิดหน้าชูตาให้วงการหมากฮอสดีขึ้น มีการแข่งขันมากขึ้น สร้างรายได้จากการแข่งขันที่มากขึ้น คุ้มค่าขึ้น มิใช่ยิ่งแข่งยิ่งจน เสียเวลาทำมาหากินเปล่าๆ..ปัญหาคือความนิยมในเกมหมากฮอสจัดว่ามีน้อยมาก เทียบเกมหมากกระดานอื่นอีกหลายๆเกมไม่ได้ ..งานแข่งก็น้อย รางวัลก็น้อย..ในขณะที่กิจกรรมอื่นกลับแซงหน้าแบบทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น แข่งได้ทุกอาทิตย์..นั่นก็คือ กิจกรรมเดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพ ..ทางเลือกก็คือ เข็นครกขึ้นภูเขากันต่อไป หรือไม่ก็ทิ้งกระดานแล้วไปวิ่งกันดีกว่า..เอาไงดี ติ๊กต่อกๆๆๆ...แต่ผมว่า ทิ้งกระดานไปวิ่งก็ดีนะ..ขลุกอยู่กับกระดานรู้สึกว่าคิดผิดจริงๆ ..พูดจริงครับ ไม่ได้พูดเล่น
"เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด"....คอหมากฮอสและเซียนหมากฮอสรุ่นหลัง(ระดับบ้าเข้าสายเลือด) ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป ทำให้วงการดีขึ้น ร่วมแรงร่วมใจกันเชิดหน้าชูตาให้วงการหมากฮอสดีขึ้น มีการแข่งขันมากขึ้น สร้างรายได้จากการแข่งขันที่มากขึ้น คุ้มค่าขึ้น มิใช่ยิ่งแข่งยิ่งจน เสียเวลาทำมาหากินเปล่าๆ..ปัญหาคือความนิยมในเกมหมากฮอสจัดว่ามีน้อยมาก เทียบเกมหมากกระดานอื่นอีกหลายๆเกมไม่ได้ ..งานแข่งก็น้อย รางวัลก็น้อย..ในขณะที่กิจกรรมอื่นกลับแซงหน้าแบบทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น แข่งได้ทุกอาทิตย์..นั่นก็คือ กิจกรรมเดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพ ..ทางเลือกก็คือ เข็นครกขึ้นภูเขากันต่อไป หรือไม่ก็ทิ้งกระดานแล้วไปวิ่งกันดีกว่า..เอาไงดี ติ๊กต่อกๆๆๆ...แต่ผมว่า ทิ้งกระดานไปวิ่งก็ดีนะ..ขลุกอยู่กับกระดานรู้สึกว่าคิดผิดจริงๆ ..พูดจริงครับ ไม่ได้พูดเล่น
วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560
อาหารมหัศจรรย์ อันดับ 1 ของโลก
วันนี้เจอ อาหารมหัศจรรย์อันดับ 1 ของโลก "หอยแมลงภู่(ล่องหน)+ปู+กุ้ง ...ต้องคนมีบุญถึงจะได้กิน..แต่ผมบุญน้อย เห็นแล้วกินไม่ลง..เอามาให้เห็นกับตาดีกว่า อิอิ
เปิดฝานี้มาเป็นตะลึง ข้างในโคลนเพียบ ซีกนึงเป็นลูกปูตัวจิ๋วเต็มตัว ซีกนึงเป็นกุ้งใหญ่กว่าปู แต่ไม่แน่ใจว่าหัวขาดหรือขดจนมองไม่เห็น..แต่ ตัวหอยหายไปไหน??..โดนปูเขมือบหรือเปล่าไม่รุ หรือโคลนกลบ แต่น่าจะหายไปเลยนะ..เทียบกับหอยจากฝาอื่นๆก็มีครบ ขนาดก็ไม่เล็กด้วย..เห็นแล้วแค้นมากกกกก โกรธสุดขีด...ทำไมไม่เป็นเพชรหรือทองอยู่ข้างในแทนวะ 55555
เปิดฝานี้มาเป็นตะลึง ข้างในโคลนเพียบ ซีกนึงเป็นลูกปูตัวจิ๋วเต็มตัว ซีกนึงเป็นกุ้งใหญ่กว่าปู แต่ไม่แน่ใจว่าหัวขาดหรือขดจนมองไม่เห็น..แต่ ตัวหอยหายไปไหน??..โดนปูเขมือบหรือเปล่าไม่รุ หรือโคลนกลบ แต่น่าจะหายไปเลยนะ..เทียบกับหอยจากฝาอื่นๆก็มีครบ ขนาดก็ไม่เล็กด้วย..เห็นแล้วแค้นมากกกกก โกรธสุดขีด...ทำไมไม่เป็นเพชรหรือทองอยู่ข้างในแทนวะ 55555
วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560
เหรียญสองด้าน กับ รูบิค 6 ด้าน
เหรียญมีสองด้านเสมอ..หนึ่งในคำคมอมตะ ที่ใช้กันทั่วโลก ..สำหรับเตือนสติให้รู้จัก"ดูตาไว้ตา ฟังหูไว้หู" อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆ...แต่แค่เหรียญยังไม่พอครับ..ต้องมีนี่อีกอัน.."ลูกบาศก์" ครับ..ขอเรียกว่า "รูบิค" ละกัน เรียกง่ายกว่า
รูบิคมี 6 ด้าน...หากเอารูบิควางไว้บนโต๊ะไม้ซักตัว ไม่ว่าเราจะยืนมองหรือนั่งมองจาก"จุดใดจุดหนึ่ง จุดเดียว" เราจะเห็นได้สูงสุดเพียง 3 ด้าน(ยืนมองจากด้านบนและมองทางมุมรูบิค)..หรือ 2 ด้าน(ยืนมองจากด้านบนและมองตรงด้านหน้าตรงๆ)..หรือเห็นแค่ 1 ด้าน..ย่อตัวหรือ...นั่งเก้าอี้มองด้านหน้าตรงๆในระดับสายตาพอดี
หากเปรียบการมองรูบิคเป็น "วิจารณญาณ" มองเห็นด้านเดียวถือว่าแย่ที่สุด สองด้านแค่ดีขึ้นนิด สามด้านดีขึ้นอีกหน่อย..แต่ยังเรียกว่าแย่ เพราะยังขาดอีก 3 ด้าน..และใน 6 ด้านจะมีด้านนึง ที่คนมองไม่เห็นเลย คือ "ด้านใต้ของรูบิค" เพราะมันติดกับโต๊ะ..เดินรอบโต๊ะก็เห็นแค่ 5 ด้าน !!!
ถ้ารูบิคลูกนี้วาดภาพไว้ทุกด้าน..คนนึงมองเห็นเห็นแต่ภาพวาดสวยๆงามๆหรือพระพุทธรูป...อีกคนมองเห็นแต่ภาพน่าเกลียดหรือปีศาจ..อีกคนมองเห็นทั้งสองอย่าง ..เพราะมองคนละมุม..มองไม่ทั่วถึง มองไม่ครบ 6 ด้าน
คราวนี้รูบิคอีกลูก อาจจะวาดภาพสวยงามเลิศหรูหรือพระพุทธรูป ไว้ 5 ด้านเลย ..แบบปล่อยให้เดินรอบโต๊ะก็ต้องเชื่อว่ารูบิคนี้ดี...แต่วาดภาพลามกไว้ด้านใต้ ..ให้ฉลาดแค่ไหน ก็คงคิดไม่ถึง
ทุกเรื่องราวทั้งในชีวิตจริง ข่าว นสพ. โซเชียล..ส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนรูบิค...มีคนมองเห็นเพียง 1 ด้าน(เช่นแต่งบทความมา 20 ข้อ) อ่านแล้วถ้าเชื่อหมดทุกข้อ ใช้วิจารณญาณไม่เป็นเลย..บางคนเห็น 2-3 ด้าน(เชื่อเกิน 10 ข้อขึ้นไป)...ทางเดียวที่จะเห็นครบ 6 ด้านคือ..อย่าอ่านเฉยๆ..หยิบรูบิคขึ้นมาเลย..พลิกดูให้ครบทุกด้าน ว่ามีแอบแฝงหรือซ่อนไรไว้หรือเปล่า..นี่คือ"การเปรียบเทียบ" แต่ในความเป็นจริง..ไม่มีลูกรูบิคให้เราจับ เพราะมันมีแต่เนื้อหาหรือภาพหรือคลิป..แต่เราต้องพยายามคิดลึก นึกให้ไกลว่า เนื้อหานั้นๆมันเป็นประโยชน์แท้จริงหรือเป็นโทษ...หรือวางยาอะไรมาบ้าง จุดไหนน่าสงสัยบ้าง มันแกล้งทำมาแดกดันคนอื่นหรือเปล่า ฯลฯ..
การคิดลึก เปรียบเหมือนการตั้งโจทย์ว่า "ให้คนอื่นเอารูบิคลูกนึงมาวางบนโต๊ะ และให้เราหาวิธีใดก็ได้ ที่จะเห็นรูบิคทั้ง 6 ด้าน โดยที่ต้องอยู่กับที่ ดูครั้งเดียว ห้ามขยับตัวเด็ดขาด" ทำได้ไหม???...ทำได้ครับ...ก็ขอเปลี่ยนเป็นโต๊ะกระจกใส..แล้วในห้องติดกระจกเงาไว้ทุกด้าน รวมทั้งใต้โต๊ะด้วย ..แล้วเชิญเอารูบิคมาวางได้เลย..
ซึ่งก็คือ..หากเรารู้เท่าทัน ไม่ว่าเนื้อหาที่เราเห็น ปกปิดอะไรไว้ให้ผิดสังเกต เราก็เห็นมันได้..อาจจะยังสรุปไม่เป๊ะซะทีเดียว แต่การสันนิษฐานน่าจะถูกต้องใกล้เคียง...ไอ้ด้านที่ 6 นี่มันตัวร้าย เพราะเป็นด้านที่ใครต่อใครมักจะมองไม่เห็น..ขนาดหลายๆคนมุงดูรอบโต๊ะ เห็น 5 ด้านแล้วยังชะล่าใจ วางใจ..แต่พอมีใครหยิบรูบิคขึ้นมา เห็นด้านที่ 6 แล้วหงายหลังตึงกันหมด...สิ่งที่คนชอบแชร์มักไม่ได้คิดคือ..."คนที่ปล่อยแชร์ ทั้งทำคลิป ทั้งพิมพ์เรื่องยาวเฟื้อยเลื้อยเป็นงู" แล้วก็ตะโกนปาวๆ "ให้แชร์วนไปเยอะๆ"..มันทำเพื่ออะไร???(ด้านที่ 6)
รูบิคมี 6 ด้าน...หากเอารูบิควางไว้บนโต๊ะไม้ซักตัว ไม่ว่าเราจะยืนมองหรือนั่งมองจาก"จุดใดจุดหนึ่ง จุดเดียว" เราจะเห็นได้สูงสุดเพียง 3 ด้าน(ยืนมองจากด้านบนและมองทางมุมรูบิค)..หรือ 2 ด้าน(ยืนมองจากด้านบนและมองตรงด้านหน้าตรงๆ)..หรือเห็นแค่ 1 ด้าน..ย่อตัวหรือ...นั่งเก้าอี้มองด้านหน้าตรงๆในระดับสายตาพอดี
หากเปรียบการมองรูบิคเป็น "วิจารณญาณ" มองเห็นด้านเดียวถือว่าแย่ที่สุด สองด้านแค่ดีขึ้นนิด สามด้านดีขึ้นอีกหน่อย..แต่ยังเรียกว่าแย่ เพราะยังขาดอีก 3 ด้าน..และใน 6 ด้านจะมีด้านนึง ที่คนมองไม่เห็นเลย คือ "ด้านใต้ของรูบิค" เพราะมันติดกับโต๊ะ..เดินรอบโต๊ะก็เห็นแค่ 5 ด้าน !!!
ถ้ารูบิคลูกนี้วาดภาพไว้ทุกด้าน..คนนึงมองเห็นเห็นแต่ภาพวาดสวยๆงามๆหรือพระพุทธรูป...อีกคนมองเห็นแต่ภาพน่าเกลียดหรือปีศาจ..อีกคนมองเห็นทั้งสองอย่าง ..เพราะมองคนละมุม..มองไม่ทั่วถึง มองไม่ครบ 6 ด้าน
คราวนี้รูบิคอีกลูก อาจจะวาดภาพสวยงามเลิศหรูหรือพระพุทธรูป ไว้ 5 ด้านเลย ..แบบปล่อยให้เดินรอบโต๊ะก็ต้องเชื่อว่ารูบิคนี้ดี...แต่วาดภาพลามกไว้ด้านใต้ ..ให้ฉลาดแค่ไหน ก็คงคิดไม่ถึง
ทุกเรื่องราวทั้งในชีวิตจริง ข่าว นสพ. โซเชียล..ส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนรูบิค...มีคนมองเห็นเพียง 1 ด้าน(เช่นแต่งบทความมา 20 ข้อ) อ่านแล้วถ้าเชื่อหมดทุกข้อ ใช้วิจารณญาณไม่เป็นเลย..บางคนเห็น 2-3 ด้าน(เชื่อเกิน 10 ข้อขึ้นไป)...ทางเดียวที่จะเห็นครบ 6 ด้านคือ..อย่าอ่านเฉยๆ..หยิบรูบิคขึ้นมาเลย..พลิกดูให้ครบทุกด้าน ว่ามีแอบแฝงหรือซ่อนไรไว้หรือเปล่า..นี่คือ"การเปรียบเทียบ" แต่ในความเป็นจริง..ไม่มีลูกรูบิคให้เราจับ เพราะมันมีแต่เนื้อหาหรือภาพหรือคลิป..แต่เราต้องพยายามคิดลึก นึกให้ไกลว่า เนื้อหานั้นๆมันเป็นประโยชน์แท้จริงหรือเป็นโทษ...หรือวางยาอะไรมาบ้าง จุดไหนน่าสงสัยบ้าง มันแกล้งทำมาแดกดันคนอื่นหรือเปล่า ฯลฯ..
การคิดลึก เปรียบเหมือนการตั้งโจทย์ว่า "ให้คนอื่นเอารูบิคลูกนึงมาวางบนโต๊ะ และให้เราหาวิธีใดก็ได้ ที่จะเห็นรูบิคทั้ง 6 ด้าน โดยที่ต้องอยู่กับที่ ดูครั้งเดียว ห้ามขยับตัวเด็ดขาด" ทำได้ไหม???...ทำได้ครับ...ก็ขอเปลี่ยนเป็นโต๊ะกระจกใส..แล้วในห้องติดกระจกเงาไว้ทุกด้าน รวมทั้งใต้โต๊ะด้วย ..แล้วเชิญเอารูบิคมาวางได้เลย..
ซึ่งก็คือ..หากเรารู้เท่าทัน ไม่ว่าเนื้อหาที่เราเห็น ปกปิดอะไรไว้ให้ผิดสังเกต เราก็เห็นมันได้..อาจจะยังสรุปไม่เป๊ะซะทีเดียว แต่การสันนิษฐานน่าจะถูกต้องใกล้เคียง...ไอ้ด้านที่ 6 นี่มันตัวร้าย เพราะเป็นด้านที่ใครต่อใครมักจะมองไม่เห็น..ขนาดหลายๆคนมุงดูรอบโต๊ะ เห็น 5 ด้านแล้วยังชะล่าใจ วางใจ..แต่พอมีใครหยิบรูบิคขึ้นมา เห็นด้านที่ 6 แล้วหงายหลังตึงกันหมด...สิ่งที่คนชอบแชร์มักไม่ได้คิดคือ..."คนที่ปล่อยแชร์ ทั้งทำคลิป ทั้งพิมพ์เรื่องยาวเฟื้อยเลื้อยเป็นงู" แล้วก็ตะโกนปาวๆ "ให้แชร์วนไปเยอะๆ"..มันทำเพื่ออะไร???(ด้านที่ 6)
วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
จะตามหรือจะปาดหน้าก็ได้ ไม่ต้องป้องกันตัว เก๋าซะอย่าง 55
Credit ภาพ.... FB: ตื่นไม่ทันชัตเตอร์ @underlateshutter
FB: iamrunningthai & sport
FB: indyrun
============================================
อีกงานครับ
Credit ภาพ.... FB: Oc foto
วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
มีแต่รักษาแล้วหาย ไม่มีรักษาแล้วตาย
ข้อเตือนใจเกี่ยวกับการแชร์สารพัดโรค แล้วรักษาง่ายๆได้ทุกโรค แบบเห็นผล..มีแต่เรื่องหลอกลวงแทบทั้งสิ้น..และอีกประการ..ไม่ได้มีใครร้องขอ.. ถามถึง..จะแชร์ไปเพื่ออะไร?..แชร์เพื่อฆ่าคนทางอ้อม หรือทำให้คนที่ป่วยหรือมีญาติป่วยอยู่ หลงทางแบบไม่ต้องกลับ..อย่าทำเป็นเล่นกับเรื่องเหล่านี้นะครับ..ไม่ใช่เรื่องของเรา..หาเรื่องอื่นที่เป็นสาระจริงๆ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ หรืออะไรที่พิสูจน์ได้ เถียงไม่ได้ซักคำ หรือคุยเรื่องทั่วๆไป จะดีกว่า..ผมจะเตือนเพื่อนทุกกลุ่ม และทุกๆคนไม่ว่าจะที่ไหนๆก็ตาม แบบนี้เสมอๆ..แม้แต่คนไข้เองที่รักษาตัวกันในโรงบาล ยังคุยกันเลยว่า มีการแชร์สารพัด สมุนไพร อะไรต่อมิไร รักษาโรคได้สารพัด.."มีแต่รักษาแล้วหาย ไม่มีรักษาแล้วตาย"..แต่เค้าขอไม่เอาดีกว่า เชื่อหมอดีกว่า หมอตั้งกี่หัว เรียนมาตั้งกี่ปี ยังต้องใช้วิธียุ่งยากสารพัด..ถ้าแค่บีบมะนาว อะไรต่อมิไรแล้วได้ผล..จะมีหมอไว้ทำไม? ..หมอเห็นบทความเหล่านั้นแล้วก็คงเอามะนาวมารักษา หรือเรียกให้ไปกินมะนาวที่บ้าน..ไม่ต้องลำบากกันขนาดนี้หรอก
"พึงระลึกไว้เสมอ อย่าให้ใครยืมมีดฆ่าคน"
ดราม่ามันเยอะ เราต้องสู้กับมัน !!!
ถ้าอ่านแล้วเห็นด้วย แชร์ได้ตามอัธยาศัยครับ
"พึงระลึกไว้เสมอ อย่าให้ใครยืมมีดฆ่าคน"
ดราม่ามันเยอะ เราต้องสู้กับมัน !!!
ถ้าอ่านแล้วเห็นด้วย แชร์ได้ตามอัธยาศัยครับ
วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560
สมการ If เชื่อ = โง่
สมการ If เชื่อ= โง่
ความเชื่อ = ความโง่
เชื่อง่าย = โง่ง่าย
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ = ไม่โง่อย่าลบหลู่
เชื่อแล้วจงแชร์ต่อไป = โง่แล้วจงแชร์ต่อไป
เชื่อแล้วได้บุญ = โง่แล้วได้บุญ
จงเชื่อว่ามะเร็งจะหายขาดภายใน 7 วัน = จงโง่ว่ามะเร็งจะหายขาดภายใน 7 วัน
ขอยืมซักแสน ดอก 10% เชื่อได้เลยว่าสิ้นเดือนนี้คืนให้แน่ = ขอยืมสักแสน ดอก 10% โง่ได้เลยว่าสิ้นเดือนนี้คืนให้แน่
ความเชื่อ = ความโง่
เชื่อง่าย = โง่ง่าย
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ = ไม่โง่อย่าลบหลู่
เชื่อแล้วจงแชร์ต่อไป = โง่แล้วจงแชร์ต่อไป
เชื่อแล้วได้บุญ = โง่แล้วได้บุญ
จงเชื่อว่ามะเร็งจะหายขาดภายใน 7 วัน = จงโง่ว่ามะเร็งจะหายขาดภายใน 7 วัน
ขอยืมซักแสน ดอก 10% เชื่อได้เลยว่าสิ้นเดือนนี้คืนให้แน่ = ขอยืมสักแสน ดอก 10% โง่ได้เลยว่าสิ้นเดือนนี้คืนให้แน่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)