ก็แข่งกันไปครับ แข่งขันก็คือแข่งขัน ไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อให้อาจารย์ เขี่ยอาจารย์ตกรอบได้ก็เขี่ยไปเลย อิอิ...ถ้าไม่อยากทำจริงๆ ก็อย่าฝืนเล่น บอกไปเลยว่าไม่สู้ ไม่เล่น..ดีกว่านั่งต้มคนดู..แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไม่สู้ แข่งขันก็คือแข่งขัน..แต่เวลาที่ อ. กับ ศิษย์ แข่งกันนั้น ก็ควรจะเล่นแบบรักษามารยาทให้มากที่สุด..คนเป็น อ. ก็อย่ามัวแต่สนุกปาก แข่งไปแหย่ไป พูดไปคนเดียว..เพราะยุคนี้คนชอบถ่ายคลิปมาแชร์ พอเห็นคลิปที่แข่งขัน แล้ว อ. พูดอยู่คนเดียว..คนดูคลิปเห็นแล้วจะงงงวย ว่าเวลาแข่งขันน่ะ นั่งพูดคนเดียวได้ด้วยเรอะ?...ยังดีว่าคลิปมีตัดออก ถ่ายมาสั้นๆ..ส่วนคนเป็นลูกศิษย์ก็ควรจะรักษามารยาทในการเดิน ด้วยการเดินแบบนุ่มนวล ไม่ใช่ทำท่าฮึดฮัด เหมือนเอาเป็นเอาตาย หรือเป็นต่อหรือไรก็ทำกระแทกเบี้ยใส่ ดูแล้วจะเหมือนล้างครู...ถ้าเป็นผมนะ เผอิญว่าผมแข่งขันไม่เคยต้องแข่งกับ อ.ตัวเองมาก่อนเลย แม้แต่ครั้งเดียว..เพราะบรรดา อ.ของผมไม่ลงแข่งขันซักคน..จะมีคนเดียวคือโอนฝ่าที่ไม่เชิงเป็นอาจารย์จริงๆจังๆ แค่เคยไปเรียนด้วยนิดๆหน่อยๆ แล้วก็ต้องจ่ายค่าสอน(มากกว่าวิชาที่ได้รับมา) แล้วยังมียืมตังมีไรอีก..เลยต้องย้ายวิก..แต่ผมแข่งกะใคร จะเป็นใครค่ายไหน ผมก็เดินนุ่มๆตามสไตล์ของผม ไม่ค่อยจะไปกระแทกเบี้ยอะไรใส่ฝ่ายตรงข้าม บางทีโดนกระแทกมาก็ช่าง ไม่อยากโต้ตอบ เพราะผมคิดของผมว่า หมากฮอสไม่ใช่หมากรุก หมากรุกต้องโขกให้ดังโป๊กๆ หมากฮอสต้องตรงกันข้าม ต้องเดินนุ่มๆ วางแต่ละก้าวด้วยน้ำหนักเดียวกัน ถึงจะเป็นต่อหรือชนะก็ไม่จำเป็นต้องแหวกหญ้าให้งูตื่น..วางนุ่มๆ ทุบก็แบบนุ่มๆ โดนทุบก็โดนนุ่มๆ แพ้หรือชนะก็นุ่ม(นานๆครั้งที่จะเคาะใส่กลับคืนบ้าง แต่ผมไม่เคาะหลายทีหรอก เคาะทีเดียวแปลว่าอยู่แล้ว ตายแน่ รอดได้เก่ง)
============================
ยังเล่าไม่หมด เล่าต่อ อิอิ..แข่งขันไม่เคยเจอ อ. ก็จริง แต่เจอศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักแทบทุกปี ก็ลำบากใจมิใช่น้อย..ลำบากใจเพราะว่า ผมมักจะตั้งใจเล่น(แต่ก็มีบางครั้งไม่ตั้งใจเล่น ไม่อยากเล่น เช่นกัน)แต่อีกฝ่ายไม่อยากเล่น...แต่นับดูแล้วส่วนใหญ่ก็ตั้งใจเล่นทั้งสองฝ่าย จะมีบางไฟท์ที่มีฝ่ายหนึ่งไม่อยากเล่น และมีบางไฟท์ที่ไม่อยากเล่นทั้งสองฝ่าย(นี่แหละปวดขมับเลย) เดินต้มคนดู ก็เจอคำถามมากมาย...ไม่แข่งก็ไม่ได้ เหอๆ
ที่จะต้องโคจรมาเจอกันบ่อย ก็มีเฮียเก๊า เซียนหลอ ...คนนึงศิษย์พี่ คนนึงศิษย์น้อง ..ผมเจอเฮียเก๊าไม่ลำบากใจ เพราะมีสัญญากันแล้วว่า แข่งขันแบบตัวใครตัวมัน ได้รางวัลเท่าไหร่ก็มาหารสอง..แต่ผมขาดทุนทุกที ขาดทุนเยอะซะด้วย อิอิ เพราะผมทำอันดับได้ดีกว่า แต่ตอนแข่งขันก็แข่งจริงเกือบทุกไฟท์ ...แต่ช่วงปี 31 กับ 34 ที่เจอกันตอนรอบชิงฯ ตอนนั้นยังไม่ทำสัญญา..แพ้ชนะก็ไม่ต้องแบ่ง แต่ผมยังมีอ่อนข้อ อ่อนข้อแบบไหน? ใครก็ทายไม่ถูก รับรองได้...คือถ้าเป็นแต้มสำคัญที่ผมรู้มาจากอีกฝ่าย เช่นแต้มรับพุ่งเจ็ด แล้วพอเค้าพุ่งเจ็ดมาใส่เรา ถ้าเราจะเอาแต้มที่เค้าเคยถอดให้เราดู ย้อนศรกลับคืนไป คิดแล้วไม่ค่อยแฟร์...เพราะเราได้เปรียบ แล้วความรู้แต้มนี้เราได้จากเค้าตรงๆเลย..ผมก็เลยเลี่ยงไปรับแบบอื่น เพราะมันเลี่ยงได้หลายแบบ...แต่ครั้งนั้นผมเลี่ยงไม่ดี คือรับสไตล์ที่สตาร์ทตัวเดียวกับเฮียเก๊าไปครึ่งทาง แล้วผมค่อยเลี่ยง โดยที่ผมไม่รู้เลยว่า เลี่ยงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น แพ้หรือเสมอ สุดท้ายผมเลยแพ้ ด้วยเพราะเลี่ยงไปแบบไม่รู้..แทนที่จะเลี่ยงสตาร์ทตัวอื่น ก็หมดปัญหานี้
มีอีกครั้ง ครั้งนี้เรียกว่าจำใจเดิน..เฮียใช้เอาแต้มสามเรียงรูปเสี่ยงตัวแพ้..แต้มที่แชมป์น้อยเคยชนะหนุ่มเทพฯตอนต่อเสมอเป็นแพ้..แต้มนี้ผมบอกหนุ่มเทพฯไปหลังจากแข่งขันเสร็จแล้วว่า เป็นแต้มเก่ามาก ตั้งแต่สมัยวงเวียนใหญ่ เฮียใช้เป็นคนทำมา..แล้วเอามาโชว์ให้ผมดูด้วย..แล้วมีปีนึงรู้สึกว่าผมจะนำเฮียใช้ไปก่อน แล้วเฮียใช้ก็เอาแต้มนี้มาเดิน พอเดินมาผมก็คิดว่า แล้วจะทำไงดี...แต้มนี้เฮียใช้เคยโชว์ให้ผมดูแล้ว สงสัยเฮียใช้คงลืม..แล้วผมจะหนียังไงล่ะ..ไม่รู้จะหนียังไง เพราะไม่ใช่รูปเสมอหลายทางเลือก..เป็นรูปแพ้ที่ตีผิดเราก็จะแย่..หนีไม่ออก ผมก็ต้องตีไปตามล็อค แบบจำใจต้องเดิน ทั้งๆที่รู้มาจากเค้า
แข่งขันต้องคิดหลายอย่างจริงๆครับ ทั้งเลือกรูปหมาก หลอกล่อ เจอคนกันเอง ถึงจะต้องเล่นให้แพ้ชนะ แต่ก็ไม่อยากจะเอาเปรียบ(ในลักษณะเอาสิ่งที่เค้าสอนมาย้อนใส่ตรงๆ) แต่คนเล่นจะรู้ตัวเอง ว่าเราเล่นสนุกประทับใจคนดูหรือเปล่า เดินให้คนดูมีคำถามในใจหรือเปล่า ..บางคนอาจจะคิดง่ายกว่านี้ ได้ยินประกาศชื่อ เห็นแพริ่งปุ๊บ เขียนใส่กระดาษไปคนละครึ่งแต้ม แล้วแยกย้ายกันไปยืนดูคนอื่นแข่ง..ถ้าจับสองคนไปถามคนละห้อง บอกให้รีเพลย์มาให้ดูว่า ไอ้ที่แข่งกัน 4 กระดานน่ะ เดินอะไรกันบ้าง...รับรอง เงิบ เดินไม่ออก..ก็พี่เล่นเขียนกระดาษส่งเลย ง่ายไปป่ะ?
=================================
มัวแต่พูดถึงศิษย์พี่ศิษย์น้อง ลืมพูดถึงเฮียใช้ เจ้าอาวาสเส้าหลินเลย...เจอบ่อยกว่าอีก อิอิ...ผมศิษย์เส้าหลินก็จริง แต่เรียนจากซือแป๋มา เลยไม่อึดอัดใจอะไร ยกเว้นแต้มแพ้ที่เอามาโชว์แต้มนั้นแต้มเดียวครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น