ปีนี้เทียบแล้วสู้ปีที่แล้วไม่ได้ เพราะเอลนิญโญ่และความเซ็งเป็นสาเหตุหลัก..รวมกับการออกจากบ้านผิดเวลา(ออกไปตั้งแต่บ่าย แดดยังเปรี้ยงๆ เพราะเบื่อจะรอจนค่ำ)...ผ่านมา 6 เดือน ได้ตากฝนแค่ 4 วัน เซ็งห่าน(โตกว่าเป็ด)...วันนี้เพิ่งจะซ้อมถึง 21K ได้เป็นครั้งแรก หลังจากไม่เคยวิ่งระยะนี้มานาน 7 เดือนเศษ ไม่ใช่เพราะวิ่งไม่ไหว บอกแล้วขี้เกียจจริงๆ ระยะนี้ถ้าตั้งใจวิ่ง(แบบมีท้าเดิมพัน)รับรองวิ่งได้สัปดาห์ละ 2-3 วัน อิอิ แต่พอไปวิ่งแบบมีพระอาทิตย์ส่องไปด้วย วิ่งแล้วไม่ค่อยมีความสุข รออากาศดีๆค่อยวิ่งเมื่อไหร่ก็ได้
แต่พอพักนานไป ก็ต้องปรับตัวบ้าง ก็ตามที่เห็นครับ เริ่มโผล่ 15K มาสองหน 12K บ้าง แล้วทีนี้ก็ค่อย 21K พอปรับตัวเสร็จแล้ว ทีนี้ก็จะเริ่มยาวติดต่อกันไป ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ ช่วงไหนขยันก็เพิ่มความถี่เข้าไป
คือเวลาวิ่งไกลตั้งแต่ 21k ขึ้นไปเนี่ย มันเปลืองค่าน้ำกับเกลือแร่ด้วย หมดค่าน้ำไปอีก 17-27 บาท ..ยิ่งซ้อมไกลถึง 30k up หมดค่าน้ำ 40-50 บาท ถึงไม่อยากซ้อมบ่อย..ครั้นจะประหยัดพกน้ำไปเองก็ไม่ไหว หนัก ..ซื้อน้ำกินก็เปลือง เหอะๆ
เคล็ดไม่ลับที่จะประหยัดค่าน้ำของผมก็คือ ก่อนวิ่งจะดื่มน้ำประมาณสองแก้ว (ราวๆ 500 cc.)พักซัก 15 นาทีให้น้ำออกจากกระเพาะไปบ้าง บางครั้งก็ผสมเกลือแร่ลงไปด้วย(คือบางวันกินอาหารน้อย รู้ว่าไม่ค่อยมีแรง) แต่จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องผสมเกลือแร่หรอกครับ ผสมกลูโคสดีกว่า..เกลือแร่ซองมันก็มีกลูโคส แต่มันมีเกลือด้วย กินเกลือมากไปก็ไม่ดี เดี๋ยวไตมีปัญหา
ถ้าวิ่ง 10-15k แล้วไม่ถึงขนาดเจอแดดจัดมาก น้ำสองแก้วที่ว่านี่ก็ช่วยให้วิ่งได้จนครบระยะทางเลยครับ ไม่ต้องเสียเวลาแวะซื้อน้ำ วิ่งเสร็จแล้วค่อยซื้อน้ำเปล่า ขวดเดียวจบ...แต่ถ้าวิ่งเกินกว่านั้น จะฝืนน่ะยังพอฝืนได้ ไม่ถึงกับช็อคสลบอะไรหรอก(สำหรับผมนะ) แต่ขามันจะตาย ใจก็หน่าย..เวลาผมวิ่ง 21K ผมมักจะไปซื้อน้ำและเครื่องดื่มเกลือแร่ หลังจากผ่านไปแล้ว 14-15k คือทนแบบเต็มที่ รอให้มันเหลืออีกซัก 6-7k แล้วเลิก ว่างั้นเหอะ..ก็แล้วแต่อากาศอีก บางครั้งก็แค่สปอนเซอร์ขวดเดียว บางครั้งก็สองขวด บางครั้งก็น้ำขวดนึงกับสปอนเซอร์ขวดนึง...พอดื่มเสร็จก็พักประมาณ 2-3 นาที แล้วก็วิ่งต่อเลย (บางวันไม่พัก วิ่งต่อเลย) น้ำยังเต็มกระเพาะอยู่ แต่ไม่จุกหรอกครับ ยิ่งกำลังหมดแรง ต้องไปแบบสปีดต่ำอีกซักพัก(ยังไม่เร่งแน่นอน รออีกซักสิบกว่านาที).. ฝึกมาจนชินแล้ว (ไม่มีอาหารในกระเพาะเป็นใช้ได้) พอได้เติมน้ำมัน(เกลือแร่) ขาที่ตายๆซักพักก็กลับมาเป็น แป๊บเดียวเอง..แต่ถ้าซ้อมถึงมาราธอน ขาตายแล้วต้องอู้นานหน่อย
บางคืนผมนอนเนี่ย รำคาญขาเป็นบ้า แบบมีแรงดันให้เสียวตะคริว และก็ออกล้าๆ(ล้า แต่ไม่ปวดเมื่อย) ..ตื่นมาหลายชั่วโมงบางครั้งก็ยังมีอาการอยู่ ผมก็ยัดๆพวกโปรตีนเข้าไป พอถึงเย็นก็วิ่งอีก แบบไม่มีขยาด ..วันนี้นี่ก็เช่นกัน.. คืนก่อน นอนแล้วทรมานมาก กะว่าจะพักซักวัน แต่พอไปยืนบนตาชั่งแล้ว นน.ดันดีดขึ้นมาเกือบสองโล(หลายวันก่อนกินมากไปหน่อย อิอิ) เลยหัวเสีย หยุดอีกสงสัย นน.ขึ้นอีก..ว่าแล้วทำตรงกันข้าม วิ่งมัน 21k ซะเลย 555 คุมน้ำหนักไว้ก่อน
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558
แต้มระเบิดนิวเคลียร์จากหมากฮอสสามแถวไทย(12 ตัว)
พูดถึงสามแถว ผมว่าแต้มมันลึกลับซับซ้อน สนุกกว่าหมากฮอส 8 ตัว (แต่ทั้งสองฝ่ายต้องไม่ยึดล็อคใดล็อคหนึ่งจนเกินไป แบบว่าเปิดเล่นกันหลายๆแบบ และยิ่งถ้ามีเดินผิดไปผิดมาด้วย แล้วไม่จอดกลางกระดานซะก่อน รอดไปถึงปลายได้ จะได้เจอปลายสนุกๆเพียบ)
หมากฮอสฝรั่งสามแถว ถ้าเป็น draughts ฮอสกระโดด เอามาใช้กับสามแถวไทยไม่ได้...ถ้าเป็น checkers ฮอสสั้น เอามาใช้กับฮอสไทยได้ราวๆ 30% ...ทำไมถึงเรียกแต้มระเบิดนิวเคลียร์ คือ หมากข้างละ 12 ตัว ตอนแรกก็แลกกันไป 2 ตัว จนเหลือข้างละ 10 ตัว แล้วถึงจังหวะทิ้งร่มพิศดาร กินกันทีเดียว 13 ตัวเหมือนประทัดแตก(จาก 20 ตัวที่ยังเหลืออยู่) จนเหลือ 4:3 (โดยที่ฝ่าย 4 ตัวเหลือแต่เบี้ยติดขอบกระดาน, ฝ่าย 3 ตัว เหลือฮอสหนึ่งตัว กับเบี้ยอีกสอง ติดขอบกระดานเช่นกัน เรียกว่าเหลือแต่ขอบ กลางกระดานแน่นๆหายเกลี้ยงเหมือนระเบิดลง อิอิ) กว่าจะหาแต้มพิศดารนี้เจอนานร่วม 20 ปี(ไม่ถึงยุคโปร หาไม่เจอ)..เดิมทีซือแป๋สอนให้ผมเล่นทรงนี้ ด้วยเหตุผลว่า เป็นรองก็จริง แต่มีแต้มแสบๆกินหลายต่อสวยๆเยอะ ดีกว่าไปเล่นตัวที่ชาวบ้านเล่น ล็อคมันเยอะจัด..ผมไม่เชื่ออาจารย์ ผมจะเชื่อใคร? เพราะผมก็รู้ว่าซือแป๋นี่ก็นักทายใจ เล่นหมากเชิงจิตวิทยา ทั้งบู๊ทั้งบุ๋น ทั้งตุ๋นทั้งต้ม แต้มแพ้แต้มเสี่ยงเป็นรองก็สอนให้เล่น..แม้แต่เวลาซือแป๋สอนลูกศิษย์ก็ไม่เชิงว่าจะสอนเหมือนกันทุกคน คือจะมองนิสัยและความชอบของลูกศิษย์ ความสามารถ ฯลฯ แล้วเลือกแต้มให้เหมาะกับคนๆนั้น..แล้วผมประเภทไหนล่ะ? ประเภทเกือบถูกขับออกจากสำนัก อิอิ..เพราะตอนฝึกกับซือแป๋วันแรกๆเลย ผมดันเอาหมากห้าแต้มที่ซือแป๋ถอดไว้รอดักค่ายมังกร(เช่น โอฝ่า) ไปโชว์ให้โอฝ่าดู ..เรียกว่าแต้มลับเฉพาะ..ซึ่งตอนนั้นผมไม่ประสีประสา เพราะผมเคยเรียนกับโอฝ่าก่อนมาเป็นศิษย์ซือแป๋..ผมสงสัยว่าทำไมสอนไม่เหมือนโอฝ่าหลายแต้ม ใครผิดใครถูก? ผมก็ลองเดินให้โอฝ่าดู ไม่รู้ว่าเป็นแต้มหวง ซือแป๋เห็นกะตาก็เลยเคือง แต่ซือแป๋ก็ใจดี ปลงตก บอกไม่เป็นไร แต้มไม่ได้มีแค่แต้มเดียว ไว้หาแต้มอื่นมาใหม่ก็ได้ :)
เรียนกับซือแป๋หลายปี ผมเชื่อถือแต้มซือแป๋แทบทุกแต้ม แม้บางคนสบประมาทว่าซือแป๋มือยังไม่ถึง ถอดรั่วเยอะ..ผมก็รู้ว่ารั่วเยอะจริง แต่ที่รั่วๆนั่น คนจะรู้ในภายหลัง (หลังจากพ่ายแพ้ไปแล้ว) ถึงจะไปถอดจนรู้ว่ารั่ว ..ถ้างั้นก็ช่างเหอะ รั่วก็รั่วไป ขอชนะไว้ก่อน วันหลังถอดมาก็ไม่เล่นแล้ว อิอิ..คือระหว่างถอดรั่ว กับไม่ได้ถอดมาเลย อะไรจะดีกว่า?..ถอดแทบตายยังรั่ว คิดสดๆจะมองเห็นรึ?
แต้มสามแถวแต้มนี้ ตำราฝรั่งก็ทำไม่ได้..ตำราซือแป๋ก็หาจุดพิศดารนี้ไม่เจอ ตำราผู้พันตีแต้มนี้ตาย..แต่ความที่ผมยังคิดว่า แต้มนี้ก็เป็นแต้มนึงที่ซือแป๋ตั้งใจอยากให้เล่นมาก แล้วผมก็เคยเล่นมานานร่วมสิบปี ไม่น่าจะเป็นแต้มแพ้เลย พับผ่า..เจอจุดตายแล้วจะยอมฝ่อดีไหม? ไม่มีทางแก้แล้วจริงๆหรือ ผมก็ลองถอดโปรดู แต่ตอนนั้นโปรเวอร์ชั่นเก่า ไม่มีคะแนนบอกอีก ถอดยาก ..ผมจำไม่ได้ว่า ตอนที่ผมถอดเจอ เพราะผมกดลากเอาเองหรือตั้งเลเวลสูง ถึงเจอวิธีแก้จุดตายให้เป็นจุดเป็นได้..แต่พอผมหาเจอ ผมก็รู้ว่า ใครที่รับแต้มนี้สไตล์นี้ ถ้ามาเจอผมตอนนั้น รับรองต้องเสร็จทุกราย คือต้องโดนทิ้งร่มทุกคน..จริงๆแล้วทิ้งร่มไปก็เสมอ แต่ทุกคนจะต้องช็อค คือรู้ว่าล็อคตัวเองยังมีรั่ว แล้วพอเห็นปลายกระดานก็จะตกใจอีก ดูคล้ายว่ามีแต่เสมอกับแพ้ แต่จะไปแพ้ถ้าเดินแบบที่ควรจะเดิน และจะไม่แพ้ถ้าเดินแบบที่ไม่ควรจะเดิน (ฟังแล้วงงป่ะ อิอิ) สรุปว่าปลายมันออกจิตวิทยา เลือกตัวที่น่าเดินสุดท้ายจะแพ้ เลือกไม่น่าเดินจะเสมอได้..แล้วพวกเซียนใหญ่เซียนกลาง ล้วนเลือกตัวนี่น่าเดิน จะรอดรึ???
รอบชิงสนามหลวง 2549 ตอนที่ผมทิ้งร่มเซียนดำ ผู้พันนั่งเป็นกรรมการอยู่ (บันทึกแต้มลงคอมไปด้วย) ก็ยังเปรยออกมาว่า "สามแถวยังไม่จบสิ้นจริงๆ" (แบบนึกว่าแต้มนี้จบแล้ว ตายสนิทแล้ว แต่กลับมีแต้มประหลาดมาแก้) ส่วนเซียนดำแพ้กระดานนี้ใจเสียเลย กระดานต่อไปรวนหมด...พอเซียนดำกลับไปเชียงใหม่ ลุงวี(แก้วแมว) ถามว่าไปแพ้แต้มไหนมา เซียนดำก็เดินให้ดูตามที่แข่งขัน พอถึงจังหวะจะมีร่ม เซียนดำก็แกล้งถามลุงวีว่า แต้มนี้เดินตัวไหนดี ..ลุงวีก็ตอบว่า ก็ไล่กินเข้าไปดิ แพ้หมดแล้ว..พอไล่ไป ลุงวีก็เจอระเบิด พูดออกมาว่า "แต้มผีหลอก" อิอิ
ก็เป็นแต้มเก่าที่เคยลงที่หมากฮอสคลับไปแล้วเช่นกัน..แต่เที่ยวนี้ขี้เกียจลงแล้วครับ คนเก่าคนแก่เคยอ่านมาหมดแล้ว ..ส่วนใครยังใหม่ก็ลองขนขวายหาดู ไม่เหลือบ่าก็แรง ถ้าตั้งใจหา..คือผมอยากบอกว่า การแก้เกมต้องแก้ให้ถึงที่สุด จนไม่มีทางแก้ได้แล้วจริงๆก็อย่าไปแก้ เล่นรูปอื่นไปเลย..บางรูปพอแก้เกมถึงที่สุด จากที่เคยคิดว่าหมากนั้นๆต้องแพ้แน่ กลายเป็นเสมอได้(เพราะจุดลึกลับที่ว่ามันหายากเกินไป ยุคไม่มีคอมหากันไม่เจอเลย) แล้วก็กลับมาเป็นหมากที่ใช้ได้ ไม่เสียของ
หมากฮอสฝรั่งสามแถว ถ้าเป็น draughts ฮอสกระโดด เอามาใช้กับสามแถวไทยไม่ได้...ถ้าเป็น checkers ฮอสสั้น เอามาใช้กับฮอสไทยได้ราวๆ 30% ...ทำไมถึงเรียกแต้มระเบิดนิวเคลียร์ คือ หมากข้างละ 12 ตัว ตอนแรกก็แลกกันไป 2 ตัว จนเหลือข้างละ 10 ตัว แล้วถึงจังหวะทิ้งร่มพิศดาร กินกันทีเดียว 13 ตัวเหมือนประทัดแตก(จาก 20 ตัวที่ยังเหลืออยู่) จนเหลือ 4:3 (โดยที่ฝ่าย 4 ตัวเหลือแต่เบี้ยติดขอบกระดาน, ฝ่าย 3 ตัว เหลือฮอสหนึ่งตัว กับเบี้ยอีกสอง ติดขอบกระดานเช่นกัน เรียกว่าเหลือแต่ขอบ กลางกระดานแน่นๆหายเกลี้ยงเหมือนระเบิดลง อิอิ) กว่าจะหาแต้มพิศดารนี้เจอนานร่วม 20 ปี(ไม่ถึงยุคโปร หาไม่เจอ)..เดิมทีซือแป๋สอนให้ผมเล่นทรงนี้ ด้วยเหตุผลว่า เป็นรองก็จริง แต่มีแต้มแสบๆกินหลายต่อสวยๆเยอะ ดีกว่าไปเล่นตัวที่ชาวบ้านเล่น ล็อคมันเยอะจัด..ผมไม่เชื่ออาจารย์ ผมจะเชื่อใคร? เพราะผมก็รู้ว่าซือแป๋นี่ก็นักทายใจ เล่นหมากเชิงจิตวิทยา ทั้งบู๊ทั้งบุ๋น ทั้งตุ๋นทั้งต้ม แต้มแพ้แต้มเสี่ยงเป็นรองก็สอนให้เล่น..แม้แต่เวลาซือแป๋สอนลูกศิษย์ก็ไม่เชิงว่าจะสอนเหมือนกันทุกคน คือจะมองนิสัยและความชอบของลูกศิษย์ ความสามารถ ฯลฯ แล้วเลือกแต้มให้เหมาะกับคนๆนั้น..แล้วผมประเภทไหนล่ะ? ประเภทเกือบถูกขับออกจากสำนัก อิอิ..เพราะตอนฝึกกับซือแป๋วันแรกๆเลย ผมดันเอาหมากห้าแต้มที่ซือแป๋ถอดไว้รอดักค่ายมังกร(เช่น โอฝ่า) ไปโชว์ให้โอฝ่าดู ..เรียกว่าแต้มลับเฉพาะ..ซึ่งตอนนั้นผมไม่ประสีประสา เพราะผมเคยเรียนกับโอฝ่าก่อนมาเป็นศิษย์ซือแป๋..ผมสงสัยว่าทำไมสอนไม่เหมือนโอฝ่าหลายแต้ม ใครผิดใครถูก? ผมก็ลองเดินให้โอฝ่าดู ไม่รู้ว่าเป็นแต้มหวง ซือแป๋เห็นกะตาก็เลยเคือง แต่ซือแป๋ก็ใจดี ปลงตก บอกไม่เป็นไร แต้มไม่ได้มีแค่แต้มเดียว ไว้หาแต้มอื่นมาใหม่ก็ได้ :)
เรียนกับซือแป๋หลายปี ผมเชื่อถือแต้มซือแป๋แทบทุกแต้ม แม้บางคนสบประมาทว่าซือแป๋มือยังไม่ถึง ถอดรั่วเยอะ..ผมก็รู้ว่ารั่วเยอะจริง แต่ที่รั่วๆนั่น คนจะรู้ในภายหลัง (หลังจากพ่ายแพ้ไปแล้ว) ถึงจะไปถอดจนรู้ว่ารั่ว ..ถ้างั้นก็ช่างเหอะ รั่วก็รั่วไป ขอชนะไว้ก่อน วันหลังถอดมาก็ไม่เล่นแล้ว อิอิ..คือระหว่างถอดรั่ว กับไม่ได้ถอดมาเลย อะไรจะดีกว่า?..ถอดแทบตายยังรั่ว คิดสดๆจะมองเห็นรึ?
แต้มสามแถวแต้มนี้ ตำราฝรั่งก็ทำไม่ได้..ตำราซือแป๋ก็หาจุดพิศดารนี้ไม่เจอ ตำราผู้พันตีแต้มนี้ตาย..แต่ความที่ผมยังคิดว่า แต้มนี้ก็เป็นแต้มนึงที่ซือแป๋ตั้งใจอยากให้เล่นมาก แล้วผมก็เคยเล่นมานานร่วมสิบปี ไม่น่าจะเป็นแต้มแพ้เลย พับผ่า..เจอจุดตายแล้วจะยอมฝ่อดีไหม? ไม่มีทางแก้แล้วจริงๆหรือ ผมก็ลองถอดโปรดู แต่ตอนนั้นโปรเวอร์ชั่นเก่า ไม่มีคะแนนบอกอีก ถอดยาก ..ผมจำไม่ได้ว่า ตอนที่ผมถอดเจอ เพราะผมกดลากเอาเองหรือตั้งเลเวลสูง ถึงเจอวิธีแก้จุดตายให้เป็นจุดเป็นได้..แต่พอผมหาเจอ ผมก็รู้ว่า ใครที่รับแต้มนี้สไตล์นี้ ถ้ามาเจอผมตอนนั้น รับรองต้องเสร็จทุกราย คือต้องโดนทิ้งร่มทุกคน..จริงๆแล้วทิ้งร่มไปก็เสมอ แต่ทุกคนจะต้องช็อค คือรู้ว่าล็อคตัวเองยังมีรั่ว แล้วพอเห็นปลายกระดานก็จะตกใจอีก ดูคล้ายว่ามีแต่เสมอกับแพ้ แต่จะไปแพ้ถ้าเดินแบบที่ควรจะเดิน และจะไม่แพ้ถ้าเดินแบบที่ไม่ควรจะเดิน (ฟังแล้วงงป่ะ อิอิ) สรุปว่าปลายมันออกจิตวิทยา เลือกตัวที่น่าเดินสุดท้ายจะแพ้ เลือกไม่น่าเดินจะเสมอได้..แล้วพวกเซียนใหญ่เซียนกลาง ล้วนเลือกตัวนี่น่าเดิน จะรอดรึ???
รอบชิงสนามหลวง 2549 ตอนที่ผมทิ้งร่มเซียนดำ ผู้พันนั่งเป็นกรรมการอยู่ (บันทึกแต้มลงคอมไปด้วย) ก็ยังเปรยออกมาว่า "สามแถวยังไม่จบสิ้นจริงๆ" (แบบนึกว่าแต้มนี้จบแล้ว ตายสนิทแล้ว แต่กลับมีแต้มประหลาดมาแก้) ส่วนเซียนดำแพ้กระดานนี้ใจเสียเลย กระดานต่อไปรวนหมด...พอเซียนดำกลับไปเชียงใหม่ ลุงวี(แก้วแมว) ถามว่าไปแพ้แต้มไหนมา เซียนดำก็เดินให้ดูตามที่แข่งขัน พอถึงจังหวะจะมีร่ม เซียนดำก็แกล้งถามลุงวีว่า แต้มนี้เดินตัวไหนดี ..ลุงวีก็ตอบว่า ก็ไล่กินเข้าไปดิ แพ้หมดแล้ว..พอไล่ไป ลุงวีก็เจอระเบิด พูดออกมาว่า "แต้มผีหลอก" อิอิ
ก็เป็นแต้มเก่าที่เคยลงที่หมากฮอสคลับไปแล้วเช่นกัน..แต่เที่ยวนี้ขี้เกียจลงแล้วครับ คนเก่าคนแก่เคยอ่านมาหมดแล้ว ..ส่วนใครยังใหม่ก็ลองขนขวายหาดู ไม่เหลือบ่าก็แรง ถ้าตั้งใจหา..คือผมอยากบอกว่า การแก้เกมต้องแก้ให้ถึงที่สุด จนไม่มีทางแก้ได้แล้วจริงๆก็อย่าไปแก้ เล่นรูปอื่นไปเลย..บางรูปพอแก้เกมถึงที่สุด จากที่เคยคิดว่าหมากนั้นๆต้องแพ้แน่ กลายเป็นเสมอได้(เพราะจุดลึกลับที่ว่ามันหายากเกินไป ยุคไม่มีคอมหากันไม่เจอเลย) แล้วก็กลับมาเป็นหมากที่ใช้ได้ ไม่เสียของ
วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ตอบ..คอมเม้นท์จากนักหมากฮอสรุ่นเก๋าคนหนึ่ง
ขอไม่เอ่ยชื่อนะครับ ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าตัว.. แต่คนที่คร่ำหวอดกับการแข่งขันในอดีตและเคยดูบันทึกการแข่งขันมาบ้าง ได้ยินชื่อก็คงรู้จักร้องอ๋อ เคยติด 16 เซียนงานสนามหลวงครั้งแรกปี 2545 (มีในบันทึกการแข่งขันที่พ่อเลี้ยงแดงพิมพ์แจก)..ช่วงหลังไม่ได้เจอนานหลายปีทีเดียว นึกว่าเลิกจับหมากฮอสแล้ว แต่พอโผล่มาเม้นท์ ถึงรู้ว่าก็ยังไม่ได้ทิ้งหมากฮอส เดาว่าอาจจะเล่นๆหยุดๆเป็นบางช่วง..ยินดีครับ ที่ยังติดตามให้ความสนใจอยู่..ผมเห็นเม้นท์มาหลายเรื่องทั้งเรื่องขยะสะพานลอย ภาษาวิบัติ การตั้งชื่อหมาก แต่ผมใช้ blogger กับ G+ ยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องครับ(พูดตรงๆก็คือเล่นไม่เป็น อิอิ) ก็เลยยกมาโพสคุยตรงนี้เลย
สำหรับคำถามเกี่ยวกับกฎ กติกา หมากฮอสสากล (draghts 10X10) ..ผมเคยมีพูดถึงในหมากฮอสคลับไว้ เกี่ยวกับกติกา(การเดิน)ไว้พอประมาณ ไม่รู้ว่ามีเซฟเก็บไว้หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ถามไถ่จากเพื่อนนักหมากฮอสบางคนดูครับ อาจมีคนเซฟไว้เกือบครบ(เช่น นิวซัง คนนึงละ อิอิ) บอกตรงๆว่ากติกาหมากฮอสฝรั่งเนี่ย ผมก็ยังรู้ไม่จริง ไม่ได้ศึกษาจริงจัง แต่หลักๆก็คือ
-ฮอสกินกระโดดยาวกี่ช่องก็ได้
-เบี้ยกินได้ทั้งเดินหน้าและถอยหลัง
-เวลามีให้เลือกกิน ต้องเลือกกินทางที่กินได้มากที่สุด (เช่นมีสวนหลายด้านให้กินตัวเดียวหรือสองสามตัว บังคับให้กินทางที่มากที่สุด ชอบหรือไม่ชอบก็ต้องกิน)
-ฮอสไม่สามารถกินรำวงไปรอบทิศ กินไปทางใดทางหนึ่งก็ไปทางนั้น ย้อนศรกลับมากินอีกไม่ได้
-คงมีอีกบางข้อ(นึกไม่ออก ไม่ได้จับเลย)
ถ้าพูดถึงกติกา(แข่งขัน) ก็คนละประเด็น เช่น กระดานนึงให้เดินนานหลายชั่วโมง ทำนองว่าต้องเดินไปอย่างน้อย 40 ก้าว(ถ้าจำไม่ผิด) จึงจะขอเสมอกันได้..พอพ้นก้าวที่กำหนดแล้ว ขอเสมอกันได้ตลอด บางทียังเหลือข้างละ 8-9 ตัวก็ขอเสมอกันได้ (ข้อนี้ไม่ถูกใจผมเลยจริงๆ แล้วจะแข่งกันไปทำไม แพ้ชนะก็เดินให้รู้ดำรู้แดงไป ต่างฝ่ายต่างกล้าๆกลัวๆขอเสมอกลางกระดานนี่กระไรอยู่ เล่นให้เข็มตกไปก็ได้..จะเอาแบบคนเล่นเข้าใจกันหรือไม่เข้าใจกัน(แต่อยากเสมอ).. แต่..งงคนดูครับท่าน..เพราะคนดูเขาอยากดูจนจบว่ามันเสมอจริงหรือเปล่า? อยากได้ความรู้...เล่นจับมือเสมอกันแบบถูกกติกา แต่หมากยังเหลือมากกว่าหมากฮอสไทย.. แล้วคนดูจะได้อรรถรสอะไรจากการไปชมดูล่ะ?
ช่วงหลังนักหมากฮอสไทยมีไปร่วมแข่งหมากฮอสสากลอยู่พอประมาณ บางคนก็ทำผลงานได้ดี แต่ดีแค่ไหนก็ยังอยู่ประมาณกลางตาราง..คือถ้าจะมองอนาคตว่าเล่นแล้วจะรุ่งจนไปเป็นแชมป์หรือเฉียดๆได้หรือไม่ ผมว่ายังยากนะ..แล้วแข่งกันทีหลายวัน 8-9 วันเลย คุ้มกันหรือเปล่า? แชมป์ได้รางวัลเป็นเงินไทยราวๆ 3 หมื่นมั้ง แต่ที่ไปแข่งๆกันได้รางวัลปลอบใจมาคงประมาณ 1-3 พัน แข่งนานขนาดนั้น ถ้าเป็นผมนะ ผมไปวิ่งเล่นดีกว่า หลังนี้นั่งเฉยๆนานๆไม่ได้ หงุดหงิด ...เล่นหมากฮอสไทยดีแล้วครับ จะไปกินหมูที่ไหนก็ยังมีให้กิน นึกอยากไปเล่นหมากฮอสฝรั่ง จะไปหาหมูกินที่ไหน?..ไปฮอลล์น้ำผึ้งผสมมะนาวแลนด์โน่นนนน
สำหรับคำถามเกี่ยวกับกฎ กติกา หมากฮอสสากล (draghts 10X10) ..ผมเคยมีพูดถึงในหมากฮอสคลับไว้ เกี่ยวกับกติกา(การเดิน)ไว้พอประมาณ ไม่รู้ว่ามีเซฟเก็บไว้หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ถามไถ่จากเพื่อนนักหมากฮอสบางคนดูครับ อาจมีคนเซฟไว้เกือบครบ(เช่น นิวซัง คนนึงละ อิอิ) บอกตรงๆว่ากติกาหมากฮอสฝรั่งเนี่ย ผมก็ยังรู้ไม่จริง ไม่ได้ศึกษาจริงจัง แต่หลักๆก็คือ
-ฮอสกินกระโดดยาวกี่ช่องก็ได้
-เบี้ยกินได้ทั้งเดินหน้าและถอยหลัง
-เวลามีให้เลือกกิน ต้องเลือกกินทางที่กินได้มากที่สุด (เช่นมีสวนหลายด้านให้กินตัวเดียวหรือสองสามตัว บังคับให้กินทางที่มากที่สุด ชอบหรือไม่ชอบก็ต้องกิน)
-ฮอสไม่สามารถกินรำวงไปรอบทิศ กินไปทางใดทางหนึ่งก็ไปทางนั้น ย้อนศรกลับมากินอีกไม่ได้
-คงมีอีกบางข้อ(นึกไม่ออก ไม่ได้จับเลย)
ถ้าพูดถึงกติกา(แข่งขัน) ก็คนละประเด็น เช่น กระดานนึงให้เดินนานหลายชั่วโมง ทำนองว่าต้องเดินไปอย่างน้อย 40 ก้าว(ถ้าจำไม่ผิด) จึงจะขอเสมอกันได้..พอพ้นก้าวที่กำหนดแล้ว ขอเสมอกันได้ตลอด บางทียังเหลือข้างละ 8-9 ตัวก็ขอเสมอกันได้ (ข้อนี้ไม่ถูกใจผมเลยจริงๆ แล้วจะแข่งกันไปทำไม แพ้ชนะก็เดินให้รู้ดำรู้แดงไป ต่างฝ่ายต่างกล้าๆกลัวๆขอเสมอกลางกระดานนี่กระไรอยู่ เล่นให้เข็มตกไปก็ได้..จะเอาแบบคนเล่นเข้าใจกันหรือไม่เข้าใจกัน(แต่อยากเสมอ).. แต่..งงคนดูครับท่าน..เพราะคนดูเขาอยากดูจนจบว่ามันเสมอจริงหรือเปล่า? อยากได้ความรู้...เล่นจับมือเสมอกันแบบถูกกติกา แต่หมากยังเหลือมากกว่าหมากฮอสไทย.. แล้วคนดูจะได้อรรถรสอะไรจากการไปชมดูล่ะ?
ช่วงหลังนักหมากฮอสไทยมีไปร่วมแข่งหมากฮอสสากลอยู่พอประมาณ บางคนก็ทำผลงานได้ดี แต่ดีแค่ไหนก็ยังอยู่ประมาณกลางตาราง..คือถ้าจะมองอนาคตว่าเล่นแล้วจะรุ่งจนไปเป็นแชมป์หรือเฉียดๆได้หรือไม่ ผมว่ายังยากนะ..แล้วแข่งกันทีหลายวัน 8-9 วันเลย คุ้มกันหรือเปล่า? แชมป์ได้รางวัลเป็นเงินไทยราวๆ 3 หมื่นมั้ง แต่ที่ไปแข่งๆกันได้รางวัลปลอบใจมาคงประมาณ 1-3 พัน แข่งนานขนาดนั้น ถ้าเป็นผมนะ ผมไปวิ่งเล่นดีกว่า หลังนี้นั่งเฉยๆนานๆไม่ได้ หงุดหงิด ...เล่นหมากฮอสไทยดีแล้วครับ จะไปกินหมูที่ไหนก็ยังมีให้กิน นึกอยากไปเล่นหมากฮอสฝรั่ง จะไปหาหมูกินที่ไหน?..ไปฮอลล์น้ำผึ้งผสมมะนาวแลนด์โน่นนนน
วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558
สกายหลับเพราะซื้อหนมยาย
สกายแล็บสมัยแรกนั้นเดินตามนี้ครับ 25-22, 8-11, 22-18, 4-8, 26-23, 7-10, 28-24, 5-9, พอถึงจังหวะนี้แล้ว ฝ่ายขึ้นก่อนก็จะเดิน 29-25 เปลี่ยนเป็นทำท่าจะพุ่งเจ็ดหรือปิดเป็นมาตรฐาน..แต่นิสัยผมที่ชอบหาจังหวะแปลกๆไปหลอกคน พอถึงจุดนี้ผมก็ไปดูตัว 32-28 ว่า อู้อีกทีจะไหวมั้ย..แล้วพอเห็นว่าถ้าอีกฝ่ายแทรกไล่มาก็มีแต้มทิ่มสวนไปให้เลือกกิน กินทางนึงโดนสองขาดทุน กินอีกทางก็รู้สึกทางจะเป๋ เข้าท่าดี แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ไล่ล่ะ เลื้อยเลาะข้างไป ผมก็ถอดหมากไม่เก่ง เห็นว่าเล่นยากเป็นบ้า ไม่น่าเล่น เก็บไว้เล่นสนุกหรือเดิมพันต่อเสมอแพ้ดีกว่า แข่งขันหมากปกติผมไม่กล้าเดินแน่..ตอนซ้อมก็หลอกได้หลายคน(หลอกแค่ตำแหน่งเสียบกลางแล้วสวนนั่นแหละ แต่ก็หลอกได้คนละครั้งเดียว) แม้กระทั่งเซียนแว่นใหญ่ก็โดนหลอกกินสองตอนที่เสียบไล่กลางมา แต่ถึงกำไรได้มาตัวนึงก็จริง หมากมันยังเป๋ๆชนะยาก แล้วตอนนั้นผมยังอ่อน เซียนแว่นใหญ่ก็แก้เสมอ(หรืออาจพลิกชนะด้วย ชักลืมๆ)ไปได้ตอนที่ซ้อมกัน(ทั้งที่เขาควรแพ้) แล้วที่ซ้อมเล่นสกายแล็บเนี่ย ผมมักจะแพ้ซะเป็นส่วนใหญ่ ชนะน้อยมาก เล่นไปขาดทุนไป ต่างกับกระเรียน ผมจึงไม่สนใจแต้มนี้ แต้มอื่นมีถมเถ เล่นง่ายกว่า
เซียนดำอาจเห็นแต้มนี้จากการที่ผมซ้อมเล่นในวัดมหาธาตุประจำ แล้วเอาไปถอดจนมีพิษสง เอาไปชนะใครต่อใครหลายคน เฮียใช้ก็เคยแพ้แต้มนี้ตอนแข่งกับเซียนดำ (เปี๊ยกโพธารามก็น่าจะเคยแพ้เดิมพัน) ซือแป๋เรืองชัยกับเซียนเก๊า หลายๆคนตอนนั้นก็เริ่มช่วยกันถอดว่าแต้มนี้มันแพ้หรือเสมอกันแน่..แต่ใจยังเอนเอียงว่าหมากแพ้ ก็ถอดกันทำนองว่าน่าชนะ..แต่ผมคนที่อุตริเดินเป็นคนแรก กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถอดเองก็ถอดไม่เป็น.. ก็รอของฟรีจากเฮียเก๊า ซือแป๋ เอามาโชว์ก็จำๆไว้บ้าง(แบบงงๆ) แต่ไม่เข้าสมองหรอกครับ หมากมันเป็นอีกแนว ไม่เข้ากับพวกมาตรฐาน..แต่เฮียเก๊าถอดแต้มนี้ไว้ได้แจ่มทีเดียว ซึ่งเป็นแต้มที่ผมเลือกรับเซียนดำปี 2551(ไฟฟ้าครั้งที่ 12) ในรอบชิงฯ
(แทรก) ต้องขออภัยด้วยที่เรื่องเล่าที่จะเห็นต่อไปนี้ ผิดพลาดเรื่องตัวเลขบนกระดาน คือ ในขณะที่ผมพิมพ์เล่า ผมไม่ได้ตั้งกระดาน ผมใช้คิดถึงตำแหน่งเอาในใจ แล้วผมก็ลืมว่าผมอยู่ฝ่ายเดินหลัง ผมก็เลยพูดเหมือนว่าผมอยู่ฝ่ายเลขมาก เช่น 7-10 (จริงๆแล้วคือ 26-23) สรุปว่าเลขจากการเล่ามันกลับด้านหมด ให้แปลเลขน้อยเป็นเลขมาก เลขมากเป็นเลขน้อยครับ..แต่ตอนที่ลงแต้มให้ดูนั่น เลขถูกต้องครับ
ตอนที่เซียนดำแข่งอยู่กับผมแล้วงัดแต้มนี้มาใช้ ผมก็งงๆว่า สุดท้ายแล้วอัฐยายก็มาซื้อหนมยายจนได้ ผ่านมาเป็นสิบปี เซียนดำเก็บคนอื่นด้วยแต้มนี้มาแล้วหลายราย ตอนนี้นึกไงค่อยเอามาใช้กับผม?..แอบกลัวต้นตำรับหรือเปล่า(แต่รู้ไม่จริง อิอิ)..แต่ผมก็มั่นใจว่า แต้มที่เซียนเก๊าถอดไว้น่าจะได้ผล ถึงไม่ชนะก็เสมอได้ ผมน่าจะรับอยู่..แล้วเซียนดำก็เดินผิดจนกระทั่งติดแพ้ แต่ตอนนั้นผมก็งงเหมือนกัน เพราะคนอื่นจะติดแพ้ง่าย สุดท้ายจะโดนบังคับร่ม แต่ทำไมเซียนดำเดินผิดแล้วไม่เดินตัวที่โดนบังคับร่ม ไปเดินอีกตัวแทน? ผมก็งงว่าเซียนดำเตรียมการบ้านมา หรือไม่ได้เตรียม..อาจจะติดแพ้แต่เห็นร่มแล้วหนีไปตัวเหนียว..จังหวะนั้นทำให้ผมต้องคิดหนัก เลือกผิดเราจะเน่าแทน..ผมเลือกยิงทิ้งเข้ากลาง และเลือกถูกซะด้วย ..แต่พอยิงเข้าไปแล้ว เซียนดำวิ่งเบี้ย 7-10, ผมก็คุ้นว่าหมากนี้มันไปคล้ายกับโจรตั๊งมากๆ ถ้าผมเดิน 15-11 เดี๋ยวเป็นเรื่องแน่ จะโดนไล่เบี้ยแล้วทิ้งร่มในตอนหลัง..ผมก็ไม่กล้าโผล่ไปยืนค้ำเบอร์ 11 รู้ว่ามีปัญหาแน่..ผมก็อู้เอาตัว 20-16 ลงมา(เป็นทรงสามเหลี่ยม) พอเซียนดำโผล่ 10-14 ผมก็ยังใจเย็น ไม่ขยับสามเหลี่ยมรีบเข้าฮอสซะด้วย กลับเดินตัว 25-22 ให้เซียนดำไล่กิน พอเซียนดำไล่กินแล้ว ผมค่อยคิดว่า ตรงสามเหลี่ยมนั่น ควรเอาตัวไหนขยับไปทางไหน คิดสดๆทุกก้าวตั้งแต่ที่ยิงทิ้งเข้ากลางครับ แล้วก็เลือก 16-11 (แทนที่จะเลือก 15-11 หรือ 16-12) นี่ก็ดูตลกๆอีกละ..แต่ผมดูแล้วผมยอมเสียเวลาเกะกะตัวเองในจังหวะนี้ จะทำให้เซียนดำเสียจังหวะหลายก้าวเช่นกัน แล้วผมก็มองต่อไปถึงปลายว่าจะชนะได้ยังไง (แต่ความจริงมีวิธีง่ายกว่านั้น ด้วยการเซ่นก่อนเข้าฮอส แต่ผมไม่เห็น ซึ่งถ้าเซียนดำเลือกอีกตัวไปฮอสแทน ถ้าไม่เซ่นก็ไม่ชนะ) แต่ตรงนี้มีดวงช่วย เซียนดำเลือกตัวที่แพ้ง่าย โดยที่ไม่เซ่นก่อนเข้าฮอสก็ชนะได้..เลยน็อคคากระดาน...ตอนหลังผมมาถอดโปร เห็นคะแนน +3 ขึ้นมาเพียบ ยังกะว่าตัว 15-11 หรือ 16-12 ชนะง่ายกว่า แต่กลับไม่ใช่ กลายเป็นมีเสมอ เป็นว่าที่ผมคิดสดๆเลือกสดๆนั่นไม่ผิด เลือกดีทุกก้าว เรียกว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงชิ้นนึงเลยทีเดียว อัฐยายซื้อหนมยาย ไม่ได้ผล เพราะเทพีแห่งโชคยืนโอบเกาะคอผมอยู่ด้านหลัง อิอิ
ทีนี้จะให้ดูว่า แต้มที่เซียนดำแข่งกับผมในวันนั้น เป็นยังไงครับ
1. 25-22 8-11 2. 22-18 4-8 3. 26-23 7-10 4. 28-24 5-9 5. 32-28 9-13
6. 31-26 10-15 7. 18-14 15-18 8. 29-25 11-15 9. 14-9 1-5 10. 23x14 6-10 11. 14x7 5x14 12. 25-22 2x11 13. 24-20 15-18 14. 22x15 11x18 15. 26-23 13-17 16. 23-19 8-11 17. 19-15 17-22 18. 15x8 3x12 19. 28-24 14-17 20. 24-19 17-21 21. 20-16 22-25 22. 16-11 25-29 23. 19-15 18-22 24. 27-24 21-25 25. 30x21 22-26 ฝ่ายผมชนะ
ทีนี้ ในตาที่ 15 ถึง 16 ให้เปลี่ยนเป็น
15. 26-23 18-22
16. 23-19 8-11 จะเป็นรูปนี้ เข้าตำแหน่งโจรตั๊งเปี๊ยบ
แล้วทีนี้มาดูว่าโจรตั้งจังหวะที่ว่ามายังไง
1. 25-22 8-11 2. 22-18 4-8 3. 26-23 6-10 4. 29-25 5-9 5. 25-22 11-16 6. 28-24 16-20 7. 24-19 2-6 8. 18-15 10-14 9. 23-18 14x23 10. 27x18 9-13 11. 32-27 7-10 12. 27-24 20x27 13. 31x24 1-5 14. 15-11 8x15 15. 18x11 10-14 16. 24-20
เหมือนกันเป๊ะครับ เพียงแต่กลับฝั่ง ว่าไปติดรูปที่ฝ่ายขึ้นก่อนหรือหลัง...(นี่ก็เป็นเรื่องตลกๆอย่างนึง คือมีหมากจำนวนนึงที่พอไปถึงตอนท้ายๆหรือปลายกระดานแล้วเข้ารูปเดียวกัน แต่มันมาจากเดินก่อน กับเดินหลัง แสดงว่ามีจังหวะนึงที่ทำให้หมากมันเปลี่ยนช้าเร็วได้ เช่นมีการเซ่นแล้วปัดให้กิน หรือกินหลายต่อ หรือมีสวนสับราง อะไรซักอย่าง แต่ถ้าจะไปเจาะลึกหาว่ามันเกิดจากจังหวะไหน มันก็เหนื่อยไม่คุ้มค่าแรง หรืออาจจะงงหาไม่เจอด้วยว่ามันเพราะจังหวะไหนกันแน่..แต่รับรอง ไม่ได้โกงแน่นอน 555
เซียนดำอาจเห็นแต้มนี้จากการที่ผมซ้อมเล่นในวัดมหาธาตุประจำ แล้วเอาไปถอดจนมีพิษสง เอาไปชนะใครต่อใครหลายคน เฮียใช้ก็เคยแพ้แต้มนี้ตอนแข่งกับเซียนดำ (เปี๊ยกโพธารามก็น่าจะเคยแพ้เดิมพัน) ซือแป๋เรืองชัยกับเซียนเก๊า หลายๆคนตอนนั้นก็เริ่มช่วยกันถอดว่าแต้มนี้มันแพ้หรือเสมอกันแน่..แต่ใจยังเอนเอียงว่าหมากแพ้ ก็ถอดกันทำนองว่าน่าชนะ..แต่ผมคนที่อุตริเดินเป็นคนแรก กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถอดเองก็ถอดไม่เป็น.. ก็รอของฟรีจากเฮียเก๊า ซือแป๋ เอามาโชว์ก็จำๆไว้บ้าง(แบบงงๆ) แต่ไม่เข้าสมองหรอกครับ หมากมันเป็นอีกแนว ไม่เข้ากับพวกมาตรฐาน..แต่เฮียเก๊าถอดแต้มนี้ไว้ได้แจ่มทีเดียว ซึ่งเป็นแต้มที่ผมเลือกรับเซียนดำปี 2551(ไฟฟ้าครั้งที่ 12) ในรอบชิงฯ
(แทรก) ต้องขออภัยด้วยที่เรื่องเล่าที่จะเห็นต่อไปนี้ ผิดพลาดเรื่องตัวเลขบนกระดาน คือ ในขณะที่ผมพิมพ์เล่า ผมไม่ได้ตั้งกระดาน ผมใช้คิดถึงตำแหน่งเอาในใจ แล้วผมก็ลืมว่าผมอยู่ฝ่ายเดินหลัง ผมก็เลยพูดเหมือนว่าผมอยู่ฝ่ายเลขมาก เช่น 7-10 (จริงๆแล้วคือ 26-23) สรุปว่าเลขจากการเล่ามันกลับด้านหมด ให้แปลเลขน้อยเป็นเลขมาก เลขมากเป็นเลขน้อยครับ..แต่ตอนที่ลงแต้มให้ดูนั่น เลขถูกต้องครับ
ตอนที่เซียนดำแข่งอยู่กับผมแล้วงัดแต้มนี้มาใช้ ผมก็งงๆว่า สุดท้ายแล้วอัฐยายก็มาซื้อหนมยายจนได้ ผ่านมาเป็นสิบปี เซียนดำเก็บคนอื่นด้วยแต้มนี้มาแล้วหลายราย ตอนนี้นึกไงค่อยเอามาใช้กับผม?..แอบกลัวต้นตำรับหรือเปล่า(แต่รู้ไม่จริง อิอิ)..แต่ผมก็มั่นใจว่า แต้มที่เซียนเก๊าถอดไว้น่าจะได้ผล ถึงไม่ชนะก็เสมอได้ ผมน่าจะรับอยู่..แล้วเซียนดำก็เดินผิดจนกระทั่งติดแพ้ แต่ตอนนั้นผมก็งงเหมือนกัน เพราะคนอื่นจะติดแพ้ง่าย สุดท้ายจะโดนบังคับร่ม แต่ทำไมเซียนดำเดินผิดแล้วไม่เดินตัวที่โดนบังคับร่ม ไปเดินอีกตัวแทน? ผมก็งงว่าเซียนดำเตรียมการบ้านมา หรือไม่ได้เตรียม..อาจจะติดแพ้แต่เห็นร่มแล้วหนีไปตัวเหนียว..จังหวะนั้นทำให้ผมต้องคิดหนัก เลือกผิดเราจะเน่าแทน..ผมเลือกยิงทิ้งเข้ากลาง และเลือกถูกซะด้วย ..แต่พอยิงเข้าไปแล้ว เซียนดำวิ่งเบี้ย 7-10, ผมก็คุ้นว่าหมากนี้มันไปคล้ายกับโจรตั๊งมากๆ ถ้าผมเดิน 15-11 เดี๋ยวเป็นเรื่องแน่ จะโดนไล่เบี้ยแล้วทิ้งร่มในตอนหลัง..ผมก็ไม่กล้าโผล่ไปยืนค้ำเบอร์ 11 รู้ว่ามีปัญหาแน่..ผมก็อู้เอาตัว 20-16 ลงมา(เป็นทรงสามเหลี่ยม) พอเซียนดำโผล่ 10-14 ผมก็ยังใจเย็น ไม่ขยับสามเหลี่ยมรีบเข้าฮอสซะด้วย กลับเดินตัว 25-22 ให้เซียนดำไล่กิน พอเซียนดำไล่กินแล้ว ผมค่อยคิดว่า ตรงสามเหลี่ยมนั่น ควรเอาตัวไหนขยับไปทางไหน คิดสดๆทุกก้าวตั้งแต่ที่ยิงทิ้งเข้ากลางครับ แล้วก็เลือก 16-11 (แทนที่จะเลือก 15-11 หรือ 16-12) นี่ก็ดูตลกๆอีกละ..แต่ผมดูแล้วผมยอมเสียเวลาเกะกะตัวเองในจังหวะนี้ จะทำให้เซียนดำเสียจังหวะหลายก้าวเช่นกัน แล้วผมก็มองต่อไปถึงปลายว่าจะชนะได้ยังไง (แต่ความจริงมีวิธีง่ายกว่านั้น ด้วยการเซ่นก่อนเข้าฮอส แต่ผมไม่เห็น ซึ่งถ้าเซียนดำเลือกอีกตัวไปฮอสแทน ถ้าไม่เซ่นก็ไม่ชนะ) แต่ตรงนี้มีดวงช่วย เซียนดำเลือกตัวที่แพ้ง่าย โดยที่ไม่เซ่นก่อนเข้าฮอสก็ชนะได้..เลยน็อคคากระดาน...ตอนหลังผมมาถอดโปร เห็นคะแนน +3 ขึ้นมาเพียบ ยังกะว่าตัว 15-11 หรือ 16-12 ชนะง่ายกว่า แต่กลับไม่ใช่ กลายเป็นมีเสมอ เป็นว่าที่ผมคิดสดๆเลือกสดๆนั่นไม่ผิด เลือกดีทุกก้าว เรียกว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงชิ้นนึงเลยทีเดียว อัฐยายซื้อหนมยาย ไม่ได้ผล เพราะเทพีแห่งโชคยืนโอบเกาะคอผมอยู่ด้านหลัง อิอิ
ทีนี้จะให้ดูว่า แต้มที่เซียนดำแข่งกับผมในวันนั้น เป็นยังไงครับ
1. 25-22 8-11 2. 22-18 4-8 3. 26-23 7-10 4. 28-24 5-9 5. 32-28 9-13
6. 31-26 10-15 7. 18-14 15-18 8. 29-25 11-15 9. 14-9 1-5 10. 23x14 6-10 11. 14x7 5x14 12. 25-22 2x11 13. 24-20 15-18 14. 22x15 11x18 15. 26-23 13-17 16. 23-19 8-11 17. 19-15 17-22 18. 15x8 3x12 19. 28-24 14-17 20. 24-19 17-21 21. 20-16 22-25 22. 16-11 25-29 23. 19-15 18-22 24. 27-24 21-25 25. 30x21 22-26 ฝ่ายผมชนะ
ทีนี้ ในตาที่ 15 ถึง 16 ให้เปลี่ยนเป็น
15. 26-23 18-22
16. 23-19 8-11 จะเป็นรูปนี้ เข้าตำแหน่งโจรตั๊งเปี๊ยบ
แล้วทีนี้มาดูว่าโจรตั้งจังหวะที่ว่ามายังไง
1. 25-22 8-11 2. 22-18 4-8 3. 26-23 6-10 4. 29-25 5-9 5. 25-22 11-16 6. 28-24 16-20 7. 24-19 2-6 8. 18-15 10-14 9. 23-18 14x23 10. 27x18 9-13 11. 32-27 7-10 12. 27-24 20x27 13. 31x24 1-5 14. 15-11 8x15 15. 18x11 10-14 16. 24-20
เหมือนกันเป๊ะครับ เพียงแต่กลับฝั่ง ว่าไปติดรูปที่ฝ่ายขึ้นก่อนหรือหลัง...(นี่ก็เป็นเรื่องตลกๆอย่างนึง คือมีหมากจำนวนนึงที่พอไปถึงตอนท้ายๆหรือปลายกระดานแล้วเข้ารูปเดียวกัน แต่มันมาจากเดินก่อน กับเดินหลัง แสดงว่ามีจังหวะนึงที่ทำให้หมากมันเปลี่ยนช้าเร็วได้ เช่นมีการเซ่นแล้วปัดให้กิน หรือกินหลายต่อ หรือมีสวนสับราง อะไรซักอย่าง แต่ถ้าจะไปเจาะลึกหาว่ามันเกิดจากจังหวะไหน มันก็เหนื่อยไม่คุ้มค่าแรง หรืออาจจะงงหาไม่เจอด้วยว่ามันเพราะจังหวะไหนกันแน่..แต่รับรอง ไม่ได้โกงแน่นอน 555
ประชาพิจารณ์หมากฮอส
แนวคิดการตั้งชื่อหมาก ไม่ควรเป็นว่าใครนึกอยากตั้งยังไงก็ตั้ง กลายเป็นว่า หมากรูปเดียวกันมีชื่อเรียกหลายอย่าง แต่สุดท้ายแล้วก็คือรูปเดียวกัน..โดยที่คนที่ตั้งชื่อแต่ละคน หากไปถามว่ารูปนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร หรือนึกยังไงถึงตั้งชื่อนี้ คำตอบที่ได้มาอาจไม่เหมือนกันเลย..สุดท้ายจะกลายเป็นว่า บางคนขยันตั้งชื่อรูปก็ตั้งชื่อเข้าไปทุกรูป หมากเป็นร้อยๆรูปก็ยังตั้งชื่อไหว..แต่ไม่รู้ประวัติว่าหมากนั้นๆจริงๆแล้วน่าจะเป็นใครคิดค้นขึ้นมาหรือนำมาเล่นใน พ.ศ.ไหน..บางทีเพิ่งมาเห็นหมากนี้แค่ปีสองปี นึกว่าของใหม่ หารู้ไม่ว่าคนอื่นเล่นมาตั้งแต่ 20-30 ปีก่อน..ก่อนจะโม้ควรสอบถามและเก็บข้อมูลในวงกว้างก่อน มิเช่นนั้นแล้วก็จะรู้ไม่จริง ชื่อรูปก็ตั้งสนุกไปตามเรื่อง...แต่ถึงขนาดแชมป์ประเทศไทยฟังแล้วต้องส่ายหัว(อินี้ จ๋านไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน) ก็กระไรอยู่..."โม้พอสังเขปครับ" ช่วยกันหาประวัติที่แท้จริงของหมากนั้นๆ ว่าเกิดในช่วงทศวรรษไหน ใครน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ใครเคยเจอเคยเห็น เคยนึกไรได้ ก็อาจได้คำตอบ
เที่ยวหน้าพบกับเรื่องของสกายแล็บ ซึ่งผมเคยพูดไว้ที่หมากฮอสคลับมาก่อน แต่ครั้งนี้จะร่ายยาวจนครบประเด็นครับ
หมากสามเรียงประหลาดของผมมีหลายรูป เช่น สะเก็ดดาว, สามเรียงกางปีก(สองหมากนี้ผมตั้งชื่อเอง เพราะคิดเองถอดเอง ก็ยังมีหมากอื่นที่ไม่ได้ตั้งชื่อ ประเภทคิดเองถอดเอง) อีกแต้มก็ "สองศร" นี่ผมก็ต้นตำรับอีกแหละ แต่คนที่ตั้งชื่อนี้ให้ เค้าตั้งชื่อได้ดี ถูกใจผม ผมก็ไม่ค้านเลย (ผมตั้งชื่อไม่ออกนะ แต่เค้าตั้งชื่อให้จ๊าบมาก โอเคเลย) ต่างกับโจรเด้ง โจรเวสป้า เพราะจริงๆแล้วผมเป็นคนเอามาเล่นก่อนทั้งนั้น ตั้งแต่ปี 252X แล้วด้วย ไม่ใช่แค่ว่ามาเล่นในเนต
เที่ยวหน้าพบกับเรื่องของสกายแล็บ ซึ่งผมเคยพูดไว้ที่หมากฮอสคลับมาก่อน แต่ครั้งนี้จะร่ายยาวจนครบประเด็นครับ
หมากสามเรียงประหลาดของผมมีหลายรูป เช่น สะเก็ดดาว, สามเรียงกางปีก(สองหมากนี้ผมตั้งชื่อเอง เพราะคิดเองถอดเอง ก็ยังมีหมากอื่นที่ไม่ได้ตั้งชื่อ ประเภทคิดเองถอดเอง) อีกแต้มก็ "สองศร" นี่ผมก็ต้นตำรับอีกแหละ แต่คนที่ตั้งชื่อนี้ให้ เค้าตั้งชื่อได้ดี ถูกใจผม ผมก็ไม่ค้านเลย (ผมตั้งชื่อไม่ออกนะ แต่เค้าตั้งชื่อให้จ๊าบมาก โอเคเลย) ต่างกับโจรเด้ง โจรเวสป้า เพราะจริงๆแล้วผมเป็นคนเอามาเล่นก่อนทั้งนั้น ตั้งแต่ปี 252X แล้วด้วย ไม่ใช่แค่ว่ามาเล่นในเนต
ภาษี(ค่าปรับ)ที่น่าจะเก็บได้มากกว่าภาษีไหนๆ..
ทิ้งขยะไม่เป็นที่ครับ ไม่ว่าจะทิ้งขยะบนสะพานลอย (รวมไปถึงโยนทิ้งไปยังกันสาดของบ้านเรือนที่อยู่ใกล้กับสะพานลอย) สังเกตได้เลยครับว่า บ้านไหนที่อยู่ติดสะพานลอย หน้าต่างงี้ปิดตายเลย ปล่อยให้ขวดและขยะทุกอย่างอยู่บนกันสาดแบบไม่อั้น คือแบบว่า เก็บไม่ไหว เก็บทุกวันก็มีคนโยนมาอีกทุกวัน สู้ปล่อยให้มันเต็มอยู่อย่างนั้น ไม่ต้องโยนมาอีกดีกว่า ..ปิดหน้าต่างทำไม? แบบถ้าเปิดหน้าต่างเดี๋ยวจะทำใจไม่ได้ ซักพักๆก็เห็นคนโยนมา จะเอาปืนส่องทั้งวันก็ไม่ไหว ติดคุกอีก..วิบากกรรมของบ้านเรือนที่อยู่ติดกับสะพานลอยจริงๆ ด้านบนก็โดนคนทิ้งขยะ ใต้สะพานลอยก็เป็นที่ทิ้งขยะอีก..สองเด้ง..แล้วบนสะพานลอยล่ะ มีขยะไหม? เพียบอีก ตลอดทาง ทั้งใบปลิวกู้เงินด่วน ทั้งถ้วยน้ำ มิเพียงทิ้งตลอดทางบนสะพานลอย สะพานลอยบางแห่งยังมีขอบข้างปลูกต้นไม้อีก พวกก็ทิ้งลงไปที่ขอบข้างที่ปลูกต้นไม้นั่นแหละ ..บางคนก็กวนจริงๆ สะพานลอยที่คนไม่พลุกพล่าน พวกก็เอาถ้วยวางมันกลางทางเดินตรงบันไดขึ้นลงเลยนะ ตั้งเด่นเป็นสง่า...เอาเทศกิจ เอาตำรวจ เอาทหาร หรืออาสาสมัครก็ได้ หลายๆหน่วย นอกเครื่องแบบ ไปดักมันทุกสะพานลอยเลย ตามแม่น้ำลำคลองด้วย เจอก็จับปรับมันหนักๆ หัวละ 500 1,000 เลย ไม่มีจ่ายก็เอาไปขังแทน..เอาให้เข็ดหลาบ พวกมักง่าย ทิ้งขยะ(ก้อนโต) จนน่าเกลียด ..ถ้าตั๋วรถเมล์ก็ว่าไปอย่าง..เล่นมันทุกที่ ติดกล้องวงจรปิดเยอะๆ ดักตามสะพานลอยทุกสะพาน และแหล่งที่มันทิ้งขยะเยอะๆ ปรับมันทุกวัน ถ้าเก็บค่าปรับ(ภาษี)ไม่พอ ให้มันรู้ไปครับ
=============================
การจัดเก็บภาษีหรือค่าปรับที่ดี ก็ต้องเก็บจากพวกที่ชอบทำผิดกฎหมาย มักง่าย นี่แหละดีที่สุด เพราะจะเก็บได้เยอะ เก็บได้ตลอด (ดีกว่าไปเก็บจากคนหาเช้ากินค่ำ) แล้วลดปัญหาสังคมไปด้วย..ทำผิดแล้วเถียงไม่ขึ้นด้วย..ถามว่าโยนขยะลงไปในแม่น้ำลำคลองทำไม..โยนใส่กันสาดบ้านคนอื่นทำไม ฯลฯ ใบ้แดกกันหมด..ทำผิด สร้างปัญหาสังคม ควรโดนปรับหนักๆ...อีกเยอะครับ พวกที่พกน้ำดื่มหรืออาหารขึ้นรถโดยสาร เวลาลงรถก็ลงตัวเปล่า กินเสร็จทิ้งไว้ที่ข้างเบาะหรือพื้นรถนั่นแหละ
==========================================
บ้านประเภทตึกแถวที่เป็นกันสาดปูน จะโดนคนทิ้งขยะไปกองพะเนิน ผมเห็นมาหลายที่ เช่นที่หน้ารามฯ(สมัยก่อนนะ)เห็นแล้วก็ต้องร้องโอ้โฮๆ ยาน้ำสตรีเบลโล มันทิ้งกันจนเต็มกันสาด เห็นแล้วยังนึกว่า ถ้ายกบ้านให้ฟรียังไม่อยากได้เลยพับผ่า ประสาทเสียก่อน..หลังนี้เห็นกันสาดที่ทำเป็นโค้งๆมนๆ แบบมีไรลงกันสาดก็หล่นหมด..ดูเหมือนทำด้วยพลาสติกหรือโลหะอ่อน แบบนี้ไม่มีใครทิ้งขยะไป เพราะทิ้งไม่ได้ ทิ้งไปมันก็ร่วงหล่นไป...เวลายืนคอยรถเมล์ จะไปยืนใต้สะพานลอยก็เกรงว่า บางทีรถสูงๆวิ่งมาเกี่ยวสะพานลอย ทำสะพานลอยล้มครืนมา มีหวังได้ตายฟรี..ครั้นจะเฉียงออกไปนิดนึง เดี๋ยวคนบ้าบางคนที่เดินข้ามสะพานลอยมันเอาแก้วน้ำหรือไรโยนลงข้างขอบสะพานหรือโยนลงมาที่พื้น มีหวังลงกระบาลอีก..ยืนต้องยืนให้ห่างไปเลย ...แต่ถ้ามีฝนตก ก็ต้องมาหลบใต้สะพานลอยอยู่ดี
=============================
การจัดเก็บภาษีหรือค่าปรับที่ดี ก็ต้องเก็บจากพวกที่ชอบทำผิดกฎหมาย มักง่าย นี่แหละดีที่สุด เพราะจะเก็บได้เยอะ เก็บได้ตลอด (ดีกว่าไปเก็บจากคนหาเช้ากินค่ำ) แล้วลดปัญหาสังคมไปด้วย..ทำผิดแล้วเถียงไม่ขึ้นด้วย..ถามว่าโยนขยะลงไปในแม่น้ำลำคลองทำไม..โยนใส่กันสาดบ้านคนอื่นทำไม ฯลฯ ใบ้แดกกันหมด..ทำผิด สร้างปัญหาสังคม ควรโดนปรับหนักๆ...อีกเยอะครับ พวกที่พกน้ำดื่มหรืออาหารขึ้นรถโดยสาร เวลาลงรถก็ลงตัวเปล่า กินเสร็จทิ้งไว้ที่ข้างเบาะหรือพื้นรถนั่นแหละ
==========================================
บ้านประเภทตึกแถวที่เป็นกันสาดปูน จะโดนคนทิ้งขยะไปกองพะเนิน ผมเห็นมาหลายที่ เช่นที่หน้ารามฯ(สมัยก่อนนะ)เห็นแล้วก็ต้องร้องโอ้โฮๆ ยาน้ำสตรีเบลโล มันทิ้งกันจนเต็มกันสาด เห็นแล้วยังนึกว่า ถ้ายกบ้านให้ฟรียังไม่อยากได้เลยพับผ่า ประสาทเสียก่อน..หลังนี้เห็นกันสาดที่ทำเป็นโค้งๆมนๆ แบบมีไรลงกันสาดก็หล่นหมด..ดูเหมือนทำด้วยพลาสติกหรือโลหะอ่อน แบบนี้ไม่มีใครทิ้งขยะไป เพราะทิ้งไม่ได้ ทิ้งไปมันก็ร่วงหล่นไป...เวลายืนคอยรถเมล์ จะไปยืนใต้สะพานลอยก็เกรงว่า บางทีรถสูงๆวิ่งมาเกี่ยวสะพานลอย ทำสะพานลอยล้มครืนมา มีหวังได้ตายฟรี..ครั้นจะเฉียงออกไปนิดนึง เดี๋ยวคนบ้าบางคนที่เดินข้ามสะพานลอยมันเอาแก้วน้ำหรือไรโยนลงข้างขอบสะพานหรือโยนลงมาที่พื้น มีหวังลงกระบาลอีก..ยืนต้องยืนให้ห่างไปเลย ...แต่ถ้ามีฝนตก ก็ต้องมาหลบใต้สะพานลอยอยู่ดี
วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558
หมากหลุดโลก
ทุกหมากมันมีที่มาที่ไปครับ ไม่ใช่ฝนตกแล้วลูกเห็บกับแต้มหล่นมาจากท้องฟ้า..มันต้องมีคอนเซ็ปของหมาก มีต้นคิด มีคนตาม ..ผมเอาสองหมากนี้มาให้ดูเปรียบเทียบ ว่ามันมายังไงและคอนเซ็ปมาจากไหน..
แต้มแรก 25-22, 8-11, 22-18, 4-8, 26-23, 7-10, 28-24, 5-9, 31-26, 8-12, 32-28, 2-7, 18-15.. ลองเปรียบเทียบกับแต้มถัดไปครับ
แต้มที่สอง 27-23, 8-11, 23-18, 4-8, 25-22, 7-10, 29-25, 5-9, 25-21, 8-12, 30-25, 2-7, 18-14
จะเห็นว่า หมากหลุดโลกเนี่ย มันไม่มีตำราไหนๆเขียนมาก่อน แล้วจงใจแกล้งเดินเพื่อหลอกจะทิ่มกลางกระดานแบบป๊อกเดียวจอด โดยที่หมากที่ว่าอาจจะเป็นหมากแพ้หรือเป็นรองสุดๆ ..แต่ข้อดีมันก็มีหลอกแบบเดินแค่ไม่กี่ก้าวอีกฝ่ายต้องทิ้งกระดานยกธงเลย..มันคุ้มกันมั้ย..คุ้มไม่คุ้มไม่รู้ เพราะผมงัดเอามาเล่นสนุกๆเอาฮาเท่านั้น ใครโดนแล้วจะไปถอดต่อหรือเลียนแบบ เป็นเรื่องของอนาคต
คอนเซ็ปก็มาจากหมากสามแถว พวกสาวแถวมันมีทรงปิรามิด ทิ่มไปส่งเดชหลายรูป คนไม่คุ้นตาก็ไม่ทันระวัง..ตอนผมเอามาเล่น เล่นกะใครไม่รู้ เรตติ้งเกิน 1600 1800 อะไรเนี่ย โดนเข้าไปจังๆ ตามสองจังหวะที่เห็น กดยอมเลย..กระดานหมากฮอสมันมีสองด้าน เหมือนส่องกระจก เมื่อคิดด้านนึงได้ อีกด้านก็อาจทำได้คล้ายๆกัน(เป็นบางเหลี่ยม) อันนี้ผมก็คลำดูว่ามันทำได้ทั้งสองด้าน ผมก็เอามาเล่น..หมากหลุดโลกพวกนี้แค่หนังตัวอย่างครับ มีอีกหลายสิบรูป แต่ผมไม่รู้หรอกว่า อนาคตใครจะตั้งชื่อไหนว่ายังไงอีก..เอาแค่ว่าคนตั้งชื่อ รู้ที่ไปที่มาหรือเปล่า รู้เหตุผลรู้คอนเซ็ปของการสร้างหมากหรือเปล่า รู้หรือไม่ว่าตอนแรกมันโผล่มายังไง
=====================================
นี่ก็แต้มขายหัวเราะ 25-22, 8-11, 22-18, 11-16, 29-25, 16-19, 27-23, 4-8, 23x16, 8-11 ถามว่าชาวบ้านทั่วไปใครเขาเดินกัน เดินลงไปให้กินแบบนั้น พออีกฝ่ายกินเสร็จแล้วก็วิ่งมาไล่..คนเล่นเก่งก็เห็นเป็นเรื่องตลก แต่มือโนเนมเรตขาดทุน พอไปไล่กินเค้าก็หนีลงมุมมาให้ทิ้งร่ม ต้มคนเล่นง่ายๆ ถ้ารู้ทันปล่อยให้กินคืนก็ยังพอเล่นกันได้ "เดินดีแพ้ช้าหน่อยว่างั้นเหอะ" ...หมากหลุดโลกแต่ละหมาก บางทีก็เตรียมหลอกมาดิบดี บางทีก็เดินส่งเดชไปแบบไร้จุดหมาย แต่พอเดินหมากไรไปหมากนึง วันหลังก็จะมีคนอื่นเอาไปเดินบ้าง จนกระทั่งเดินกันทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วทีนี้ก็ไม่รู้ว่าหมากมันมาจากไหน
=======================================
หรือจะเอาขายหัวเราะแบบนี้.. หมากฮอสปะทะหมากล้อม..แพ้ไม่เป็นไร ชนะขึ้นมา อีกฝ่ายเขิน
25-22, 8-12, 22-18, 7-11, 29-25, 6-9, 25-22, 9-13, 26-23, 11-16, 28-24, 16-20, 24-19
ถ้าถามว่าคอนเซ็ปนี้มาจากไหน มาจากรูปนี้ครับ
"หมาก 8 ตัว เจอกับหมาก 9 ตัวตั้งรอบกระดาน"...แล้วหมาก 8-9 ที่ว่ามาจากไหน? ก็มาจากผมตั้งเองอีกแหละครับ ตั้งแต่สมัยวงเวียนใหญ่ปี 253x แล้ว คือช่วงที่เล่นอยู่วงเวียนใหญ่ ไม่ว่าจะเล่นหมากเบี้ยล้วน หรือหมากลากฮอส จะต่อกี่หนึ่งก็ไม่มีใครเล่นกับพวกเซียนๆ ..มีแต่ต้องต่อตัว หรือใส่ฮอสใส่เบี้ยเยอะๆ เพราะใครๆก็กลัวล็อคหมากฮอส 8 ตัว ทีนี้บางมือจะต่อตัวก็ไม่ไหว จะต่อครึ่งตัวก็ไม่มีอีก สงสัยต้องหักเบี้ยครึ่งท่อน อิอิ..หมาก 8-9 ที่เห็นนี่จึงเป็นการตั้งแบบคำนวนแล้วว่า มันสูสีกันมาก ยังไม่รู้ว่าใครต่อใครด้วยซ้ำ (สมัยก่อนไม่มีโปรเช็คคะแนนนะครับ ถึงตอนนี้เช็คคะแนนได้ก็ยังปวดหัว มันก้ำกึ้ง) หมากกระจายขนาดมี 9 ตัว ยังไม่แน่ว่าจะดีกว่า แล้วเดิน 8 ตัวเท่ากันกระจายแบบนั้น ไม่แพ้ก็เก่งแล้ว ไงก็ต้องแพ้
แต้มแรก 25-22, 8-11, 22-18, 4-8, 26-23, 7-10, 28-24, 5-9, 31-26, 8-12, 32-28, 2-7, 18-15.. ลองเปรียบเทียบกับแต้มถัดไปครับ
แต้มที่สอง 27-23, 8-11, 23-18, 4-8, 25-22, 7-10, 29-25, 5-9, 25-21, 8-12, 30-25, 2-7, 18-14
จะเห็นว่า หมากหลุดโลกเนี่ย มันไม่มีตำราไหนๆเขียนมาก่อน แล้วจงใจแกล้งเดินเพื่อหลอกจะทิ่มกลางกระดานแบบป๊อกเดียวจอด โดยที่หมากที่ว่าอาจจะเป็นหมากแพ้หรือเป็นรองสุดๆ ..แต่ข้อดีมันก็มีหลอกแบบเดินแค่ไม่กี่ก้าวอีกฝ่ายต้องทิ้งกระดานยกธงเลย..มันคุ้มกันมั้ย..คุ้มไม่คุ้มไม่รู้ เพราะผมงัดเอามาเล่นสนุกๆเอาฮาเท่านั้น ใครโดนแล้วจะไปถอดต่อหรือเลียนแบบ เป็นเรื่องของอนาคต
คอนเซ็ปก็มาจากหมากสามแถว พวกสาวแถวมันมีทรงปิรามิด ทิ่มไปส่งเดชหลายรูป คนไม่คุ้นตาก็ไม่ทันระวัง..ตอนผมเอามาเล่น เล่นกะใครไม่รู้ เรตติ้งเกิน 1600 1800 อะไรเนี่ย โดนเข้าไปจังๆ ตามสองจังหวะที่เห็น กดยอมเลย..กระดานหมากฮอสมันมีสองด้าน เหมือนส่องกระจก เมื่อคิดด้านนึงได้ อีกด้านก็อาจทำได้คล้ายๆกัน(เป็นบางเหลี่ยม) อันนี้ผมก็คลำดูว่ามันทำได้ทั้งสองด้าน ผมก็เอามาเล่น..หมากหลุดโลกพวกนี้แค่หนังตัวอย่างครับ มีอีกหลายสิบรูป แต่ผมไม่รู้หรอกว่า อนาคตใครจะตั้งชื่อไหนว่ายังไงอีก..เอาแค่ว่าคนตั้งชื่อ รู้ที่ไปที่มาหรือเปล่า รู้เหตุผลรู้คอนเซ็ปของการสร้างหมากหรือเปล่า รู้หรือไม่ว่าตอนแรกมันโผล่มายังไง
=====================================
นี่ก็แต้มขายหัวเราะ 25-22, 8-11, 22-18, 11-16, 29-25, 16-19, 27-23, 4-8, 23x16, 8-11 ถามว่าชาวบ้านทั่วไปใครเขาเดินกัน เดินลงไปให้กินแบบนั้น พออีกฝ่ายกินเสร็จแล้วก็วิ่งมาไล่..คนเล่นเก่งก็เห็นเป็นเรื่องตลก แต่มือโนเนมเรตขาดทุน พอไปไล่กินเค้าก็หนีลงมุมมาให้ทิ้งร่ม ต้มคนเล่นง่ายๆ ถ้ารู้ทันปล่อยให้กินคืนก็ยังพอเล่นกันได้ "เดินดีแพ้ช้าหน่อยว่างั้นเหอะ" ...หมากหลุดโลกแต่ละหมาก บางทีก็เตรียมหลอกมาดิบดี บางทีก็เดินส่งเดชไปแบบไร้จุดหมาย แต่พอเดินหมากไรไปหมากนึง วันหลังก็จะมีคนอื่นเอาไปเดินบ้าง จนกระทั่งเดินกันทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วทีนี้ก็ไม่รู้ว่าหมากมันมาจากไหน
=======================================
หรือจะเอาขายหัวเราะแบบนี้.. หมากฮอสปะทะหมากล้อม..แพ้ไม่เป็นไร ชนะขึ้นมา อีกฝ่ายเขิน
25-22, 8-12, 22-18, 7-11, 29-25, 6-9, 25-22, 9-13, 26-23, 11-16, 28-24, 16-20, 24-19
ถ้าถามว่าคอนเซ็ปนี้มาจากไหน มาจากรูปนี้ครับ
"หมาก 8 ตัว เจอกับหมาก 9 ตัวตั้งรอบกระดาน"...แล้วหมาก 8-9 ที่ว่ามาจากไหน? ก็มาจากผมตั้งเองอีกแหละครับ ตั้งแต่สมัยวงเวียนใหญ่ปี 253x แล้ว คือช่วงที่เล่นอยู่วงเวียนใหญ่ ไม่ว่าจะเล่นหมากเบี้ยล้วน หรือหมากลากฮอส จะต่อกี่หนึ่งก็ไม่มีใครเล่นกับพวกเซียนๆ ..มีแต่ต้องต่อตัว หรือใส่ฮอสใส่เบี้ยเยอะๆ เพราะใครๆก็กลัวล็อคหมากฮอส 8 ตัว ทีนี้บางมือจะต่อตัวก็ไม่ไหว จะต่อครึ่งตัวก็ไม่มีอีก สงสัยต้องหักเบี้ยครึ่งท่อน อิอิ..หมาก 8-9 ที่เห็นนี่จึงเป็นการตั้งแบบคำนวนแล้วว่า มันสูสีกันมาก ยังไม่รู้ว่าใครต่อใครด้วยซ้ำ (สมัยก่อนไม่มีโปรเช็คคะแนนนะครับ ถึงตอนนี้เช็คคะแนนได้ก็ยังปวดหัว มันก้ำกึ้ง) หมากกระจายขนาดมี 9 ตัว ยังไม่แน่ว่าจะดีกว่า แล้วเดิน 8 ตัวเท่ากันกระจายแบบนั้น ไม่แพ้ก็เก่งแล้ว ไงก็ต้องแพ้
วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558
หมากกระเรียนเหิร.. หมากหมอมรกต
ต้นกำเนิดของหมากกระเรียนเหิร ต้องนับย้อนไปช่วงประมาณปี 2526 ผมนั่งซ้อมหมากฮอสแบบ"ใครแพ้ลุก" ที่สวนหย่อมข้างศาลา กทม. กับคนหลายวัย ..มีคนวัย 50 ปีเศษ ที่ชอบใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว ใครๆเลยเรียกว่า อ.แขนยาว..น้าหรือลุงคนนี้ เดินแต่แต้มหลอกทิ้งร่ม ไม่ได้เดินล็อคเหมือนชาวบ้าน แต่ก็ฝึกมาไม่กี่กระบวนท่า มีสไตล์หนีบข้าง เป๋ขวา โจรตาร่ม รวมถึงมาตรฐานยกมาหลอกให้ทิ้งร่ม..พอผมทิ้งร่มไป ผมก็แพ้ ก็งงว่า ไม่เคยเจอใครเดินแต้มนี้มาก่อน เข้าท่าดี ผมก็เอามาแกะ แต่แกะอยู่หลายปี ลองไปใช้กับใครต่อใคร ชนะมานับไม่ถ้วนก็จริง แต่พอซ้อมให้อีกฝ่ายตีไปทีละจุด ผมก็ยังหาเสมอไม่ได้ นึกว่าหมากแพ้ เอาไว้เล่นหลอกคนได้..ผ่านไปหลายปี จนกระทั่งปี 2540+ ก็มาถอดใหม่ซ้ำๆ (ติดใจแต้มนี้เป็นพิเศษ) สุดท้ายเจอจังหวะตัดเจ็ดตัวแล้วกางปีกออก รู้สึกว่าไม่แพ้(จึงตั้งชื่อว่ากระเรียนเหิร)...ช่วงนั้นพอดีว่า หมากฮอส กฟภ. แข่งไป 4 ครั้งแรก (2536-2539)แล้วเจอฟองสบู่แตก เลยงดจัดแข่งขัน ผมก็นั่งถอดแต้มนี้กับหมากอื่นอีกหลายหมาก..ตอนถอดเสร็จใหม่ๆผมก็ให้เฮียเก๊ามาช่วยเช็ค แล้วก็สั่งกำชับว่า อย่าเอาไปให้ใครดูนะ..วันนี้คืนดี เฮียเก๊าเอาไปถอดกะคนอื่นที่วงเวียนใหญ่ เล่นเอาผมเคือง..เฮียเก๊าก็แก้ตัวอ้ำอึ้งไปว่า จ่าล็อตตารี่เอามาเดิน..เหอะๆ จ่าแกระดับไหน เคยเดินแต้มนี้ซะเมื่อไหร่..ผมก็บอกอย่าไปโชว์ที่ไหนอีกนะ..พอปี 2544 ไฟฟ้า กลับมาจัดครั้งที่ 5...ปีนั้นผมเดินเฮงซวยสุดๆ แข่งกับใครต่อใครก็มีเซ่อมีเอ๋อ รวมแล้วแพ้ไปถึง 7 กระดาน(คางเปราะสุดๆ)..แต่อาศัยแต้มกระเรียนเหิรกับแต้มอื่นที่ถอดช่วงไฟฟ้างดจัดแข่งขัน ช่วยชีวิตมาหลายด่าน แม้ตอนชิงกับเซียนหง่าวก็นำไปก่อนด้วยแต้มนี้..สุดท้ายเสมอกับเซียนหง่าว (ได้แชมป์ครองร่วม)
ผ่านไปหลายปี เจอ อ.แขนยาวเจ้าเก่า..ผมก็พูดไปว่า แต้มมาตรฐานยกหลอกให้ร่มของ อ.นี่จ๊าบมาก ..แต่คำตอบที่ได้มาก็อึ้งครับ..แกตอบมาตรงๆว่า "แต้มของไอ้ซ้งมัน" (เซียนซ้ง) ..กลายเป็นว่าแท้จริงแล้วแต้มหลอกนี่เซียนซ้งเป็นคนเอามาเล่นก่อน ..มิน่า มือระดับ อ.แขนยาว เดินแต้มนี้ได้ก็แปลกๆอยู่ เพิ่งจะรู้ความจริงหลังผ่านมายี่สิบกว่าปี..แต่ตอนเซียนซ้งเล่นยังแค่หลอกๆ ยังไม่เป็นกระเรียนเหิรนะครับ กระเรียนเหิรนี่สมบูรณ์จริงๆก็ช่วงปี 2540
อีกแต้มก็มาตรฐาน VS สามเรียง 8 ตัว แล้วมีวิ่งมาเจาะข้าง..ซึ่งภายหลังถูกเรียกว่าแต้ม RST (เรืองชัย สุกิจ ทัศน์ชัย) สามเซียนช่วยกันถอด..แต้มนี้มาจากมือโนเนมที่คนให้ฉายาว่า"หมอมรกต" เล่นเดิมพันกับเซียนใช้ในวัดมหาธาตุ แล้วเซียนใช้เดินไม่ชนะหรือว่าชนะแล้วกลับไปถอดดูหรือไงไม่ทราบ กลายเป็นว่ายังหาชนะไม่เจอ จึงไปถาม อ.เรืองชัย แล้วซือแป๋เรืองชัยก็ไปถอดกับ อ.สุกิจ เซียนไฝ สุดท้ายสรุปว่าเสมอ..ชื่อแต้มก็ถูกเรียกใหม่เป็น RST แต่คนเล่นฮอสในวัดมหาธาตุและที่อื่นๆเค้าเรียกแต้มหมอมรกตจนติดปากแล้ว เพียงแต่หมอมรกตแค่ซี้ซั้วเดิน งูๆปลาๆไปแค่นั้น
กระเรียนเหิรนี่ชนะเซียนมาเยอะมาก มีเซียนยุทธที่เดินเสมอมาแบบง่ายๆ เพราะมีคนเอาแต้มไปโชว์ให้เซียนยุทธเห็นก่อน..ช่วงนั้นดีกว่าหลบเซียนดำได้ด้วย ประกบคู่ไม่เจอกัน เจอก็ไม่อยากเล่น..มีเจอเซียนใช้บ่อย แต่ผมก็ไม่เล่น กะไว้จนตรอกจริงๆ แต้มอื่นมี เล่นไปก่อน...ตอนเอามาเล่นกับสองคนนี้หรือเซียนรุ่นหลัง ก็คือแกล้งเล่นไปงั้นๆ ฆ่ากระดานทิ้งแบบไม่เสียเปรียบ รู้แล้วว่าหมากหมดอายุแล้ว ใครต่อใครเคยเห็นมาแล้ว
แต้มนี้ผมถอดเก็บไว้ 4 ปี เก็บจนอกแทบระเบิด ไม่ยอมเล่นเดิมพันหรือซ้อมกับใคร (ตรงจุดที่ตัดแล้วกางปีก) ส่วนคนที่เคยเจอกระเรียน(ตอนยังไม่มีเหิร) ผมก็ปล่อยให้รู้แค่นั้น คิดไปว่าหมากฝ่ายเราเป็นหมากแพ้ ไม่ให้รู้ว่ามีถอดตัวใหม่มาแล้ว กะเจออีกเมื่อไหร่จะเสียบให้หงายท้องทีละราย อิอิ..ตอนหลังดันเจอตี๋เสาชิงช้าท้าเดิมพันกระดานละ 200 แล้วผมดันไม่พกเงินติดตัวมาเลย ต้องยืมเงินชาวบ้านเป็นทุน 200 แล้วเล่นกระดานละ 100 แทน เผื่อเสียสองกระดานก็เลิก..เลยต้องงัดแต้มกระเรียนมาเล่นกับตี๋ เฉพาะกระเรียนท่าเดียวก็ทุบตี๋ได้ถึง 4 กระดาน ตี๋เดินไม่ซ้ำ แต่แก้ไม่ตก พูดแต่ว่าเหลือเชื่อๆ (ตี๋ไม่มีโง่ทิ้งร่มหรอกครับ เลือกไปทางยากๆแต่ก็หนีล็อคไม่ออก)
แต้มในตระกูลกางปีก ที่ผมถอดมาเล่น มีหงส์เหิร กระเรียน กับสามเรียงอีกรูปนึง ซึ่งรูปสุดท้ายนี้ไปตรงกับที่ตี๋พระประแดงนำมาเล่น ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน แต่ดูจากการแข่งขัน ผมเล่นก่อนตี๋พระประแดง จริงแล้วผมน่าจะเป็นคนเล่นก่อน แต่ทำใจแบบเป็นกลางๆ ก็ต้องยอมรับว่า หมากบางหมากอาจจะมีคนถอดหาเช่นกัน..ถ้าเป็นหมากที่ผมเล่นตั้งแต่ปี 252X อะไรหลายๆแต้ม...แล้วคนอื่นเพิ่งจะมาเดินในปี 254X-255X ก็อย่าไปบอกว่าเป็นหมากของคนนั้นคนนี้เลยครับ พูดไปก็รู้ไม่จริง ไม่รู้ที่มา
ยุคแรก 2526+ ผมถอดหมากเพื่อแก้ทางพี่เฉลิมพล(รุ่นพี่ที่ราม ลูกศิษย์เซียนซ้ง) ซ้อมกันแต่ละวัน ผมแพ้ยับเยิน แค่หวังจะชนะบ้างนิดๆหน่อยๆ ผมก็ไปถอดแต้มแปลกๆมาลองของกะเค้า..พอเจอแต้มแปลกๆของผมเข้าไปชักจะหลายรูป เช่น หงส์เหิร แต้มแพ้ในรูป 62 (หรือแต้มลูกเต๋า) พี่เหลิมก็เริ่มระแวงว่าผมมี อ. ที่ไหนสอน ถึงขนาดพูดว่า จังหวะนี้ทั้งประเทศมีคนรู้ไม่ถึงสิบคน..ก็จริงของเค้าแหละครับ แต่บางรูปอาจจะรู้น้อยกว่า 5 คนอีก อิอิ..ตอนนั้นผมยังไม่มีอาจารย์ ถัดไปไม่นานถึงได้เจอ อ.เรืองชัย แต่ผมก็ยังหาแต้มแปลกๆของผมไปประปราย แต่มักจะใช้ไม่ได้ ยิ่งสมัยนั้นการถอดหมากยังอ่อนมาก ถอดให้ตายก็ผิด รั่วหมด กว่าจะถอดหมากเป็นจริงๆ ก็ช่วงที่ได้แชมป์แล้ว แต่ก็ยังผิดเยอะ ยอมรับว่าถอดลวก ตามใจตัวเอง บางทีชอบหมากไหนเกิน แต่มันไม่ดี ก็ฝืนถอดอยู่นาน แล้วค่อยยอมรับว่าใช้ไม่ได้..แต่แต้มพวกกางปีกนี่มันแปลกว่า ปกติตำราไม่มีใครเขียน เล่นมาทุกสารทิศก็ไม่มีใครเดิน ทำไมมองข้ามกัน..พอผมมาถอด เล่นได้ตั้งหลายรูป ดีด้วย ช่วงที่ใช้แรกๆ เซียนไหนเจอก็เสร็จแทบทุกราย เอาตัวรอดมาปีแล้วปีเล่าก็เพราะรูปพวกนี้..เวลาชนะก็ง่ายด้วย ถ้าเปรียบกับมวยที่ฝ่ายนึงใส่นวมกับไม่ใส่นวม ก็คงเห็นว่าใครได้เปรียบ แต่นี่เปรียบแล้วคล้ายกับ ฝ่ายนึงใส่นวม อีกฝ่ายถือไม้หน้าสาม เดินผิดไรมาปุ๊บ ตีสลบทันที ไม่มีแบบต้องปล้ำกันให้เหนื่อยไป 5 ยก 12 ยก ..ป๊อกเดียวจอดกลางกระดาน แทบไม่ต้องเบียดปลายเลย
====================
ต่อครับ สามเรียงกางปีก ก็มีเรื่องตลกๆ..คือถ้าสังเกตให้ดีและนึกถึงความเป็นจริงว่า แต้มนี้กับกระเรียนเหิร ตำแหน่งมันต่างกันที่ขาชิดกับขาถ่าง..ก็คือหลังจากผมถอดกระเรียนเหิรสำเร็จแล้วก็มาถอดแต้มนี้ด้วย เปรียบเทียบกันดู ว่ามันจะแพ้หรือเสมอ..แล้วมันก็เสมออีก เพียงแต่มันไม่แรงเท่ากระเรียน แต่ก็พอมีไรหนุกๆ..เดิมทีผมก็ไม่รู้จะตั้งชื่อสองหมากนี้ว่าอะไรดี รูปทรงมันคล้ายกันมาก ต่างกันที่ขาข้างเดียว..ทีแรกว่าจะตั้งชื่อว่า ช้างพังกับช้างพลาย หรือช้างตัวเมียกับช้างตัวผู้ คนก็ต้องงงว่าแล้วรูปไหนตัวเมีย ตัวผู้..ขาชิดหรือขาถ่าง..มันดันไม่มีหางนี่สิ ดูช้างต้องดูที่หาง ถ้าดูหางชี้ เป็นตัวเมียแน่นอน อิอิ ..เลยไม่เอาช้างๆ ผมก็เอาหมากนึงเรียกกระเรียน ตั้งตนเป็นเจ้าสำลัก(นัก)กระเรียนด้วย..อีกหมากก็เรียกไปว่าสามเรียงกางปีก.. แล้วตลกอะไรตรงไหน? ก็ตอนแข่งไฟฟ้า ตี๋พระประแดงเอารูปนี้มาเดินกันผม ผมก็ไม่ได้ซ้อมมานาน ยิ่งเดินกลับหัวก็มีงงไรนิดหน่อย เห็นตี๋(ใหญ่)เดินมารู้ล่ะว่า เป็นท่านี้เหมือนกัน ผมก็ยังไม่อยากเสมอก็เดินไปทางตัวที่ต้องเล่นยาวหน่อย..แต่ดันงงเอง งงเพราะกลับกระดานแล้วก็สีเบี้ยในกระดานสีคล้ายๆกัน (สีเขียวเจอสีฟ้า) ผมเผลอโดนกินสามต่อเลยมั้ง ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เซ่อ..แพ้แล้วหัวเสีย..ผมรีบไปหยิบเบี้ยสีอื่นมาใส่แทนเลย..ตอนหลังตีเสมอตี๋ใหญ่มาได้..แล้วผมไปเจอเซียนดำรอบชิง (ตอนผลัดกันต่อเสมอแพ้) ผมก็รู้ว่าเล่นไป เซียนดำถึงตีไม่ตายก็คงเห็นเสมอ คงไม่ได้ผล แต่ตอนนั้นนึกไม่ออกว่าจะเล่นไรจริงๆ ก็เล่นไป แล้วเป็นไปตามคาด เซียนดำก็ทำเสมอ...แต่ตอนเซียนหลอเอาไปเดินกับเซียนดำที่ลำพูน เซียนหลอก็รู้มาจากผมอีกที แต่เซียนดำกับเซียนหลอนี่เจอกันทีไรต้องใส่กันให้แหลกไปข้าง เซียนดำก็เล่นจุดยากไม่ตัดเสมอง่ายๆ แล้วเซียนดำก็พลาดเอง ไปแพ้เซียนหลอ ดวงใครดวงมัน.. ต้นตำรับเล่นไม่ได้ผล คนอื่นเล่นแล้วได้ผล เหอๆ
ผ่านไปหลายปี เจอ อ.แขนยาวเจ้าเก่า..ผมก็พูดไปว่า แต้มมาตรฐานยกหลอกให้ร่มของ อ.นี่จ๊าบมาก ..แต่คำตอบที่ได้มาก็อึ้งครับ..แกตอบมาตรงๆว่า "แต้มของไอ้ซ้งมัน" (เซียนซ้ง) ..กลายเป็นว่าแท้จริงแล้วแต้มหลอกนี่เซียนซ้งเป็นคนเอามาเล่นก่อน ..มิน่า มือระดับ อ.แขนยาว เดินแต้มนี้ได้ก็แปลกๆอยู่ เพิ่งจะรู้ความจริงหลังผ่านมายี่สิบกว่าปี..แต่ตอนเซียนซ้งเล่นยังแค่หลอกๆ ยังไม่เป็นกระเรียนเหิรนะครับ กระเรียนเหิรนี่สมบูรณ์จริงๆก็ช่วงปี 2540
อีกแต้มก็มาตรฐาน VS สามเรียง 8 ตัว แล้วมีวิ่งมาเจาะข้าง..ซึ่งภายหลังถูกเรียกว่าแต้ม RST (เรืองชัย สุกิจ ทัศน์ชัย) สามเซียนช่วยกันถอด..แต้มนี้มาจากมือโนเนมที่คนให้ฉายาว่า"หมอมรกต" เล่นเดิมพันกับเซียนใช้ในวัดมหาธาตุ แล้วเซียนใช้เดินไม่ชนะหรือว่าชนะแล้วกลับไปถอดดูหรือไงไม่ทราบ กลายเป็นว่ายังหาชนะไม่เจอ จึงไปถาม อ.เรืองชัย แล้วซือแป๋เรืองชัยก็ไปถอดกับ อ.สุกิจ เซียนไฝ สุดท้ายสรุปว่าเสมอ..ชื่อแต้มก็ถูกเรียกใหม่เป็น RST แต่คนเล่นฮอสในวัดมหาธาตุและที่อื่นๆเค้าเรียกแต้มหมอมรกตจนติดปากแล้ว เพียงแต่หมอมรกตแค่ซี้ซั้วเดิน งูๆปลาๆไปแค่นั้น
กระเรียนเหิรนี่ชนะเซียนมาเยอะมาก มีเซียนยุทธที่เดินเสมอมาแบบง่ายๆ เพราะมีคนเอาแต้มไปโชว์ให้เซียนยุทธเห็นก่อน..ช่วงนั้นดีกว่าหลบเซียนดำได้ด้วย ประกบคู่ไม่เจอกัน เจอก็ไม่อยากเล่น..มีเจอเซียนใช้บ่อย แต่ผมก็ไม่เล่น กะไว้จนตรอกจริงๆ แต้มอื่นมี เล่นไปก่อน...ตอนเอามาเล่นกับสองคนนี้หรือเซียนรุ่นหลัง ก็คือแกล้งเล่นไปงั้นๆ ฆ่ากระดานทิ้งแบบไม่เสียเปรียบ รู้แล้วว่าหมากหมดอายุแล้ว ใครต่อใครเคยเห็นมาแล้ว
แต้มนี้ผมถอดเก็บไว้ 4 ปี เก็บจนอกแทบระเบิด ไม่ยอมเล่นเดิมพันหรือซ้อมกับใคร (ตรงจุดที่ตัดแล้วกางปีก) ส่วนคนที่เคยเจอกระเรียน(ตอนยังไม่มีเหิร) ผมก็ปล่อยให้รู้แค่นั้น คิดไปว่าหมากฝ่ายเราเป็นหมากแพ้ ไม่ให้รู้ว่ามีถอดตัวใหม่มาแล้ว กะเจออีกเมื่อไหร่จะเสียบให้หงายท้องทีละราย อิอิ..ตอนหลังดันเจอตี๋เสาชิงช้าท้าเดิมพันกระดานละ 200 แล้วผมดันไม่พกเงินติดตัวมาเลย ต้องยืมเงินชาวบ้านเป็นทุน 200 แล้วเล่นกระดานละ 100 แทน เผื่อเสียสองกระดานก็เลิก..เลยต้องงัดแต้มกระเรียนมาเล่นกับตี๋ เฉพาะกระเรียนท่าเดียวก็ทุบตี๋ได้ถึง 4 กระดาน ตี๋เดินไม่ซ้ำ แต่แก้ไม่ตก พูดแต่ว่าเหลือเชื่อๆ (ตี๋ไม่มีโง่ทิ้งร่มหรอกครับ เลือกไปทางยากๆแต่ก็หนีล็อคไม่ออก)
แต้มในตระกูลกางปีก ที่ผมถอดมาเล่น มีหงส์เหิร กระเรียน กับสามเรียงอีกรูปนึง ซึ่งรูปสุดท้ายนี้ไปตรงกับที่ตี๋พระประแดงนำมาเล่น ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน แต่ดูจากการแข่งขัน ผมเล่นก่อนตี๋พระประแดง จริงแล้วผมน่าจะเป็นคนเล่นก่อน แต่ทำใจแบบเป็นกลางๆ ก็ต้องยอมรับว่า หมากบางหมากอาจจะมีคนถอดหาเช่นกัน..ถ้าเป็นหมากที่ผมเล่นตั้งแต่ปี 252X อะไรหลายๆแต้ม...แล้วคนอื่นเพิ่งจะมาเดินในปี 254X-255X ก็อย่าไปบอกว่าเป็นหมากของคนนั้นคนนี้เลยครับ พูดไปก็รู้ไม่จริง ไม่รู้ที่มา
ยุคแรก 2526+ ผมถอดหมากเพื่อแก้ทางพี่เฉลิมพล(รุ่นพี่ที่ราม ลูกศิษย์เซียนซ้ง) ซ้อมกันแต่ละวัน ผมแพ้ยับเยิน แค่หวังจะชนะบ้างนิดๆหน่อยๆ ผมก็ไปถอดแต้มแปลกๆมาลองของกะเค้า..พอเจอแต้มแปลกๆของผมเข้าไปชักจะหลายรูป เช่น หงส์เหิร แต้มแพ้ในรูป 62 (หรือแต้มลูกเต๋า) พี่เหลิมก็เริ่มระแวงว่าผมมี อ. ที่ไหนสอน ถึงขนาดพูดว่า จังหวะนี้ทั้งประเทศมีคนรู้ไม่ถึงสิบคน..ก็จริงของเค้าแหละครับ แต่บางรูปอาจจะรู้น้อยกว่า 5 คนอีก อิอิ..ตอนนั้นผมยังไม่มีอาจารย์ ถัดไปไม่นานถึงได้เจอ อ.เรืองชัย แต่ผมก็ยังหาแต้มแปลกๆของผมไปประปราย แต่มักจะใช้ไม่ได้ ยิ่งสมัยนั้นการถอดหมากยังอ่อนมาก ถอดให้ตายก็ผิด รั่วหมด กว่าจะถอดหมากเป็นจริงๆ ก็ช่วงที่ได้แชมป์แล้ว แต่ก็ยังผิดเยอะ ยอมรับว่าถอดลวก ตามใจตัวเอง บางทีชอบหมากไหนเกิน แต่มันไม่ดี ก็ฝืนถอดอยู่นาน แล้วค่อยยอมรับว่าใช้ไม่ได้..แต่แต้มพวกกางปีกนี่มันแปลกว่า ปกติตำราไม่มีใครเขียน เล่นมาทุกสารทิศก็ไม่มีใครเดิน ทำไมมองข้ามกัน..พอผมมาถอด เล่นได้ตั้งหลายรูป ดีด้วย ช่วงที่ใช้แรกๆ เซียนไหนเจอก็เสร็จแทบทุกราย เอาตัวรอดมาปีแล้วปีเล่าก็เพราะรูปพวกนี้..เวลาชนะก็ง่ายด้วย ถ้าเปรียบกับมวยที่ฝ่ายนึงใส่นวมกับไม่ใส่นวม ก็คงเห็นว่าใครได้เปรียบ แต่นี่เปรียบแล้วคล้ายกับ ฝ่ายนึงใส่นวม อีกฝ่ายถือไม้หน้าสาม เดินผิดไรมาปุ๊บ ตีสลบทันที ไม่มีแบบต้องปล้ำกันให้เหนื่อยไป 5 ยก 12 ยก ..ป๊อกเดียวจอดกลางกระดาน แทบไม่ต้องเบียดปลายเลย
====================
ต่อครับ สามเรียงกางปีก ก็มีเรื่องตลกๆ..คือถ้าสังเกตให้ดีและนึกถึงความเป็นจริงว่า แต้มนี้กับกระเรียนเหิร ตำแหน่งมันต่างกันที่ขาชิดกับขาถ่าง..ก็คือหลังจากผมถอดกระเรียนเหิรสำเร็จแล้วก็มาถอดแต้มนี้ด้วย เปรียบเทียบกันดู ว่ามันจะแพ้หรือเสมอ..แล้วมันก็เสมออีก เพียงแต่มันไม่แรงเท่ากระเรียน แต่ก็พอมีไรหนุกๆ..เดิมทีผมก็ไม่รู้จะตั้งชื่อสองหมากนี้ว่าอะไรดี รูปทรงมันคล้ายกันมาก ต่างกันที่ขาข้างเดียว..ทีแรกว่าจะตั้งชื่อว่า ช้างพังกับช้างพลาย หรือช้างตัวเมียกับช้างตัวผู้ คนก็ต้องงงว่าแล้วรูปไหนตัวเมีย ตัวผู้..ขาชิดหรือขาถ่าง..มันดันไม่มีหางนี่สิ ดูช้างต้องดูที่หาง ถ้าดูหางชี้ เป็นตัวเมียแน่นอน อิอิ ..เลยไม่เอาช้างๆ ผมก็เอาหมากนึงเรียกกระเรียน ตั้งตนเป็นเจ้าสำลัก(นัก)กระเรียนด้วย..อีกหมากก็เรียกไปว่าสามเรียงกางปีก.. แล้วตลกอะไรตรงไหน? ก็ตอนแข่งไฟฟ้า ตี๋พระประแดงเอารูปนี้มาเดินกันผม ผมก็ไม่ได้ซ้อมมานาน ยิ่งเดินกลับหัวก็มีงงไรนิดหน่อย เห็นตี๋(ใหญ่)เดินมารู้ล่ะว่า เป็นท่านี้เหมือนกัน ผมก็ยังไม่อยากเสมอก็เดินไปทางตัวที่ต้องเล่นยาวหน่อย..แต่ดันงงเอง งงเพราะกลับกระดานแล้วก็สีเบี้ยในกระดานสีคล้ายๆกัน (สีเขียวเจอสีฟ้า) ผมเผลอโดนกินสามต่อเลยมั้ง ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เซ่อ..แพ้แล้วหัวเสีย..ผมรีบไปหยิบเบี้ยสีอื่นมาใส่แทนเลย..ตอนหลังตีเสมอตี๋ใหญ่มาได้..แล้วผมไปเจอเซียนดำรอบชิง (ตอนผลัดกันต่อเสมอแพ้) ผมก็รู้ว่าเล่นไป เซียนดำถึงตีไม่ตายก็คงเห็นเสมอ คงไม่ได้ผล แต่ตอนนั้นนึกไม่ออกว่าจะเล่นไรจริงๆ ก็เล่นไป แล้วเป็นไปตามคาด เซียนดำก็ทำเสมอ...แต่ตอนเซียนหลอเอาไปเดินกับเซียนดำที่ลำพูน เซียนหลอก็รู้มาจากผมอีกที แต่เซียนดำกับเซียนหลอนี่เจอกันทีไรต้องใส่กันให้แหลกไปข้าง เซียนดำก็เล่นจุดยากไม่ตัดเสมอง่ายๆ แล้วเซียนดำก็พลาดเอง ไปแพ้เซียนหลอ ดวงใครดวงมัน.. ต้นตำรับเล่นไม่ได้ผล คนอื่นเล่นแล้วได้ผล เหอๆ
ยังไม่ได้ซ้อมยาวเลยครับ
ตั้งแต่ 16-11-2014 ที่ไปวิ่งกรุงเทพมาราธอน 42.195K มาจนถึงวันนี้ก็ 6 เดือนกว่าแล้วครับ.. ใน 6 เดือนกว่าเนี่ย แรงบันดาลใจหมดไปเลย แล้วก็เป็นช่วงไร้ฝน ขี้เกียจถึงขนาดวิ่งไกลสุดได้แค่ 13K (แค่วันสองวันเอง) ..อะไรจะขี้เกียจปานนี้ ..ปีที่แล้วผมเล็บหลุดไป 3 เล็บ(หรืออาจจะ 4 ) ก็เพราะซ้อมวิ่งยาวนี่แหละครับ หลังจากจบงานกรุงเทพมาราธอนแล้วก็ไม่อยากเล็บเน่าเล็บหลุดอีก เปลี่ยนมาวิ่งประมาณมินิเป็นหลัก แต่แทบไม่ยอมพัก เพื่อตุนกำลังขาสำหรับระยะนี้ไว้ก่อน ..ก.ค. ถึง ก.ย. นี่เป็นช่วงที่เหมาะซ้อมยาวที่สุด..แต่เวลาซ้อมยาวผมจะเลือกไปสวนลุมบ่อยครั้ง..หาแรงกระตุ้น..ซ้อมที่เดิมๆมันน่าเบื่อ(ซ้อมมาราธอนต้องนับถึง 66-67 รอบ นับไปลืมไป เวียนหัวจริงๆ..รอบนึงราวๆ 630 เมตร) ต้องไปสวนใหญ่ๆคนเยอะๆ แบบสวนลุมนี่จ๊าบมาก..ซ้อม 21K ก็ 8 รอบเลยนิดหน่อย ซ้อม 42K ก็ 17 รอบ..ดีกว่านั่งนับไป 66-67 รอบ อิอิ
เวลาซ้อมคนเดียว ไม่มีโค้ช ไม่มีคนวิ่งนำหรือวิ่งเป็นเพื่อน เวลาก็ช้าบ้างเร็วบ้าง ตามสภาพอากาศ และตามวันที่เราอยากจะวิ่งแบบหายใจสบายๆหรือวิ่งแบบหอบแฮ่กๆ..ซึ่งไม่ว่าจะหอบหรือไม่หอบก็ไม่ได้รางวัลอะไร ต่างกันแค่ด้านสถิติ จุดวัดใจของผมก็คือ 10K ไม่ให้หลุด 1 ชม. ...ถ้าวิ่งผ่อนๆ ก็จะเกินชั่วโมงไป 1-3 นาที..ถ้าวิ่งแบบหอบไปตลอดทาง ก็ต่ำกว่า 1 ชม.ได้...เวลาต่างกันเพียง 3-4 นาที แต่เหนื่อยกว่าอีกเยอะเลย ..โอกาสบาดเจ็บก็มีสูงขึ้น..สรุปแล้วซ้อมก็คือซ้อม..เวลาแข่งขันบางทีวิ่งเร็วกว่าซ้อมได้ 4-6 นาที...ถ้าเมื่อไหร่ 10K ผมหลุดจาก 1 ชม.ตลอด แสดงว่าสังขารผมเริ่มถดถอยแล้ว..แต่ผมยังหลุดบ้าง ไม่หลุดบ้าง...อีกสองวัน รอรายงานผล เรื่องวิ่ง 100 วัน ต่อครับ
กรุงเทพมาราธอน ยังต้องล้างตาอีกครั้งครับ ปีที่แล้ว 5:22 ชั่วโมงเศษ เพราะบาดเจ็บแบบคาดไม่ถึง..ซ้อมมาสองครั้ง แบบซ้อมไปอู้ไป ก็ยัง 5:10 ชม. ปีนี้ต้องลองอีกครั้ง อยากให้ต่ำกว่า 5 ชม. แต่ก็คงคาบเส้นครับ อาจจะเร็วกว่านิดหรือช้ากว่านิด (ถ้าไม่มีอุปสรรคอื่นรบกวน เช่นเรื่องท้องไส้) ปีนึงวิ่งซักครั้งผมว่ากะลังดี คือ นานๆทรมานซักที วัดตัวเองไปด้วย ปีไหนเห็นท่าไม่ไหวจริงๆหรือเวลามันย่ำแย่มากก็ควรหยุด..แต่นักวิ่งที่อดทนก็เยอะครับ ทั้งชายและหญิง วัย 80-90+ ก็ยังทนวิ่งๆเดินๆไป 7 ชม.กว่าครับ ..อย่านึกว่าหมูนะครับ คนที่ไม่เคยลองวิ่งลองเดินไกลๆมาก่อน อย่าว่าแต่ 7 ชม.กว่าเลย แค่ 3-4 ชั่วโมงบางทียังรู้สึกอยากตัดขาทิ้งหรือปวดระทมตามส่่วนต่างๆ แม้แต่เสื้อผ้ายังสีเนื้อจนถลอกไปหมด ทั้งแขนเสื้อ ขากางเกง..คนที่ลงมาราธอนแต่ละคน จะป้องกันตัวเองจากเรื่องเสื้อผ้าสีเนื้อจนเลือดซิบๆ (ทาวาสลีนหรือใส่กางเกงว่ายน้ำ) ส่วนคนที่ไม่รู้ พอโดนเสื้อผ้าสีหรือเล็บมีปัญหา ทนไม่ไหวครับ เจ็บปวดมาก
ครบแล้ว 100 วัน รายละเอียดอยู่ในหัวข้อโพส "90 วัน พักเพียง 5 วัน ครับ"
เวลาซ้อมคนเดียว ไม่มีโค้ช ไม่มีคนวิ่งนำหรือวิ่งเป็นเพื่อน เวลาก็ช้าบ้างเร็วบ้าง ตามสภาพอากาศ และตามวันที่เราอยากจะวิ่งแบบหายใจสบายๆหรือวิ่งแบบหอบแฮ่กๆ..ซึ่งไม่ว่าจะหอบหรือไม่หอบก็ไม่ได้รางวัลอะไร ต่างกันแค่ด้านสถิติ จุดวัดใจของผมก็คือ 10K ไม่ให้หลุด 1 ชม. ...ถ้าวิ่งผ่อนๆ ก็จะเกินชั่วโมงไป 1-3 นาที..ถ้าวิ่งแบบหอบไปตลอดทาง ก็ต่ำกว่า 1 ชม.ได้...เวลาต่างกันเพียง 3-4 นาที แต่เหนื่อยกว่าอีกเยอะเลย ..โอกาสบาดเจ็บก็มีสูงขึ้น..สรุปแล้วซ้อมก็คือซ้อม..เวลาแข่งขันบางทีวิ่งเร็วกว่าซ้อมได้ 4-6 นาที...ถ้าเมื่อไหร่ 10K ผมหลุดจาก 1 ชม.ตลอด แสดงว่าสังขารผมเริ่มถดถอยแล้ว..แต่ผมยังหลุดบ้าง ไม่หลุดบ้าง...อีกสองวัน รอรายงานผล เรื่องวิ่ง 100 วัน ต่อครับ
กรุงเทพมาราธอน ยังต้องล้างตาอีกครั้งครับ ปีที่แล้ว 5:22 ชั่วโมงเศษ เพราะบาดเจ็บแบบคาดไม่ถึง..ซ้อมมาสองครั้ง แบบซ้อมไปอู้ไป ก็ยัง 5:10 ชม. ปีนี้ต้องลองอีกครั้ง อยากให้ต่ำกว่า 5 ชม. แต่ก็คงคาบเส้นครับ อาจจะเร็วกว่านิดหรือช้ากว่านิด (ถ้าไม่มีอุปสรรคอื่นรบกวน เช่นเรื่องท้องไส้) ปีนึงวิ่งซักครั้งผมว่ากะลังดี คือ นานๆทรมานซักที วัดตัวเองไปด้วย ปีไหนเห็นท่าไม่ไหวจริงๆหรือเวลามันย่ำแย่มากก็ควรหยุด..แต่นักวิ่งที่อดทนก็เยอะครับ ทั้งชายและหญิง วัย 80-90+ ก็ยังทนวิ่งๆเดินๆไป 7 ชม.กว่าครับ ..อย่านึกว่าหมูนะครับ คนที่ไม่เคยลองวิ่งลองเดินไกลๆมาก่อน อย่าว่าแต่ 7 ชม.กว่าเลย แค่ 3-4 ชั่วโมงบางทียังรู้สึกอยากตัดขาทิ้งหรือปวดระทมตามส่่วนต่างๆ แม้แต่เสื้อผ้ายังสีเนื้อจนถลอกไปหมด ทั้งแขนเสื้อ ขากางเกง..คนที่ลงมาราธอนแต่ละคน จะป้องกันตัวเองจากเรื่องเสื้อผ้าสีเนื้อจนเลือดซิบๆ (ทาวาสลีนหรือใส่กางเกงว่ายน้ำ) ส่วนคนที่ไม่รู้ พอโดนเสื้อผ้าสีหรือเล็บมีปัญหา ทนไม่ไหวครับ เจ็บปวดมาก
ครบแล้ว 100 วัน รายละเอียดอยู่ในหัวข้อโพส "90 วัน พักเพียง 5 วัน ครับ"
วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558
วิธีวิ่งแบบมีความสุข วิ่งแข่งกับเสียงเพลง
แต่ต้องใช้หูฟังไร้สายนะครับ มีสายมันเกะกะ เช่นถ้าจะซ้อมวิ่ง 10k ก็จัดโฟลเดอร์หรือรายการเล่นไว้ให้ใกล้เคียงกับฝีเท้าเรามากที่สุด เช่น 10k ช้าสุดไม่เกิน 1.06 ชั่วโมง ก็เอาเพลงใส่ไว้ในโฟลเดอร์หรือรายการเล่นนั้น..คือพวกเครื่องเล่นมันใส่ได้หลายร้อยเพลง เราเอาแค่ส่วนย่อย เพลงทั่วๆไปจะยาวประมาณ 3 นาทีเศษ สั้นหน่อยก็นาทีเศษ ยาวก็ 4-5 นาที ถ้ายาวมากๆก็ 7-8 นาทีเลยนั่น ก็เลือกเพลงที่ชอบยาวบ้างสั้นบ้างใส่เข้าไปประมาณ 1.06 ชม. (ผมใส่เข้าไป 22 เพลง สำหรับ 10K ถ้าจบเพลงที่ 20 ก็เป็นเวลา 59.55 นาที..ถ้าขึ้นเพลง 21 เมื่อไหร่ก็ผ่าน 1 ชม. และถ้าจบเพลง 22 ก็แปลว่า 1.06 ชม.
ในระหว่างวิ่ง เราจะจำได้ว่า พอถึงเพลงไหน ควรผ่าน 2.5k 5k 7.5k ถ้าวันไหนวิ่งช้าไปหน่อย เพลงมันก็จะเลื่อนเพลงถัดไปมา เราก็ต้องพยายามเร่งให้เร็วขึ้น..ช่วงที่อากาศร้อนมีแดด ผมก็วิ่งผ่อนๆก็หลุดเพลงที่ 20 ขึ้นเพลงที่ 21 มาครึ่งเพลง...วันนี้ไร้แดดก็แก้ตัวใหม่ เร่งเร็วขึ้น ก็ทันเพลงที่ 20 ..คือถึง 10K ก่อน 59.55 นาที..นี่สำหรับการซ้อมครับ..ถ้าแข่งขัน เช้าๆอากาศเย็นสบายกว่า วิ่งไล่คนอื่นไปด้วย ทำเวลาได้ดีกว่านี้..แล้ววิ่งแทบทุกวันไม่พักด้วยอีก จะเร่งมากเดี๋ยวขาจะไปซะก่อน ..10K วิ่งให้ต่ำกว่า 1 ชม. นี่เป็นขีดวัดใจสำหรับนักวิ่งกลางๆแถวแล้วครับ
*********************************
แต่ต้องระวังเรื่องเดียวครับ พวกหูฟัง in ear จะตัดเสียงรบกวนภายนอกจนแทบไม่ได้ยิน ถ้าวิ่งตามสถานที่ๆมีรถยนต์ มอไซด์ อันตรายครับ เหมาะกับการวิ่งในสวนที่ไม่มีรถยนต์ แต่ก็ยังต้องระวังจักรยานด้วยนะ ไม่ถึงตาย แต่ชนจังๆก็เจ็บได้
ในระหว่างวิ่ง เราจะจำได้ว่า พอถึงเพลงไหน ควรผ่าน 2.5k 5k 7.5k ถ้าวันไหนวิ่งช้าไปหน่อย เพลงมันก็จะเลื่อนเพลงถัดไปมา เราก็ต้องพยายามเร่งให้เร็วขึ้น..ช่วงที่อากาศร้อนมีแดด ผมก็วิ่งผ่อนๆก็หลุดเพลงที่ 20 ขึ้นเพลงที่ 21 มาครึ่งเพลง...วันนี้ไร้แดดก็แก้ตัวใหม่ เร่งเร็วขึ้น ก็ทันเพลงที่ 20 ..คือถึง 10K ก่อน 59.55 นาที..นี่สำหรับการซ้อมครับ..ถ้าแข่งขัน เช้าๆอากาศเย็นสบายกว่า วิ่งไล่คนอื่นไปด้วย ทำเวลาได้ดีกว่านี้..แล้ววิ่งแทบทุกวันไม่พักด้วยอีก จะเร่งมากเดี๋ยวขาจะไปซะก่อน ..10K วิ่งให้ต่ำกว่า 1 ชม. นี่เป็นขีดวัดใจสำหรับนักวิ่งกลางๆแถวแล้วครับ
*********************************
แต่ต้องระวังเรื่องเดียวครับ พวกหูฟัง in ear จะตัดเสียงรบกวนภายนอกจนแทบไม่ได้ยิน ถ้าวิ่งตามสถานที่ๆมีรถยนต์ มอไซด์ อันตรายครับ เหมาะกับการวิ่งในสวนที่ไม่มีรถยนต์ แต่ก็ยังต้องระวังจักรยานด้วยนะ ไม่ถึงตาย แต่ชนจังๆก็เจ็บได้
วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558
การรับแต้มหมากฮอส ไม่ได้ตายตัวแบบที่บางคนคิด
เช่นว่า ถ้าหมากเราขึ้นก่อน แล้วไปเจอห้าแต้ม โจรหลัง ฯลฯ แล้วเราเห็นบันทึกการแข่งขันบางตอนว่า เซียนคนนี้ เล่นกับเซียนคนนั้น รับแบบนี้..บางครั้งอาจเห็นว่ารับแบบนี้ซ้ำๆบ่อยกว่ารับแบบอื่น แต่จริงๆแล้วต้องดูหลายๆอย่างประกอบกัน เช่น
-ใครแข่งกับใคร ใครงัดมาเล่น นั่งเล่นอยู่กับใคร..บางหมากเช่น ห้าแต้ม โจรหลัง ตัดหน้า เขาเคยแข่งกันมาเป็นสิบๆครั้งแล้ว เขาก็เปลี่ยนตัวรับไปเรื่อย จนถึงจุดๆหนึ่งที่รู้ว่าคู่แข่งนี่คล่องแต้มนี้ยังกะอะไรดี แล้วเรารู้น้อยกว่าเขา ไม่ว่าจะพยายามบิดไปทางไหน ก็ยากจะชนะเขาในแต้มนี้ได้..แล้วจะดิ้นรนไปเพื่ออะไร ดิ้นไปตัวเราเองกับติดแห เพราะรู้ไม่จริง รู้น้อยกว่า ทางออกที่ดีก็คือ ตัดเสมอให้ง่ายๆเลย แค่นี้ก็จบ ปลอดภัยไว้ก่อน..(แบบเวลาผมเจอเซียนดำ ไม่ใช่เจอกันแค่ปีสองปี เจอกันมาร่วม 30 ปี รู้ไส้รู้พุงกันอยู่) แต่ถ้าไปแข่งกับคนอื่น เจอคู่แข่งบางคน ผมก็จะเลือกไปทางอื่น เพราะสันนิษฐานว่า หมอนี่อาจจะไม่รู้ทางนี้ ทางนั้น ปลายอ่อน เซ่อง่าย ฯลฯ...ยอมเป็นรอง วัดดวงหลอกเอาหน่อย หลอกได้ก็กินนิ่ม
-สกอร์มีใครนำหรือยัง กระดานที่เท่าไหร่..นี่ก็เป็นจุดตัดสินใจว่าจะเล่นเสี่ยงหรือตัดเสมอ
-ความยากของแต้มนั้นๆ และการฟิตซ้อมของเรา...เช่นหมากห้าแต้ม โจรก่อน โจรหลัง สามเรียง พุ่งหัว และอีกหลายๆหมาก มันมีทางเลือกตั้งแต่ง่ายสุดๆไปยันยากสุดๆ แล้วมันยังไม่หยุดเท่านั้นด้วย พอมีคนใช้โปรถอดไปเรื่อยๆ ก็เจอตัวประหลาดพิศดารออกมาเรื่อยๆ คนที่ไม่ได้ถอดโปรจู่ๆมาเจอแล้วต้องนั่งคิดสดๆ จะเหลืออะไรล่ะ แพ้ตั้งแต่ในมุ้ง..แค่สันนิษฐานหมากก็ยังสันนิษฐานผิดเลย ไปคิดว่าตอนนี้หมากเราน่าจะเป็นต่อ ที่ไหนได้มีแต่เสมอเป็นรองกับแพ้ แพ้เวลาซ้อมไม่เป็นไร เวลาแข่งขันพลาดก็จบ..บางทีคิดแล้วไม่อยากเสี่ยง เพราะรู้ว่าหมากชุดใหญ่พวกนี้ ยิ่งนานยิ่งถอดมาดัก เอาตัวประหลาดมาเล่น ถ้าเราอ่อนซ้อม ต้องเลือกไปทางอื่นเลย
-หมากน่าสงสัย เช่นแต่เดิมเคยคิดว่าเป็นหมากแพ้ พอตอนหลังถอดโปรแล้วไม่แพ้ ไม่แพ้ไม่ว่า ยังมีศอกมีเป็นต่อไรอีก..ถ้ามัวปักใจเชื่อว่าเป็นหมากแพ้ ก็ซวยอีก... ต้องนกรู้..เห็นมีงัดมาซ้อมกันบ่อยหรือกล้าเอามาแข่งขัน ต้องระแวงไว้ก่อน ยิ่งมือที่ควรรู้ว่าหมากแบบนี้มีประวัติใครแข่งกับใคร แพ้ชนะอย่างไร กลับกล้าเอามาเดินใส่ เอาอัฐยายมาซื้อหนมยาย เอาหนังสือมาสอนสังฆราช นี่ต้องมีเตรียมไรมาแน่นอน
(แทรก) อีกข้อก็คือ คนที่แข่งขันตลอดเป็นประจำ ยิ่งถ้าเข้ารอบลึกถึง 4 คนสุดท้าย ยากจะหนีคนมุงดูและบันทึกแต้ม บางครั้งมีตัวรับที่แรงกว่านั้น แต้มต่างๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่อยากใช้ เพราะแต้มเหล่านั้นถ้าใช้กับมืออ่อนกว่า ส่วนใหญ่จะได้ผล เวลาเอามาใช้ในรอบลึกๆกะเซียนที่เขี้ยวๆ ใช้ไปก็มักไม่ได้ผล กลายเป็นเสียแต้มดีๆเอามาโชว์ปาหี่ วันหลังก็หาแต้มไปกินคนอื่นยาก ต้องบวกลบคูณหารหลายเรื่องครับ ถ้าจะเดินดุ่ยๆแบบไม่มีการวางแผน ชนะเที่ยวนี้ ปีนี้ได้ แต่ปีหน้า หมดแต้มเล่น
เรื่องชื่อหมากกับว่าใครชอบเอามาเล่น พวกนี้ผมอ่านแล้วไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเยอะ บางหมากผมเล่นมาก่อนตั้งแต่ตอนอายุ 20 กว่า เปิดมาแล้วแทบทุกทรง เพียงแต่ไม่เคยพัฒนา เนื่องจากว่ารู้สึกว่าหมากเป็นรองมาก(หรืออาจจะแพ้) แล้วสมัยก่อนก็ไม่ได้ถอดโปร(หรือสมัยนี้มีโปรก็ยังขี้เกียจถอด) จึงไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วหมากนั้นๆก็ยังเล่นได้ มีจุดชนะน่าสนใจ จุดที่คิดว่าแพ้หรือเป็นรองก็หนีเสมอได้ไม่ยาก กลับเป็นหมากดีหมากหนึ่ง ..คนที่ไม่เข้าใจประวัติความเป็นมาก็นึกว่า คนนั้นคนนี้เอามาเล่น แต่ถ้าไปสัมภาษณ์เจ้าตัว อาจได้คำตอบว่า "เห็นมีคนเอามาเล่น ก็เลยถอดดูแล้วได้แต้มมา" เป็นแบบนั้นซะมากกว่า
สรุปว่าในยามแข่งขัน ไม่ว่าจะเดินผิดสูตรผิดล็อค(โดยเจตนาหรือไม่เจตนา)แต่สุดท้ายแล้วได้ชัยชนะในกระดานนั้น ถือว่าเป็นการเล่นที่ถูกต้อง(สมบูรณ์แบบ) คือจะเดินเฮงซวย โง่ขนาดไหน เป็นรองขนาดไหน หรือเอาหมากแพ้มาเดิน ก็ยังอุตส่าห์ชนะ แปลว่า เราเลือกใช้หมากได้ถูกกับคน เราเดินเซ่อไปบ้าง โง่ไปบ้าง คู่แข่งก็ยังโง่กว่าเราอีก ถึงได้แพ้..ดังนั้น การจะไปวิจารณ์หมากว่า ฝ่ายนี้เดินไม่ถูก ไม่ใช่ตัวที่ดีที่สุด อะไรต่อมิไร คือคนรู้ไม่จริง(แบบฉันถอดดูแล้ว จังหวะนี้เดินผิด อะไรต่อมิไร ไม่เป็นไปตามล็อคที่ถูกต้อง..ท่องไปเถอะ ใช้ไรไม่ได้ ขอบอก) เพราะเขาเดินส่งเดชแบบนี้ แต่ชนะ แล้วทำไมต้องไปเลือกตัวที่ดีที่สุด(แต่อาจไม่ชนะ)
แล้วก็จะมีแต่คนที่ชนะมาแบบพลิกล็อค หนีนรกได้ขึ้นสวรรค์แทนเท่านั้นที่จะรู้ว่า การหนีนรกได้ขึ้นสวรรค์เนี่ยสร้างความประทับใจได้เป็นสิบๆปีไม่ลืมเลือนเลยทีเดียว ต่างกับการขี่คอทุบเป็นไหนๆ เชื่อมั้ยล่ะ อิอิ
คือถ้าวิเคราะห์แบบตาถึงจิงๆ ต้องไม่มองแค่กระดานเดียว ต้องมองภาพรวมของการแข่งขันไฟท์นั้น แล้วก็วิเคราะห์ว่า จริงๆแล้วคนที่แข่งขันอยู่ ทำไมจึงเลือกรับแบบนั้น เค้ารู้แค่แบบนั้นแบบเดียว หรือรู้หลายอย่าง ถ้ารู้หลายอย่าง ทำไมเวลานั้นเขาจึงเลือกรับแบบนั้น ต้องอ่านให้ทะลุกึ๋น มัวแต่ไปท่องว่าแต้มนี้ต้องเดินแบบนี้ถึงจะดีที่สุด อะไรต่อมิไร ไม่ตรงประเด็นเลย ..ยิ่งคนที่เดินแบบเสี่ยงๆนี่ยิ่งต้องให้เครดิต(ถ้าเดินแล้วชนะ) ว่านึกไงถึงเดินเสี่ยงกับคู่แข่งคนนี้ ด้วยแต้มนี้ หรือจังหวะหลอกช่วงปลายกระดานหรือไรก็ตาม แล้วได้ผล..ทั้งๆที่มือนี้ก็เขี้ยวสุดๆ ทำไมลากมาตายน้ำตื้นได้..ต้องวิเคราะห์เป็นครับ ไม่ใช่ท่องว่าผิดล็อคผิดสูตรแล้วแพ้ชนะกัน
ที่เคยแข่งขันมา ผมว่าตอนเจอหนุ่มเทพฯนี่สนุกดี มีหลายอย่างให้ต้องพูดถึง..ตอนเจอครั้งแรกที่สวนรถไฟ นึกว่าหมู อิอิ พอเจอแต้มประหลาดจากล็อคห้าแต้ม ฉีกตำรา อ.เรืองชัย..ผมสะดุ้งกลางกระดานเลย รู้แล้วว่าตัวประหลาดที่งัดมาเดินเนี่ย เตรียมการบ้านมาแน่นอน..ผมเสียเวลาคิดกลางกระดานเกินสิบนาที คิดไม่ออกจริงๆ จนกระทั่งพอเห็นทางเสมอก็เลือก แต่เวลาก็จวนเจียนจะหมดไปเรื่อยๆ แล้วพอถึงปลายกระดาน กระจายได้อีกหลายทาง เป็นรองอยู่ด้วย คิดไม่ทันจริงๆ สุดท้ายเลือกผิดเลยแพ้ (ผมยังคิดมาตลอดว่า ถ้าผมไม่เสียเวลาไปนานกว่าสิบนาทีนั่น ปลายที่ว่า ผมน่าจะแก้เสมอได้ทัน) แล้วพอโดนนำ ผมก็ตีคืนได้ในกระดานถัดไป แต่กระดานสุดท้ายผมก็เดินปลายผิดอีก เห็นแล้วล่ะว่า แพ้แน่ แต่หนุ่มเทพฯเดินกล้าๆกลัวๆปล่อยโอกาสทองให้หลุดไป ผมนี่ถอนหายใจโล่งอกเลย แบบไม่รู้จักมาก่อนจริงๆว่าฝีมือระดับไหน ยังไง ถ้าแพ้นอนไม่หลับแน่ เหอๆ
อีกครั้งที่ราชบุรี ดีว่าผมนำได้ก่อน 2 กระดาน ทำให้เล่นง่าย แต่ก็ยังมีเสียวครับ ยิ่งกระดานที่หนุ่มเทพเอาสะเก็ดดาวมาเดินใส่ผม อัฐยายซื้อหนมยาย ผมนี่คิดหนักเลย..รู้ล่ะว่าหมากเสมอ ผมถอดมา แต่ไม่ละเอียด อาจรั่ว..พอเดินไปถึงปลายๆ ถ้าเลือกไม่ดีผมโดนกินสามต่อซะอีก หุหุ แต่เห็น(ไม่ได้ถอด) เกมนี้ตัดเสมอมาได้หวาดเสียว ต้องยกนิ้วให้ เดินดีกว่าต้นตำรับ อิอิ
ก็มีอีกหลายคนครับ กับช่วงเวลาประทับใจต่างๆ ..แต่หนุ่มเทพฯทำเสียวให้ต้องจำเป็นคนแรก อิอิ
พอกลับมาทบทวนแต้มดู รู้สึกว่าผมจะเดินผิดเอง คือแทนที่จะเข้าฮอสกินสองทาง กลับไม่เข้า ไปเดินเบี้ยตัวนึงกางออกมาก่อน คือบางทีแข่งขันอยู่ประสาทมันหลอน คิดผิด ก็สงสัยๆอยู่ว่า สมัยที่ผมถอดแต้มนี้ (ช่วงยังเรียนราม) พอถึงจังหวะเหลือสี่ตัว แล้วฝ่ายเดินหลังไล่กิน..ไม่รู้ทำไมผมเลือกปล่อยให้กินไปเลย แล้ววิ่งไปเข้าฮอสกินคืน..คือนิสัยชอบถอดไรแบบลวกๆแล้วไม่จด สุดท้ายแล้วก็จำเหตุผลไม่ได้..พอเวลาแข่งขัน กลับฝั่งกันเล่น ทีงี้ล่ะงง อิอิ มีจังหวะกินรุกฆาตสองทาง กลับอ่านลวกๆมองว่าเสมอหรือไรอีก เลยเลือกเดินเบี้ยอีกตัวออกมา ล็อคก็เลยไปในทางแปลกๆที่ไม่คุ้น เค้าผิดมา เราก็ผิดไป ซะงั้น
คือถ้าพูดถึงโจรตั๊ง โจรอาจารย์สืบ พวกไรเก่าๆนั่น พวกนี้ผมยอมรับว่า ตั้งแต่หัดเล่นหมากฮอสก็มีเห็นมีตำราวางขายหรือคนพูดถึงแล้ว แต่พอไปพูดถึงโจรเวสป้า อะไรเนี่ย ผมอ่านไปขำไป ทรงพวกนั้นผมเปิดมาตั้งแต่สมัยอยู่ราม เอาไปเล่นกับวสันต์ ทนายบางพลี ใครต่อใครมาเป็นร้อยๆกระดาน ...เล่นแบบยั่วล่อเป้านะครับ..คือผมคิดว่าตำราเล่มไหนๆก็ไม่มี ทรงหมากก็ทุเรศเกิน ไม่ตายก็โคม่า แต่คิดว่าคงแพ้แหละ (ไม่อยากเชื่อว่าจะเสมอได้) วันดีคืนดีไปถามซือแป๋เรืองชัย ซือแป๋ก็ไปถอด แล้วกลับมาบอกว่าเสมอกัน ไม่ชนะ..แต่ซือแป๋ก็ไม่สามารถโชว์ได้ว่า ฝ่ายไหนมีจุดเด่นยังไงบ้าง แค่บอกว่าเสมอ แล้วทำเสมอให้ดูแค่จุดสองจุด..ผมก็มาเดาภายหลังว่า ซือแป๋คงหาวิธีชนะไม่เจอ แต่คงไม่ถึงกับเห็นจุดพิศดารต่างๆแบบที่คอมเห็น ถ้าซือแป๋เห็นว่ามีไรดีเยอะๆ ก็จะบอกให้ผมเอาไปเล่นแล้ว..คล้ายว่าซือแป๋ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับแต้มนี้ซักเท่าไหร่ คือมองว่าหมากมันทุเรศ ว่างั้นเหอะ ตีไม่ตายก็ช่างกัน ไม่คิดว่าจะมีดีหลายจุด..มาตอนหลังมีคนเรียกโจรเวสป้าหรือไร ผมก็งง..ผมเล่นมาตั้งแต่ 2528 ประมาณแล้วนั่นน่ะ? กลายเป็นโจรเวสป้า?..ไม่ตรงข้อเท็จจริง..สมัยที่เล่นเนต ผมก็เล่นส่งเดชไปบ่อย เพราะคิดว่าเป็นแต้มใช้ไม่ได้ เอาไปแข่งขันไม่ได้ ก็เอามาเดินยั่วคนเล่น..สุดท้ายกลายเป็นหมากใช้ได้..ผมถึงบอกว่า อยากรู้ประวัติหมากจริงๆ ต้องสัมภาษณ์หลายๆคน แล้วคนตอบต้องตอบแบบตรงไปตรงมา รำลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆนะ ว่าแต้มนี้เคยเจอมาจากที่ไหน หรือคิดเองล้วนๆ
-ใครแข่งกับใคร ใครงัดมาเล่น นั่งเล่นอยู่กับใคร..บางหมากเช่น ห้าแต้ม โจรหลัง ตัดหน้า เขาเคยแข่งกันมาเป็นสิบๆครั้งแล้ว เขาก็เปลี่ยนตัวรับไปเรื่อย จนถึงจุดๆหนึ่งที่รู้ว่าคู่แข่งนี่คล่องแต้มนี้ยังกะอะไรดี แล้วเรารู้น้อยกว่าเขา ไม่ว่าจะพยายามบิดไปทางไหน ก็ยากจะชนะเขาในแต้มนี้ได้..แล้วจะดิ้นรนไปเพื่ออะไร ดิ้นไปตัวเราเองกับติดแห เพราะรู้ไม่จริง รู้น้อยกว่า ทางออกที่ดีก็คือ ตัดเสมอให้ง่ายๆเลย แค่นี้ก็จบ ปลอดภัยไว้ก่อน..(แบบเวลาผมเจอเซียนดำ ไม่ใช่เจอกันแค่ปีสองปี เจอกันมาร่วม 30 ปี รู้ไส้รู้พุงกันอยู่) แต่ถ้าไปแข่งกับคนอื่น เจอคู่แข่งบางคน ผมก็จะเลือกไปทางอื่น เพราะสันนิษฐานว่า หมอนี่อาจจะไม่รู้ทางนี้ ทางนั้น ปลายอ่อน เซ่อง่าย ฯลฯ...ยอมเป็นรอง วัดดวงหลอกเอาหน่อย หลอกได้ก็กินนิ่ม
-สกอร์มีใครนำหรือยัง กระดานที่เท่าไหร่..นี่ก็เป็นจุดตัดสินใจว่าจะเล่นเสี่ยงหรือตัดเสมอ
-ความยากของแต้มนั้นๆ และการฟิตซ้อมของเรา...เช่นหมากห้าแต้ม โจรก่อน โจรหลัง สามเรียง พุ่งหัว และอีกหลายๆหมาก มันมีทางเลือกตั้งแต่ง่ายสุดๆไปยันยากสุดๆ แล้วมันยังไม่หยุดเท่านั้นด้วย พอมีคนใช้โปรถอดไปเรื่อยๆ ก็เจอตัวประหลาดพิศดารออกมาเรื่อยๆ คนที่ไม่ได้ถอดโปรจู่ๆมาเจอแล้วต้องนั่งคิดสดๆ จะเหลืออะไรล่ะ แพ้ตั้งแต่ในมุ้ง..แค่สันนิษฐานหมากก็ยังสันนิษฐานผิดเลย ไปคิดว่าตอนนี้หมากเราน่าจะเป็นต่อ ที่ไหนได้มีแต่เสมอเป็นรองกับแพ้ แพ้เวลาซ้อมไม่เป็นไร เวลาแข่งขันพลาดก็จบ..บางทีคิดแล้วไม่อยากเสี่ยง เพราะรู้ว่าหมากชุดใหญ่พวกนี้ ยิ่งนานยิ่งถอดมาดัก เอาตัวประหลาดมาเล่น ถ้าเราอ่อนซ้อม ต้องเลือกไปทางอื่นเลย
-หมากน่าสงสัย เช่นแต่เดิมเคยคิดว่าเป็นหมากแพ้ พอตอนหลังถอดโปรแล้วไม่แพ้ ไม่แพ้ไม่ว่า ยังมีศอกมีเป็นต่อไรอีก..ถ้ามัวปักใจเชื่อว่าเป็นหมากแพ้ ก็ซวยอีก... ต้องนกรู้..เห็นมีงัดมาซ้อมกันบ่อยหรือกล้าเอามาแข่งขัน ต้องระแวงไว้ก่อน ยิ่งมือที่ควรรู้ว่าหมากแบบนี้มีประวัติใครแข่งกับใคร แพ้ชนะอย่างไร กลับกล้าเอามาเดินใส่ เอาอัฐยายมาซื้อหนมยาย เอาหนังสือมาสอนสังฆราช นี่ต้องมีเตรียมไรมาแน่นอน
(แทรก) อีกข้อก็คือ คนที่แข่งขันตลอดเป็นประจำ ยิ่งถ้าเข้ารอบลึกถึง 4 คนสุดท้าย ยากจะหนีคนมุงดูและบันทึกแต้ม บางครั้งมีตัวรับที่แรงกว่านั้น แต้มต่างๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่อยากใช้ เพราะแต้มเหล่านั้นถ้าใช้กับมืออ่อนกว่า ส่วนใหญ่จะได้ผล เวลาเอามาใช้ในรอบลึกๆกะเซียนที่เขี้ยวๆ ใช้ไปก็มักไม่ได้ผล กลายเป็นเสียแต้มดีๆเอามาโชว์ปาหี่ วันหลังก็หาแต้มไปกินคนอื่นยาก ต้องบวกลบคูณหารหลายเรื่องครับ ถ้าจะเดินดุ่ยๆแบบไม่มีการวางแผน ชนะเที่ยวนี้ ปีนี้ได้ แต่ปีหน้า หมดแต้มเล่น
เรื่องชื่อหมากกับว่าใครชอบเอามาเล่น พวกนี้ผมอ่านแล้วไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเยอะ บางหมากผมเล่นมาก่อนตั้งแต่ตอนอายุ 20 กว่า เปิดมาแล้วแทบทุกทรง เพียงแต่ไม่เคยพัฒนา เนื่องจากว่ารู้สึกว่าหมากเป็นรองมาก(หรืออาจจะแพ้) แล้วสมัยก่อนก็ไม่ได้ถอดโปร(หรือสมัยนี้มีโปรก็ยังขี้เกียจถอด) จึงไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วหมากนั้นๆก็ยังเล่นได้ มีจุดชนะน่าสนใจ จุดที่คิดว่าแพ้หรือเป็นรองก็หนีเสมอได้ไม่ยาก กลับเป็นหมากดีหมากหนึ่ง ..คนที่ไม่เข้าใจประวัติความเป็นมาก็นึกว่า คนนั้นคนนี้เอามาเล่น แต่ถ้าไปสัมภาษณ์เจ้าตัว อาจได้คำตอบว่า "เห็นมีคนเอามาเล่น ก็เลยถอดดูแล้วได้แต้มมา" เป็นแบบนั้นซะมากกว่า
สรุปว่าในยามแข่งขัน ไม่ว่าจะเดินผิดสูตรผิดล็อค(โดยเจตนาหรือไม่เจตนา)แต่สุดท้ายแล้วได้ชัยชนะในกระดานนั้น ถือว่าเป็นการเล่นที่ถูกต้อง(สมบูรณ์แบบ) คือจะเดินเฮงซวย โง่ขนาดไหน เป็นรองขนาดไหน หรือเอาหมากแพ้มาเดิน ก็ยังอุตส่าห์ชนะ แปลว่า เราเลือกใช้หมากได้ถูกกับคน เราเดินเซ่อไปบ้าง โง่ไปบ้าง คู่แข่งก็ยังโง่กว่าเราอีก ถึงได้แพ้..ดังนั้น การจะไปวิจารณ์หมากว่า ฝ่ายนี้เดินไม่ถูก ไม่ใช่ตัวที่ดีที่สุด อะไรต่อมิไร คือคนรู้ไม่จริง(แบบฉันถอดดูแล้ว จังหวะนี้เดินผิด อะไรต่อมิไร ไม่เป็นไปตามล็อคที่ถูกต้อง..ท่องไปเถอะ ใช้ไรไม่ได้ ขอบอก) เพราะเขาเดินส่งเดชแบบนี้ แต่ชนะ แล้วทำไมต้องไปเลือกตัวที่ดีที่สุด(แต่อาจไม่ชนะ)
แล้วก็จะมีแต่คนที่ชนะมาแบบพลิกล็อค หนีนรกได้ขึ้นสวรรค์แทนเท่านั้นที่จะรู้ว่า การหนีนรกได้ขึ้นสวรรค์เนี่ยสร้างความประทับใจได้เป็นสิบๆปีไม่ลืมเลือนเลยทีเดียว ต่างกับการขี่คอทุบเป็นไหนๆ เชื่อมั้ยล่ะ อิอิ
คือถ้าวิเคราะห์แบบตาถึงจิงๆ ต้องไม่มองแค่กระดานเดียว ต้องมองภาพรวมของการแข่งขันไฟท์นั้น แล้วก็วิเคราะห์ว่า จริงๆแล้วคนที่แข่งขันอยู่ ทำไมจึงเลือกรับแบบนั้น เค้ารู้แค่แบบนั้นแบบเดียว หรือรู้หลายอย่าง ถ้ารู้หลายอย่าง ทำไมเวลานั้นเขาจึงเลือกรับแบบนั้น ต้องอ่านให้ทะลุกึ๋น มัวแต่ไปท่องว่าแต้มนี้ต้องเดินแบบนี้ถึงจะดีที่สุด อะไรต่อมิไร ไม่ตรงประเด็นเลย ..ยิ่งคนที่เดินแบบเสี่ยงๆนี่ยิ่งต้องให้เครดิต(ถ้าเดินแล้วชนะ) ว่านึกไงถึงเดินเสี่ยงกับคู่แข่งคนนี้ ด้วยแต้มนี้ หรือจังหวะหลอกช่วงปลายกระดานหรือไรก็ตาม แล้วได้ผล..ทั้งๆที่มือนี้ก็เขี้ยวสุดๆ ทำไมลากมาตายน้ำตื้นได้..ต้องวิเคราะห์เป็นครับ ไม่ใช่ท่องว่าผิดล็อคผิดสูตรแล้วแพ้ชนะกัน
ที่เคยแข่งขันมา ผมว่าตอนเจอหนุ่มเทพฯนี่สนุกดี มีหลายอย่างให้ต้องพูดถึง..ตอนเจอครั้งแรกที่สวนรถไฟ นึกว่าหมู อิอิ พอเจอแต้มประหลาดจากล็อคห้าแต้ม ฉีกตำรา อ.เรืองชัย..ผมสะดุ้งกลางกระดานเลย รู้แล้วว่าตัวประหลาดที่งัดมาเดินเนี่ย เตรียมการบ้านมาแน่นอน..ผมเสียเวลาคิดกลางกระดานเกินสิบนาที คิดไม่ออกจริงๆ จนกระทั่งพอเห็นทางเสมอก็เลือก แต่เวลาก็จวนเจียนจะหมดไปเรื่อยๆ แล้วพอถึงปลายกระดาน กระจายได้อีกหลายทาง เป็นรองอยู่ด้วย คิดไม่ทันจริงๆ สุดท้ายเลือกผิดเลยแพ้ (ผมยังคิดมาตลอดว่า ถ้าผมไม่เสียเวลาไปนานกว่าสิบนาทีนั่น ปลายที่ว่า ผมน่าจะแก้เสมอได้ทัน) แล้วพอโดนนำ ผมก็ตีคืนได้ในกระดานถัดไป แต่กระดานสุดท้ายผมก็เดินปลายผิดอีก เห็นแล้วล่ะว่า แพ้แน่ แต่หนุ่มเทพฯเดินกล้าๆกลัวๆปล่อยโอกาสทองให้หลุดไป ผมนี่ถอนหายใจโล่งอกเลย แบบไม่รู้จักมาก่อนจริงๆว่าฝีมือระดับไหน ยังไง ถ้าแพ้นอนไม่หลับแน่ เหอๆ
อีกครั้งที่ราชบุรี ดีว่าผมนำได้ก่อน 2 กระดาน ทำให้เล่นง่าย แต่ก็ยังมีเสียวครับ ยิ่งกระดานที่หนุ่มเทพเอาสะเก็ดดาวมาเดินใส่ผม อัฐยายซื้อหนมยาย ผมนี่คิดหนักเลย..รู้ล่ะว่าหมากเสมอ ผมถอดมา แต่ไม่ละเอียด อาจรั่ว..พอเดินไปถึงปลายๆ ถ้าเลือกไม่ดีผมโดนกินสามต่อซะอีก หุหุ แต่เห็น(ไม่ได้ถอด) เกมนี้ตัดเสมอมาได้หวาดเสียว ต้องยกนิ้วให้ เดินดีกว่าต้นตำรับ อิอิ
ก็มีอีกหลายคนครับ กับช่วงเวลาประทับใจต่างๆ ..แต่หนุ่มเทพฯทำเสียวให้ต้องจำเป็นคนแรก อิอิ
พอกลับมาทบทวนแต้มดู รู้สึกว่าผมจะเดินผิดเอง คือแทนที่จะเข้าฮอสกินสองทาง กลับไม่เข้า ไปเดินเบี้ยตัวนึงกางออกมาก่อน คือบางทีแข่งขันอยู่ประสาทมันหลอน คิดผิด ก็สงสัยๆอยู่ว่า สมัยที่ผมถอดแต้มนี้ (ช่วงยังเรียนราม) พอถึงจังหวะเหลือสี่ตัว แล้วฝ่ายเดินหลังไล่กิน..ไม่รู้ทำไมผมเลือกปล่อยให้กินไปเลย แล้ววิ่งไปเข้าฮอสกินคืน..คือนิสัยชอบถอดไรแบบลวกๆแล้วไม่จด สุดท้ายแล้วก็จำเหตุผลไม่ได้..พอเวลาแข่งขัน กลับฝั่งกันเล่น ทีงี้ล่ะงง อิอิ มีจังหวะกินรุกฆาตสองทาง กลับอ่านลวกๆมองว่าเสมอหรือไรอีก เลยเลือกเดินเบี้ยอีกตัวออกมา ล็อคก็เลยไปในทางแปลกๆที่ไม่คุ้น เค้าผิดมา เราก็ผิดไป ซะงั้น
คือถ้าพูดถึงโจรตั๊ง โจรอาจารย์สืบ พวกไรเก่าๆนั่น พวกนี้ผมยอมรับว่า ตั้งแต่หัดเล่นหมากฮอสก็มีเห็นมีตำราวางขายหรือคนพูดถึงแล้ว แต่พอไปพูดถึงโจรเวสป้า อะไรเนี่ย ผมอ่านไปขำไป ทรงพวกนั้นผมเปิดมาตั้งแต่สมัยอยู่ราม เอาไปเล่นกับวสันต์ ทนายบางพลี ใครต่อใครมาเป็นร้อยๆกระดาน ...เล่นแบบยั่วล่อเป้านะครับ..คือผมคิดว่าตำราเล่มไหนๆก็ไม่มี ทรงหมากก็ทุเรศเกิน ไม่ตายก็โคม่า แต่คิดว่าคงแพ้แหละ (ไม่อยากเชื่อว่าจะเสมอได้) วันดีคืนดีไปถามซือแป๋เรืองชัย ซือแป๋ก็ไปถอด แล้วกลับมาบอกว่าเสมอกัน ไม่ชนะ..แต่ซือแป๋ก็ไม่สามารถโชว์ได้ว่า ฝ่ายไหนมีจุดเด่นยังไงบ้าง แค่บอกว่าเสมอ แล้วทำเสมอให้ดูแค่จุดสองจุด..ผมก็มาเดาภายหลังว่า ซือแป๋คงหาวิธีชนะไม่เจอ แต่คงไม่ถึงกับเห็นจุดพิศดารต่างๆแบบที่คอมเห็น ถ้าซือแป๋เห็นว่ามีไรดีเยอะๆ ก็จะบอกให้ผมเอาไปเล่นแล้ว..คล้ายว่าซือแป๋ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับแต้มนี้ซักเท่าไหร่ คือมองว่าหมากมันทุเรศ ว่างั้นเหอะ ตีไม่ตายก็ช่างกัน ไม่คิดว่าจะมีดีหลายจุด..มาตอนหลังมีคนเรียกโจรเวสป้าหรือไร ผมก็งง..ผมเล่นมาตั้งแต่ 2528 ประมาณแล้วนั่นน่ะ? กลายเป็นโจรเวสป้า?..ไม่ตรงข้อเท็จจริง..สมัยที่เล่นเนต ผมก็เล่นส่งเดชไปบ่อย เพราะคิดว่าเป็นแต้มใช้ไม่ได้ เอาไปแข่งขันไม่ได้ ก็เอามาเดินยั่วคนเล่น..สุดท้ายกลายเป็นหมากใช้ได้..ผมถึงบอกว่า อยากรู้ประวัติหมากจริงๆ ต้องสัมภาษณ์หลายๆคน แล้วคนตอบต้องตอบแบบตรงไปตรงมา รำลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆนะ ว่าแต้มนี้เคยเจอมาจากที่ไหน หรือคิดเองล้วนๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)