วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

คลิปกรุงเทพมาราธอน 2015

https://www.youtube.com/watch?v=SuSxDf_WF7A

ความยาวเกือบ 14 นาที แต่รับรองดูเพลินครับ เทคนิคการถ่ายทำนำเสนอ ภาพสวยทุกช็อตครับ ทั้งโดรนทั้งภาคพื้นดิน ยิ่งเห็นคนมากมายมหาศาลวิ่งเต็มสองฝากสะพานพระปิ่นเกล้า ใครไม่เคยเห็น เห็นแล้วจะทึ่ง

ทายสิว่า คนเหมือนมด ผมหาตัวผมเจอไหม? เจอครับ แต่เที่ยวนี้เห็นแค่หัวนิดเดียว ไม่เห็นตัว ผมก็เลือกยืนตำแหน่งเดิมๆ ยืนอยู่หลัง staff ไป 4-5 แถว อยู่ติดรั้วตรงที่ศรชี้ครับ








 ภาพนี้หลังจากปล่อยตัวไปไม่กี่สิบวินาที จากเฟสบุ้คที่เห็นในภาพครับ


วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง


กรุงเทพมาราธอนปีนี้ ถึงเส้นชัยแบบพิกลพิการ เหตุเพราะตลอดปีที่ผ่านมา ผมแทบไม่ได้ซ้อมวิ่งไกลเลย มีซ้อม 21k ครั้งเดียวตอนกลางปี และมาซ้อม 30k ก่อนวันแข่งขัน 1 สัปดาห์ แค่นี้เองครับ... ต่างจากปีที่แล้ว ซ้อมไล่ตั้งแต่ 26k ไปถึง 42k มีซ้อมไกลเป็นสิบครั้ง..ทำให้ขามีไกลโคเจนสะสมไม่เพียงพอ วิ่งครั้งนี้จึงโดนชุดใหญ่..และก็กังวลว่ารองเท้าคู่เดียวอาจไปไม่รอด ผมก็แบกเป้ใส่รองเท้าแตะ กระบอกน้ำไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ใช้รองเท้าแตะทั้งสองปี กลายเป็นว่าแบกให้ตัว วิ่งก็ไม่ถนัด อืดด้วย และทำให้บาดเจ็บง่าย...อากาศวันนี้ก็ยอดแย่ ตั้งแต่ตีสองยันรุ่งเช้า หาลมไม่เจอ นิ่งสนิท แทนที่ตัวจะเย็นสบายหลังจากเหงื่อออก กลายเป็นตัวร้อนตลอดทางเหมือนคนมีไข้ เพลียมาก...ขนาดตลอดทางกินเกลือแร่ที่พกไปเอง 3 ซอง กลูโคส 2 ช้อนโต๊ะ แล้วก็ดื่มเกลือแร่ที่ทางงานจัดไว้ให้ไปอีก 2 ขวดกับที่เป็นถ้วยอีก 3-4 ถ้วย ดื่มน้ำเปล่าไปอีกมากมาย กล้วยหอมเต็มลูก ยังโดนตะคริวเล่นงานตอนวิ่ง ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นตะคริวตอนวิ่งมาก่อนเลย
เริ่มจาก กม. 18 ขาซ้ายด้านนอก ใกล้ๆโคนน่องก็ปวดเกร็ง และปวดไม่หาย... ผ่าน 30 กม. ทำเวลาเกือบ 4 ชม.(แต่ยังเร็วกว่าปีที่แล้วประมาณ 10 นาทีได้) กำลังคิดว่าปีนี้น่าจะทำสถิติดีกว่าแน่ พอวิ่งไปอีกหน่อยชักได้เรื่อง ต้นขาขวาด้านหน้าชักออกอาการ พอถึง กม.ที่ 34 ตะคริวกินต้นขาเลย นั่งนวดครีมไป แล้วก็ต้องเดินให้มันคลายๆลงหน่อย ค่อยสลับวิ่ง พอพิการทั้งสองขา เริ่มถอดใจละ ถ้าฝืนจะทำเวลา เดี๋ยวโดนอีกแน่ เวลาไม่ค่อยดีก็ช่างมัน เอาให้รอดก่อน แล้วต้นขาซ้ายก็เริ่มเป็นเหมือนขาขวา แต่เจ็บเบากว่า ยังไม่ถึงขั้นตะคริวกิน สุดท้ายทำเวลา 5:41 ชม. ช้ากว่าปีที่แล้ว 19 นาที (5:22 ชม.) เสร็จจากงานแล้วผมแทบเดินออกจากงานไม่ไหว ดีกว่ามีเปิดการจราจรแล้วอยู่ตรงท้ายวังข้างสวนสราญรมย์ ผมก็นั่งคอยรถเมล์อยู่แถวนั้น คอยนานหลายสิบนาที ก็นั่งพักไปในตัว แล้วก็ไปต่อ BTS ต่อรถเมล์อีก จนถึงบ้าน ขนาดลงจากบันไดสถานี BTS ยังต้องค่อยๆเดินลงมาแบบทรมานสุดๆ กรดแลคติกเล่นงานขาสองข้างจนระบมไปหมด เหมือนคนเพิ่งหัดวิ่ง..ไม่ซ้อมไกล ก็เป็นฉะนี้แล ต้องมานับหนึ่งใหม่
งานนี้เจอสารพัดอาการยกชุด ตะคริวกินท้องก็อีก ก้มตัวปุ๊บ เกร็งขึ้นมาทันที ต้องรีบยืด ก้มสามรอบก็หดเกร็งสามรอบ แต่แค่เบาะๆ รีบยืดก็ยังไม่ค้าง
ตอนนี้ผ่านไปครึ่งวัน คืนสภาพมาแล้ว 50% ประมาณ 2 วันก็กลับไปวิ่งต่อได้ ผมวิ่งมาเยอะ ฟื้นตัวไว..แต่ถ้ามีซ้อมยาวบ่อยๆด้วย ขาจะไม่ปวดแบบนี้เลย
งานนี้ได้อันดับ 1833/4309 (ตัวเลขยังไม่นิ่งซะทีเดียว มักมีแก้ไข ทักท้วงผล แต่ก็ขยับขึ้นลงไม่มาก) ในช่วง 34 กม.แรก อันดับอยู่ที่ 2028 แต่พอเหลือ 8k สุดท้าย ผมก็ขาลากย่ำแย่แล้ว อันดับกลับดีขึ้นมาร้อยกว่าอันดับ แปลว่าคนที่เจอนรก กม.ที่ 30 35 อะไรเนี่ย ยังมีอีกเยอะ ...คิดดูว่า เที่ยวนี้ 12K สุดท้าย ผมใช้เวลาประมาณ 1:40-1:45 ชม. (ซึ่งถ้าเป็นการวิ่งระยะมินิ 12k เวลาของผมจะอยู่ประมาณก่อน 1:15 ชม.) ฝีเท้าหลุดไป pace8เลย(เพราะเป็นการวิ่งสลับเดิน ถ้าวิ่งล้วนๆสำหรับผมไม่หลุดจาก pace6 ช้าสุดแบบหมดแรง โดยที่ไม่บาดเจ็บ ก็ 7 ต้นๆ)
เสื้อ finisher ปีนี้ ด้านหน้าไม่ค่อยสวย มีลวดลายหยดน้ำอะไรต่อมิไร บังโลโก้นักวิ่งจนลายเส้นขาดๆโหว่ๆ การเลือกสีตัวอักษรก็ไม่เด่น ไม่ตัดสี ผมชอบฟ้อนท์แบบอักษรแยกเดี่ยว..ฟ้อนท์แบบเขียนติดกันไม่ชินตา อ่านยาก โดยเฉพาะตัว F




นั่งแข่งหมากฮอส 2 วันเต็มๆ นั่งสบายเกินไป ต้องเปลี่ยนมาวิ่ง 5 ชม.กว่า ให้ขาเป๋ขาลาก ถึงจะสะใจ 55

ผมดูสถิติเปรียบเทียบของตัวเอง ปีนี้กับปีที่แล้ว จริงๆแล้วปีนี้ผมวิ่งช้ากว่าปีที่แล้วตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ผมเข้าใจผิดว่าช่วงแรกวิ่งเร็วขึ้น เพราะผมไม่มีนาฬิกาจับเวลา แค่หยิบมือถือมามองหน้าจอเป็นพักๆ แล้วเวลาที่หน้าจอก็ผิดไปหลายนาที จำระยะทาง จำสถิติเก่า(เวลาตามช่วงระยะทาง)ผิดหลายอย่าง ทำให้อู้บ่อย จึงใช้เวลาเปลืองมากขึ้นๆ..แต่การจำผิดนี่ก็เป็นผลดี เพราะปีนี้ การอ่อนซ้อมไกล ทำให้ขาอ่อนยางแตกง่าย ขนาดถึงเส้นชัยช้าลง 19 นาทีเศษ ขายังหมดสภาพจนแทบกลับบ้านไม่ไหว แต่ตามที่เคยบอก ขาผมฟื้นไว ..ตั้งแต่วิ่งเสร็จกลับมา ผมก็ไม่ได้ทาครีม ไม่ได้ประคบน้ำแข็ง(ยิ่งข้อนี้ไม่เคยทำเลย ไม่คิดจะทำด้วย ขี้เกียจหาซื้อน้ำแข็ง 55) ปล่อยไปตามธรรมชาติ วันอังคารตอนเย็น ผมก็ออกไปลองวิ่ง 5 กม.กว่า ก็ไม่มีปัญหาไร แค่รู้สึกต้นขาสองข้างยังเกร็งๆมีตึงๆเล็กน้อย ถ้าวิ่งมากไปอาจเจ็บขึ้นมาใหม่ แบบว่าฟื้นมา 90% up แล้ว วันรุ่งขึ้นก็สนิท 100% ละ
ภาพงานวิ่งปีนี้ เทียบกับปีที่แล้ว ปีที่แล้วได้ภาพเยอะกว่า เสื้อสีดำคาดฟ้า ปีที่แล้วใส่แล้วดูดีกว่า ครั้นจะหยิบมาใส่ซ้ำสองปี ก็กระไรอยู่ เดี๋ยวงงว่าปีไหนเป็นปีไหน จึงต้องใส่เสื้อตัวอื่น ซึ่งเสื้อที่ผมเลือกปีนี้ เลือกเพราะว่า แบกเป้จะใส่เสื้อกล้ามไม่ได้ มันจะสีกับเนื้อ (แต่เสื้อกล้ามระบายเหงื่อดี ไม่ร้อน) จึงต้องทนร้อนเลือกเสื้อกึ่ง T-shirt คือเสื้อไม่มีแขน รู้สึกจะเรียกว่า sleeve มั้ง...โชคไม่ดีที่สองปีมีปัญหาเล็บช้ำ จึงไม่กล้าเสี่ยงไปวิ่งโดยไม่มีรองเท้าแตะสำรอง เลยต้องแบกเป้ไป(แต่เป้ปีนี้หนักกว่าปีที่แล้ว) ถ้าได้วิ่งตัวเปล่าตลอดทาง และมี power gel หรือ power bar แบบที่นักวิ่งอื่นใช้กัน (แท่งนึงกัด 3 คำ กัดคำนึงก็วิ่งไปได้หลายโล) เวลาน่าจะดีขึ้นหลายสิบนาที ผมต้องเสียเวลาหยุดชงกลูโคสเกลือแร่ใส่กระบอกน้ำเขย่าเป็นระยะๆ...การเข้าเส้นชัยภายในเวลาที่กำหนด ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วครับ เรื่องสถิติเป็นการแข่งขันกับตนเองและผู้อื่น มีโอกาสก็จะพยายามลบสถิติ ทำสถิติใหม่ขึ้นมาทีละอย่าง
ภาพประกอบจากเว็บไซด์ของชมรมวิ่งบางขุนเทียนทั้ง 4 ภาพครับ

=======================================

นักวิ่งที่หิ้วรองเท้าวิ่งตามผมมา คงไม่ใช่นักวิ่งเท้าเปล่าครับ ถ้าเป็นนักวิ่งเท้าเปล่าคงจะใส่รองเท้าสำหรับวิ่งเท้าเปล่า และไม่ต้องหิ้วรองเท้ามาไกลขนาดนี้ คาดว่าวิ่งแล้วมีอาการเจ็บเพราะรองเท้าครับ จึงต้องถอดออก แต่ผมวิ่งเท้าเปล่าไม่ได้ครับ เท้าบาง จึงต้องแบกรองเท้าสำรองไป การเลือกรองเท้าดีๆซักคู่ ที่จะใส่วิ่งได้ถึง 42K โดยที่ไม่กระทบเล็บเลย ไม่ใช่เรื่องง่าย ขนาดผมซื้อแฝดมาเลย ซื้อรุ่นเดียวกันมาสองคู่ ผลคือ คู่นี้(ที่ใส่วิ่งแข่ง) ผ่านมาราธอนสนามจริงมาได้ 2 ครั้ง ซ้อมอีก 2 ครั้ง...แต่อีกคู่ กลับไม่สามารถวิ่งเกิน 30K ได้เลยซักครั้ง เพราะการตัดเย็บต่างกัน คู่หลังนี่จะทำให้เล็บนิ้วโป้งและนิ้วกลางของผมเสียอย่างน้อย 2 เล็บ และทำเล็บอื่นเสียอีกหลายเล็บ (เบากว่าหน่อย) ผมจึงต้องอาศัยรองเท้าคู่เก่งคู่เดียวลงสนาม แล้วพกรองเท้าสำรอง เพราะเหตุนี้
===================================
นี่ขนาดว่าเช็ครองเท้าแล้วนะครับ ถ้าไม่เช็คให้ดี หยิบไปลงสนามก็เวรกรรมเลย...แต่มันเช็คยาก เพราะนานๆครั้งจึงจะวิ่งยาวๆขนาดนั้นได้ ไม่ใช่ว่าจะวิ่งได้บ่อยๆซะเมื่อไหร่ ...แล้วเพราะอะไรเล็บจึงมักมีปัญหากับนักวิ่งที่วิ่งมาราธอน แต่บางคนกลับไม่เป็นปัญหา.. ผมคิดจนได้คำตอบแล้วครับ เพราะการวิ่งขึ้นอยู่กับว่าก้าวเท้าได้สั้นหรือยาว ระดับแนวหน้าจะก้าวเท้าได้ยาวกว่าแนวกลางและแนวหลัง 2-3 เท่า รวมทั้งความเร็วด้วย ..ถ้าวิ่ง 42K คนที่ก้าวได้ครั้งละ 1 เมตร ก็ต้องก้าวเท้าถึง 42,000 กว่าครั้ง แต่นักวิ่งที่ก้าวยาวกว่าครึ่งนึง ก็ก้าวแค่ 21,000 กว่าครั้ง แรงกระแทกซ้ำๆกับพื้นและจากรองเท้าที่กดซ้ำ ก็น้อยกว่ากันครึ่งต่อครึ่งละ...นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผมวิ่ง 21k จะใส่รองเท้าคู่ไหนๆ ก็ยังรอด แต่ใส่เกินกว่านั้นมักจะไม่รอด เพราะปัญหามันเกิดจากก้าวที่ 2 หมื่นกว่า  3 หมื่นกว่า เท้ากับเล็บโดนกระแทกซ้ำๆจนกระทั่งทนไม่ไหวไปเอง









วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

รับเสื้อกับเบอร์มาแล้วครับ ถึงจะป่วยก็ไม่มีเกียร์ถอย

ชีวิตคือการแข่งขัน แข่งแพ้หรือชนะก็ต้องแข่ง แม้จะสภาพไม่สมบูรณ์ เจ็บป่วย ขาดความมั่นใจ ก็ต้องลองดู แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมชาติ ..คนที่รู้จักผมดี ก็ย่อมรู้ว่าผมประเภทไม่กลัวคำว่าแพ้-ชนะ...แต่จะแพ้หรือชนะ ผมก็ต้องมีการซ้อม มีการเตรียมตัวมากพอสมควร ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญครับ จะไปแข่งอะไร มีความหวังแค่ไหนยังไง ก็ต้องซ้อมบ้างครับ อย่าประมาท ถ้าฝีมือเก่งเกินหรืออยู่ตัว แม้จะไม่ซ้อมก็อาจจะประสบความสำเร็จได้..แต่ระดับทั่วๆไป การไม่ซ้อมเนี่ย ทำให้ผลงานแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ยังไงก็ต้องซ้อมบ้างครับ จะกีฬาประเภทไหนๆก็ตาม


ไม่ขออะไรมากครับ ขอแค่มีสาวๆใส่ชุดฟางเต้นระบำชาวเกาะไปตลอดทาง เดี๋ยวผมก็มีแรงฮึดสู้ขึ้นมาเอง เหมือนผีที่ไม่ยอมลงหลุม อิอิอิ

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

วิ่งผ่าน 50 วันแล้วครับ (the end)

วิ่งต่อเนื่องตั้งแต่ 25 กรกฎา ถึงวันนี้ก็ 50 วันพอดี วิ่งได้ 440K เฉลี่ยแล้วตกวันละ 8.80K
ตัวเลข 50 วันที่ผ่านมา
9-10-10-10-10-9-10
9-10-9-11-8-8-8
11-8-11-10-7-10-7
10-10-8-8-8-8-7
10-10-7-10-10-8-7
6-7-5-9-8-8-5
10-8-8-10-5-15-10
10


50 วันแทบไม่มีอาการอะไรเลย ชินซะแล้ว จะมีก็แค่รู้สึกว่ากำลังขามีเพียง 80%(เหมือนแบตที่ชาร์จไม่เต็ม) คือเวลาวิ่งไปถึงรอบท้ายๆแล้วรู้สึกขาอ่อนไปนิด กับเวลาวิ่งขึ้นบันไดทีละ 2 ก้าว ก็เนือยลงนิดๆ (เทียบแล้วดีกว่าครั้งก่อนที่วิ่งต่อเนื่อง 33 วัน เฉลี่ย 8.67K)
พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็พักไปเดินเที่ยวซะหน่อย จบสถิติของตัวเองไว้แค่นี้พอ ขี้เกียจไปต่อถึง 60 วัน ช่วงนี้ฝนเริ่มถี่ขึ้น ถ้าลุยอีก 10 วัน ต้องตากฝนหนักหลายวันแน่นอน ขี้เกียจทรมานตัวเองเกิน
ที่วิ่งนี่ก็ต้องการเรียนรู้ ตัวผมนี่อวัยวะภายในเละเทะหมดแล้ว ทั้งตับไตไส้พุง จะเหลือดีก็ตรงปอดกับหัวใจแค่นี้เอง...ก็ยังถ่อสังขาร ทำมาถึงขนาดนี้ได้..คนที่สุขภาพดีๆ ถ้าตั้งใจจะทำ ทำได้ดีกว่านี้หลายเท่าครับ
====================================
ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว วิ่งต่ำกว่า 10K ตลอดสัปดาห์เพราะท้องไส้กวน วิ่งไปปวดอึไป เลยไม่กล้าวิ่งมาก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับขา
ส่วนวันที่ 47 ของการวิ่ง เจอแดดส่องเต็มๆ ทนร้อนไม่ไหว ถึงกับหยุดนั่งพักหลบแดดไปถึงสองรอบ แต่อากาศก็ยังแย่เหมือนเดิม เลยเซ็งสุดขีด วิ่ง 5K แล้วก็เลิกเลย...พอวันรุ่งขึ้นฝนปรอยๆ เมฆหนาไร้แดด ลมเย็นสบาย ก็เลยวิ่งยาวหน่อย 15K ชดเชยที่วันวานยกธงหนีก่อน  
===========================================
  ปีที่แล้ว เล็บหลุดไป 3 เล็บ...เพราะซ้อมวิ่งไกลบ่อย (บางครั้งเลือกถุงเท้ากับรองเท้าไม่ดี) พอเล็บเริ่มเจ็บก็ยังฝืน เล็บเลยพังแล้วพังอีก...ปีนี้วิ่งไกลน้อยมาก สาเหตุจากเอลนิญโญ่ มีแต่ร้อนกับแล้งมา 3 ปี หาฝนตกปรอยๆหรือเมฆหนาบังแดดตลอดวันแทบไม่มีเลย ทำให้หมดอารมณ์จะซ้อมไกล เพราะผมซ้อมวิ่งตอนบ่ายถึงเย็น..อีกทั้งก็เคยลงสนามทุกระยะทางมาแล้ว แรงบันดาลใจหายหมด..ก็เลยวิ่งคลายเครียดไปวันๆ ไม่เอาเป็นเอาตายแบบปีที่ผ่านมา วิ่งแล้วเล็บสวยทุกเล็บ ไม่มีช้ำเลือดให้เห็นเลย ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องเสียเล็บบ่อยๆ

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

วิ่งผ่าน 40 วันแล้วครับ

วิ่งต่อเนื่องตั้งแต่ 25 กรกฎา ถึงวันนี้ก็ 40 วันแล้ว วิ่งได้ 351K เฉลี่ยแล้วตกวันละ 8.78K
เย็นวานนี้ ลงรถปุ๊บ ฝนก็เทต้อนรับเลย ค่อนข้างแรงซะด้วย ฝนตกไม่หยุดเลย เป็นครั้งแรกที่วิ่งตากฝนนานถึง 1 ชม.เต็มๆ..น้ำท่วมขังบางช่วง พอถึงช่วงที่น้ำท่วม ย่ำเท้าแต่ละทีนี่น้ำกระจายเลย เหมือนวิ่งวิบาก อิอิ
มาถึง 40 วันได้ ก็คงไป 50 วันไหว ฝนเทปานกลางยังพอทนไหว ถ้าฝนหนักมากวิ่งไม่ได้ พวกป้ายเหล็ก ต้นไม้ ยังล้มระเนระนาด
พักอัพเดทซักช่วงครับ เดี๋ยวจะเคลียร์พวกเรื่องจับฉ่ายออกบ้าง

ตัวเลข 40 วันที่ผ่านมา
9-10-10-10-10-9-10
9-10-9-11-8-8-8
11-8-11-10-7-10-7
10-10-8-8-8-8-7
10-10-7-10-10-8-7
6-7-5-9-8

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์ตารางสวิส 6 รอบ(เพื่อนำ 8 เซียนไปน็อคเอ้าท์)






จากตารางผลสวิส 6 รอบ...ผมเก็บตัวเลขจากตารางมาเปรียบเทียบให้ดูว่า..อันดับ 1-3 นั้น คะแนนลอยลำไปแล้ว..อันดับ 4-12 ต้องวัดกันด้วยไทเบรค..ซึ่งมันยาวเกินไป เพราะเพิ่งแข่งเพียง 6 รอบ เหมือนหุงข้าว ต้มไก่ ครึ่งสุกครึ่งดิบก็เอามากินก่อน..หุงต่อไปอีกนิด มันกำลังใกล้สุก ก็เลิกก่อน กินแล้วก็อาจจะท้องเสียหรือย่อยยาก
แล้วพอวัดไทเบรค จากภาพจะเห็นว่า ถ้าใช้ buch ..สิงห์ม่วนซื่นควรเข้าที่ 5 ..แทรกมาแทนเซียนโอ๋..แต่เซียนดำไงก็ตกรอบชัวร์ สรุปว่าดวงจู๋จริง ..แต่ถ้ามีรอบ 7-8 เหมือนระบบเดิมที่แข่งกันมา ก็ยังไม่แน่ว่าเซียนดำอาจจะฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่ได้..แต่รอบน้อย มันจบไว หมดสิทธิ์แก้ตัว
ในความเป็นจริงแล้ว ต้องยอมรับว่า เราฉลาดล้ำเกินฝรั่งต้นตำหรับไปหลายทศวรรษเลยทีเดียว ฝรั่งเห็นยังต้องอึ้ง ไหงตูคิดไม่ออก..มีที่ไหนแข่งระบบสวิส ..แต่คนกลุ่มหนึ่งเข้าไปอยู่ใน 8 เซียน อันดับไม่ร่วงไปกว่านั้นอีก..แต่กลุ่มล่างไปสวิสแพริ่งต่ออีกสามรอบ จนอันดับเละเทะกระจัดกระจาย (ไม่ทำแบบกลุ่มบน) เช่น สิงห์ม่วนซื่น ซึ่งถ้าดูจากตารางปีนี้ ควรเข้าอันดับ 5 ..แต่ในชั้นต้นกลับหลุดไปอยู่อันดับ 12(กลายเป็นบ๊วยสุดในกลุ่ม) แล้วพอจัดอันดับใหม่ หลุดไปแถวๆอันดับ 30 โน่น แบบนี้เว่อร์ไปไหม? ระบบมันเป็นพันธุ์ผสมแบบไหน? มาตรฐานสากล หรือคิดเองว่าดีที่สุดในโลกแล้ว เลยคิดมาแบบนี้... เห็นแล้วมึนจริงๆครับ
==============================================
อุตส่าห์จะให้จิ้มไม่ผิดหรือทำภาพผิด ก็ยังมีผิดนิดหน่อยจนได้ เพราะแว่นตามันห่วย อิอิ แก่เลี้ยว ไม่เพียงใส่แว่นตา ยังต้องกดซูมอ่านบ่อยครั้ง พอไม่ซูมก็เซ่อ ..ตารางผิดเล็กน้อยตรงอันดับที่ควรจะเป็นของตายาวกับหมวกแดงครับ สลับกัน แต่ตรงนี้ไม่ค่อยสำคัญ ต่างกันแค่หนึ่งตำแหน่ง...ที่สำคัญคือ สิงห์ม่วนซื่นกับเซียนโอ๋ครับ คนนึงหลุด คนนึงเข้า
======================
โอ้ย สายตาแย่จริงๆ ขนาดทำภาพถูกแล้ว แต่พอมองซ้ำ ตาลายมองผิดช่องถึงสองครั้ง นึกว่าผิด ดันมองไปช่องเฮียใช้...เป็นว่าภาพนี้ถูกแล้วนะครับ(ตอนทำก็เช็คแล้วเช็คอีก) บอกแล้วว่าสายตาเริ่มแย่ ต้องใส่แว่นสายตายาว 250 แระ แต่ซื้อแว่นอันละ 40 บาทมาใส่(ถ้าซื้อยกโหลก็อันละ 20 บาท..555) 
==========================================
ทราบมาว่า หมวกแดงได้บายรอบแรก ซึ่งตรงนี้ก็ผิดอีก..ระบบสวิส รายการระดับชิงแชมป์หรือที่ไหนๆ ที่เขาเข้าใจระบบ เค้าจะไม่ยอมให้มีตัวบาย มนุษย์ล่องหนเกิดขึ้นเลย..ถ้าใครลงชื่อสมัครไว้ แล้วเช็กชื่อก่อนแข่ง ยังไม่มา..เค้าจะตัดชื่อออกทันที..เหมือนเช็กอินขึ้นเครื่องบิน มาสายตัดสิทธิ์เลย เพื่อไม่ให้สร้างปัญหากับระบบ..จะมีก็แค่เศษเลขคี่ เช่นแข่ง 99 คน ก็จะมีเศษ มีเพียงคนเดียวที่ไร้คู่..แล้วคนที่จะได้บาย โปรแกรมจะจัดให้ตรงกลางตารางเป๊ะ คือมือวางลำดับที่ 50 จะได้บาย( เพราะไม่มีคนที่ 100)...ข้อห้ามในระบบสวิสมีหลายข้อ ที่ห้ามเด็ดขาด..ห้ามประกบคู่มือระดับหัวแถวไปได้บายในรอบแรกด้วย...เพราะการได้บาย คนนั้นก็ได้สกอร์ 1 แต้มฟรีมาก่อน แต่ไทเบรคจะแย่..แต่แต้มสำคัญกว่าไทเบรค..ถ้าเกิบรอบแรก มือเต็งจ๋าทั้งหลาย บางคนไปเสมอมา คราวนี้คนนั้นก็ซวยไป...แต่ถ้าเต็งจ๋าชนะได้หมด คนที่ได้บายจะซวยแทน มันมีผลเสียสองด้าน เค้าถึงวางระบบไม่ให้ได้บาย เช็กชื่อรอบแรก ใครมามา ต้องตัดทิ้งให้หมด เหลือไว้ไม่ได้..ระบบคิดคะแนน อย่าลืมว่า เวลานับคะแนนเอาคนเข้ารอบน่ะ ..ไทเบรค เฉือนกันแค่ 0.25  แต้ม 0.5 แต้ม บางทีต้องนับไทเบรคไป 2-3 ตัว แค่คิดคะแนนหรือทำไรผิดนิดเดียว ผลก็เปลี่ยนไปแล้ว...ยิ่งมีได้บาย ผิดกฎกติกาฝรั่ง อะไรหลายๆอย่าง คะแนนมันไม่ได้ผิดแค่ 0.25 แต่มันผิดไปหลายคะแนนเลย เพราะตรงนี้ก็ผิดที ตรงนั้นก็ผิดที พอแข่งไปหลายๆรอบ มันสะสมต่อเนื่องกันไป แล้วคะแนนก็ออกมาซี้ซั้ว
===========================================
เชื่อผมเถอะว่า ถ้ายังจัดแบบนี้ต่อไป อีกไม่เกิน 2 ครั้ง จะยิ่งเห็นอะไรๆที่แปลกตาและน่าตกใจ โผล่มาเรื่อยๆ จนไม่สามารถจะเปรียบเทียบผลงานโดยรวมได้ อาจจะได้แค่อันดับหัวๆกลุ่มเดียว...ถ้าไม่เชื่อก็ดูกันต่อไปครับ ปีหน้าก็คงทำแบบนี้อีก บางคนจะตกรอบจนชินไปเอง   

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความขัดแย้งในตัวไทเบรค berger...ซึ่งมันสู้ buchholz ไม่ได้เลยแม้แต่นิด (แก้ไขที่พิมพ์ผิดพลาด)

ผมเคยพูดเป็นสิบครั้งแล้วว่า buchholz เป็นแม่...berger เป็นแค่ลูก...ไทเบรคดีที่สุดคือ buch.
มีตัวอย่างที่จะเห็นภาพชัดที่สุดคือ
ถ้าสมมุติว่าคนสามคน คือ นาย ก. ข. และ ค. ทั้งสามคนเคยเจอคู่แข่งคนเดียวกันมา ในรายการสมมุติตามโจทย์นี้...ทั้งสามคนเคยเจอกับ "เซียนใหญ่"(มือระดับ 5 แต้ม) และ "หมูจิ๋ว"(มือระดับ 2 แต้ม) ผลเป็นดังนี้
นาย ก. ชนะ เซียนใหญ่ แต่ดันไปแพ้หมูจิ๋ว (เซียนใหญ่ฉีกมาจึงแพ้?หรือฉีกใส่เซียน?... ฉีกใส่หมูจึงแพ้?หรือหมูคลั่งกันมา?)
นาย ข. ชนะ หมูจิ๋ว แต่แพ้เซียนใหญ่ (ชนะหมูแบบนิ่มๆ..เจอเซียนก็แพ้นิ่มๆ)
นาย ค. เสมอทั้งเซียนใหญ่และหมูจิ๋ว (ทั้งเซียนทั้งหมู เห็นแล้วปอด เลยเดินระวังจนเสมอ)
ถามว่าสามคนนี้ ใครเก่งกว่ากัน? ใครจะตอบได้ล่ะ? ดูแล้วก็ครึ่งผีครึ่งคนเหมือนกัน คะแนนควรจะเท่ากัน

ถ้าให้คะแนนตาม buch ทั้งสามคน จะได้ buch ไป คนละ 7 แต้ม(จากสองมือนี้) ซึ่งคือเท่ากัน สมเหตุสมผลในชั้นแรก
ถ้าให้คะแนนตาม berger(แก้ไขใหม่ จากเดิมที่เบลอใส่เลขผิด)
นาย ก. จะได้  5 แต้ม
นาย ข. จะได้ 2 แต้ม
นาย ค. จะได้ 3.5 แต้ม
คะแนนหลอกตา จนดูเหมือนว่า ฝีมือแตกต่างกันเยอะ แข็งอ่อนกว่ากันเยอะ ...แต่ในความเป็นจริง "สกอร์"ของ 3 คนนี้(สมมุติว่าคิดจากคู่แข่ง 6 รอบ แต่มีเจอคูแข่งเหมือนกันมา) สกอร์ทุกคนก็ได้จากจุดนี้ 1 คะแนนเท่ากัน....buchได้ 7 เท่ากัน...แต่ berger มันเฮงซวย มันชี้บอกไปคนละทิศเลย...buch ถึงต้องมาก่อน...แต่ก็ยังดันทุรังจะเอา berger ก่อน ไทเบรคมันเลยหมดความน่าเชื่อถือ บวกกับการแข่งขันน้อยรอบหรือไรมาผสมโรง ก็ทำให้พลิกได้หลายขั้นตอน...กลัวจะเป็นว่า ถ้านับแบบ buch แล้ว เซียนดำจะได้เข้ารอบหรือเปล่า? สกอร์ 4.5 แต้มถ้าตกรอบก็น่าจะตกเพราะไทเบรคนับแล้วแพ้คนอื่น..แต่ buch เบิ้ล 4 ที่ทำผิดมาหลายปีก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีการแก้ไข ถึงใช้ buch ก็เละอยู่ดี..ผลการแข่งขันสองปีหลัง จะบอกว่าเซียนดำดวงจู๋สุดๆ หรือระบบมันพาไป หรือทั้งสองอย่าง แข่งเสร็จก็ต้องวิเคราะห์ตารางคะแนนด้วย ..แต่ไม่ได้พูดถึงเซียนดำคนเดียว แค่ยกตัวอย่าง พูดถึงทุกๆคนที่ลงแข่งขัน...ว่าผลการแข่งขันที่มันเกิดสถิติแปลกๆมากมาย...ส่วนไหนเกิดจากระบบ..ส่วนไหนเกิดจากมือสำคัญๆหายหน้าไปหลายมือ...ส่วนไหนเกิดจากผู้เล่น เล่นไม่ดีเอง
แต่เรื่องไทเบรค กับเข้าฮอสก่อนชนะน่ะ มันผิดเห็นๆ...ผมพูดทุกปี ผมก็จะย้ำตรงนี้ไปเรื่อย เบื่อก็อย่าฟัง ไม่เบื่อก็ฟังต่อไปทุกปี
==============================
ในบางครั้ง คำพูดที่พิมพ์หรือตัวเลข อาจมีผิดพลาดบางจุด ซึ่งเกิดจากจิ้มผิดบ้าง เบลอไปวูบบ้าง แต่จะมีน้อยมาก เพราะผมมักจะตรวจซ้ำ แต่มันยาว บางทีก็ยังมีหลง แต่ก็ยังมาอ่านซ้ำบ่อย สุดท้ายแล้วถ้ามีตรงไหนผิดก็จะมีการแก้ไขในเวลาไม่นานนัก โดยไม่ต้องรอให้จิ้งจกทัก..ยิ่งที่นี่เป็นเว็บบล็อก ไม่ใช่เว็บบอร์ด...ถ้ามาโพสไร ผมจะเห็นทางหลังไมค์(อีเมล์) การตอบกลับ ท่านก็อาจจะเห็นทางเมล์เช่นกัน ...ใครที่โพสไร แล้วไม่เห็น ก็กลับไปเช็คเมล์ดูครับ..บางทีอาจตอบช้าหน่อย ผมชอบแวะเข้ามาดึกๆ...ด้านบนมีพิมพ์ผิด berger นาย ก. กับ นาย ค. ..ตอนนี้แก้ไขแล้ว คือกี่แต้มไม่สำคัญ สำคัญว่าตัวเลขมันมีสูงต่ำกว่ากัน... ซึ่งในชั้นต้นมันควรเอาตัวที่เท่ากันก่อนนำหน้า ตัวที่ต่างกันตามหลัง... ไม่ใช่เอาตัวที่ต่างกันนำหน้า ตัวที่เท่ากันตามหลังครับ
==============================================
คืนวานนี้ผมเบลอหนักจริงๆ แค่ตัวอย่างพื้นๆ แต่ใส่ตัวเลขผิดหมด เพราะมัวแต่ดริ้งค์ไปทำไรไปด้วย สายตาก็ไม่ค่อยดี อ่านทวนหลายรอบก็ยังไม่ทันเห็น ตัวเลขผิดหลายจุด ..ถึงขนาด score 1 แต้มเท่ากันทุกคน ก็ยังเผลอจิ้มเป็น 2 แต้ม น่าเอาขวดเหล้าเขกหัวตัวเองจริงๆ...ทำเว็บมาหลายปี ตัวเลขยุ่งกว่านี้ยังแทบไม่ผิด นี่เบลอหนักสุดขีด เดี๋ยวคนอ่านไปงงไป ดวงตกแบบเซียนดำมั้ง อิอิ
โปรดสังเกตว่า ทั้งสามคน(ไม่ว่าใครจะแข็งหรืออ่อนกว่ากัน ก็ได้ score ไป 1 แต้มเท่ากันก่อน(โดยที่ยังไม่รู้ว่า สุดท้ายใครจะเก่งกว่าใคร)..buch ก็ได้คนละ 7 แต้มเท่ากันไปก่อน (เทียบแล้วก็คล้ายสกอร์ คือยังเท่ากัน ใช้ตัวนี้ก็ยังไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบใคร รอดูเกมอื่นๆประกอบไปก่อน)..แต่ berger ไม่ทันไร ชี้เป็นชี้ตายให้สามมือนี้เลย..แล้วถ้าเราเอา berger นำ buch. ถามจริง นำไปเพื่ออะไร เพราะ buch มันต้องเท่ากันทุกคนแน่ๆ...ถ้าจะใช้ berger ก็ป่วยการจะมาใช้ buch ...เพราะอันนึงมันชี้เป็นตายก่อน อันนึงให้เท่ากัน(ในกรณีเจอคู่แข่งเหมือนกัน ที่ตัวเลขมันไม่เท่าเพราะเจอคู่แข่งมาไม่เหมือนกันทั้งหมด)..ให้ผมพูดร้อยครั้ง ผมก็จะเรียง buch progress ก่อน berger กับกระดานได้เสียไปอยู่บ๊วยๆนู่น..แต่ฝรั่งเค้ายังมีอีกหลายวิธี เช่น mediam buch ที่ตัดคะแนนคนได้มากสุดกับน้อยสุดออก ก็อาจสมเหตุผลใกล้เคียงกับ buch ...คือจะด้วยเหตุผลไหนก็ตาม ผลก็แข่งขันออกมา ลำดับมันไม่ควรผิดเพี้ยนจนคนเห็นแล้วงงไปหมด..ไม่ใช่คนได้อันดับ 20 กว่ามาท้ากินเดิมพัน 8 เซียน 16 เซียน แถมใจป้ำจะต่อราคา 2:1 หรือเสมอแพ้อีก...แบบนี้ก็เป็นเรื่องขำแระ...มีบ่อยที่คนได้อันดับต่ำกว่าเยอะ จะท้ากินเดิมพันต่อราคาอันดับที่สูงกว่า และในสายตาคนทั่วไปก็เห็นว่า มันเป็นตามนั้นจริงๆ..แบบเซียนดำหลุดมาอันดับ 9 ..ถามว่าอันดับ 8-7-6-5 อะไรที่สูงกว่า กล้าไปเล่นเดิมพันด้วยไหม?
============================= 
และถ้าพูดถึง progress ซึ่งให้คะแนนสะสม แบบว่าชนะในรอบต้นๆก็จะได้คะแนนสะสมสูงกว่า ...ถามว่า..ตามตัวอย่าง ก. ข. ค. เจอ เซียนใหญ่กะหมูน้อยมาเหมือนกัน ไม่ว่าใครจะเจอก่อนเจอหลัง มันต่างกันหรือ?????? มันไม่ต่างกันเลย..เพราะเจอเหมือนกัน...แต่ progress ก็จะต่าง ซึ่งแปลว่า progress ก็ผิดเช่นกัน 
****************************************
หรือยกตัวอย่างว่า ทั้ง ก. ข. ค. เคยเจอเซียนใหญ่กับหมูจิ๋ว แต่เสมอหมดทั้งสามมือ...ทุกคนก็จะได้ สกอร์ 1 แต้มเท่ากัน... buch 7 แต้มเท่ากัน...และคราวนี้ berger ก็จะได้ 3.5 แต้มเท่ากันทุกคนด้วย แต่ progress จะไม่ได้เท่ากัน เพราะต้องเจอกันคนละรอบแน่นอนล้านเปอเซ็นต์ แล้วคะแนน progress ก็จะต่างกัน...นี่เป็นบทพิสูจน์ง่ายๆ ทั้ง berger และ progress มันมีข้อผิดอยู่ในตัวมันเองแบบเห็นได้ชัดเลย แต่ถ้าจะทำเป็นพหูสูตร จัดแข่งปีแล้วปีเล่าก็จบแค่นั้น ไม่เคยวิเคราะห์อะไร ...มีคนเหนื่อยมาวิเคราะห์ให้ก็ไม่ฟัง..ก็คงเป็นงี้ไปตลอด ..ผมทายล่วงหน้าได้กระทั่งว่า อีก 10 ปี จะมีแชมป์หน้าใหม่ได้ซักกี่คน และใครไม่มีทางได้แชมป์เลย 
================================ 
หมากฮอสไฟฟ้าเนี่ย ครั้งที่ 18 แล้ว บางคนแข่งมาเกิน 10 ปีแล้ว ก็ได้แค่เฉียดแชมป์ เป็นท่านรอง บางคนก็ไม่เคยเฉียดเลย แค่ติด 8 เซียนยังไม่ค่อยจะติด แล้วจะมีโอกาสถึงแชมป์นั้นยาก แบบต้องแข่งไปพ่นยาสลบใส่คู่แข่งขันไป ..พวกตัวเต็งจริงๆจะป้วนเปี้ยนอยู่ใน 4 อันดับแรกได้ตลอด พลาดพลั้งก็ยังอยู่ใน 8 เซียน หลุดไกลกว่านั้นมีบางครั้ง..ถ้ามือระดับวูบวาบหาอันดับที่แท้จริงไม่ได้ ยากครับ ที่จะได้แชมป์..อันดับต้องแกว่งน้อย และอยู่แต่ท่อนหัว นั่นแหละควรได้แชมป์

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ผลแข่งขันหมากฮอส กฟภ.ชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งที่ 18/2558

ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรมาซักเท่าไหร่ ตารางต่างๆก็ยังไม่เห็น รู้แค่อันดับ จึงขอวิเคราะห์ตามข้อมูลที่มีอันน้อยนิดไปก่อน
ปีนี้มีสถิติใหม่เกิดขึ้นมากมาย อาทิเช่น เซียนดำพลาดถึงขนาดไม่ติด 8 เซียน ไปพลาดแพ้หนุ่มเทพฯ แต่ถ้าแพ้เพียงครั้งเดียวก็ไม่น่าจะเสียหายขนาดนั้น ผมเดาว่าอาจจะมีแพ้ใครอีกคนหรือเสมอมาหลายนัด คะแนนจึงไม่พอเข้ารอบ ..งานนี้หนุ่มเทพฯก็มาแรงจริงๆ เป็นผลงานที่ดีที่สุดที่เคยแข่งไฟฟ้า..ปีที่แล้วเห็นหายหน้า ไม่ได้มาแข่ง..ปีนี้กลับมาแรง..เรื่องฝีมือหนุ่มเทพฯ ผมยอมรับ เป็นมือที่ทำให้ทุกคนหนักใจได้ ซ้อมดี เตรียมการบ้านดี จุดอ่อนมีเพียง ถ้าใครแหกออกนอกล็อคไปชวนคิดสดได้ ก็จะหาแผลได้เยอะขึ้น เลือกหมากกลางกระดานยังมีหลวมบ่อย หลวมถึงขั้นอันตราย จะแพ้ก็ตรงนี้...ผลการแข่งขันที่ทราบมา สุดท้ายแล้ว 8 อันดับแรก แชมป์ตกเป็นของ..เซียนรุตสุรินทร์ (ผลงานดีมาหลายปีแล้ว เที่ยวนี้ถึงดาวอังคารซะที ขอแสดงความยินดีด้วย)..รองแชมป์ หนุ่มเทพฯ (ขอปาดเหงื่อนิด) นี่ถ้าเกิดได้แชมป์ขึ้นมา ผมหน้าแตกเย็บไม่ติดเลย เพราะผมทายผลล่วงหน้าไว้หมดแล้ว..คือผมรู้ล่ะว่าหนุ่มเทพฯก็เป็นตัวสอดแทรกขึ้นมาให้มีเสียวกะใครต่อใครได้ เขี่ยใครตกรอบได้ แต่ถึงขนาดจะได้แชมป์เลย ยังต้องรออีกนิด จองบัตรคิวไว้ก่อน คนอื่นก็จองคิวกันมานาน ยังไม่ได้เลย..ท่านรองมีอยู่หลายรายแระ อิอิ
อันดับ 3-8...เซียนโบ้ หมวกแดง เฮียใช้ เซียนอุ เซียนโอ๋ กอล์ฟ(ตายาว)...เซียนโบ้ตัดเชือกกันมารุต ไงก็ต้องร่วงไปคนนึงก่อน..แต่ผมก็คิดว่าครั้งนี้มารุตอาจผ่านได้ ด้วยเหตุผลว่า การได้แชมป์ 3 สมัยซ้อนไม่ใช่เรื่องง่าย (คิดตามความน่าจะเป็น) ผมก็เดาๆไปว่ามารุตอาจผ่าน..หนุ่มเทพกับหมวกแดง เจอกันบ่อย แพ้ชนะกันมาประจำ เดายากใครจะชนะ แต่คิดว่าถ้ายังเล่นกันแต่หมากห้าแต้มหรือหมากเดิมๆ ผมก็ว่าหมวกแดงคงเจ๊งชัยอีก(แต่ตอนแข่งเล่นแต้มไหน ยังไม่รู้)
เฮียใช้ ยังได้ถึงที่ 5 ..ได้ด้วยใจครับ สู้ด้วยใจ..นึกถึงหลายปีก่อน สมัยที่ผมยังลงแข่งขัน และยังไม่มีดาวรุ่งแห่ขึ้นมามากมายขนาดนี้ เฮียใช้ยังเคยหลุดไปอันดับ 11 13 17  สองหรือสามครั้ง(ผมจำไม่ค่อยได้ละ แต่อย่างน้อยสองครั้ง) พอมาสองปีหลังนี้ กลับติด 8 เซียนได้อยู่ ทั้งๆที่น่าจะติดยากกว่าเดิม ทีงี้กลับทำได้ ก็แปลกดี..เซียนโอ๋ก็อีกคน ที่ติดสองปีหลังนี้ซ้อน ปกติมักหลุดบ่อย
ข้อมูลตอนนี้น้อยมาก รู้แค่อันดับ..แต่จากอันดับก็เห็นอะไรแปลกตาหลายอย่าง..สถิติใหม่ๆเกิดขึ้นมาเพียบ นับแทบไม่ทัน...อาทิเช่น เซียนดำหล่นไปอันดับ 12 (ดวงจู๋ครับ ผมบอกแล้ว อย่าล้อเล่นกับดวง) เซียนมารุตแจ้งเกิดเป็นแชมป์หน้าใหม่อีกราย.. มีสาวติด 16 เซียนเป็นครั้งแรก(ได้อันดับ 15) ทราบมาว่ามีเซียนโบ้เป็นเทรนเนอร์ เป็นนักกีฬามหาลัย..มีตำรวจยศนายร้อยมาร่วมแข่งขันด้วย ติดอันดับ 20 ต้นๆ หรูทีเดียว..นี่ก็เป็นสถิติหน้าใหม่ ...แต่จำนวนนักกีฬาดูเหมือนจะน้อยมากๆ (ไม่รู้กี่คน) นี่เป็นปัญหาใหญ่..วงการนี้จะว่าแคบก็ไม่แคบ กว้างก็ไม่กว้าง เพียงแต่ว่านักหมากฮอสมีแต่ทิ้งสนามไปทีละราย ...ผมย้ำว่าทิ้งสนามแข่งนะครับ แต่ไม่ได้เลิกเล่นหมากฮอส..ยังคงเล่นฮอสตามสถานที่ต่างๆและในเนต แต่ไม่ยอมลงแข่งขัน ติดธุระก็ป่าว เล่นหนีหน้าไปเลยบ้าง นานๆโผล่มาทีบ้าง แทนที่จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาลงสนาม มันก็ไม่เหงา..มีแต่ชิ่งแล้วชิ่งเลย ..ตรงนี้แหละที่ผมงงว่า เล่นหมากฮอสเพื่ออะไร? เพื่อเรตติ้ง เพื่อคลายเครียด แค่นั้นหรือ แข่งขันแล้วเครียดมากนักหรือ?...ถ้านักหมากฮอสไม่ช่วยกัน แล้วใครจะช่วยได้ ไปตามนักหมากรุกมาแข่งดีป่ะ?...ควรสลับสับเปลี่ยนหน้ามาแข่งบ้างครับ อย่าเอาแต่หลบหน้า การหลบหน้าก็มิได้หมายความว่า จะไม่มีใครคิดอะไรนะครับ...ใครต่อใครก็คิดว่าพวกที่เอาแต่หลบหน้าปีแล้วปีเล่า(แต่ไม่แขวนกระดานหมากฮอส ยังเล่นตลอด)เป็นประเภทกลัวแพ้
================================== 
ตั้งแต่ผมแขวนกระดาน หลายๆคนก็หลบฉากไปด้วย (อันนี้ไม่รู้ผมคิดเองหรือเปล่านะ แต่ละคนก็มองกันเอง)..แต่ผมบอกแล้วว่า การที่ผมทิ้งสนาม ไม่ได้เพราะกลัวแพ้ กลัวเสียหน้า แต่เพราะผมไม่ถูกใจกติกา วันใดที่กติกาเป็นไปตามที่ผมเสนอ จะให้ผมไปลงสนามให้ใครทุบจนเละจนอ่วม(แบบว่าไม่ได้ซ้อม ไม่ได้จับ ลืมเกือบหมด) ผมก็เต็มใจให้ทุบ และก็อาจจะมีคนอื่นๆกล้าลงสนามมาอีกหลายๆคน มาให้ทุบ..ติดอยู่ตรงกติกาเรื่องเดียว ...พูดแบบมุขติดตลกนะครับ คล้ายว่ามีคนหมั่นไส้ผมเยอะ ถ้าผมลงเมื่อไหร่ละก็ จะมีคนแห่มาทุบผมอีกเยอะเลย เป็นไปได้ไหม อิอิ
==============================================
 ย้อนกลับไปดูเรื่อง
-โค้งสุดท้าย อีกเพียง 10 วัน หมากฮอส กฟภ. 2558 (16 สิงหา)
-เรื่องของฝีมือ ดวง และโกง (10 สิงหา)
-ใครจะได้แชมป์หมากฮอส กฟภ.ปีนี้? (25 กรกฎา)
แล้วจะเห็นว่าปีนี้ทายแม่นมาก จนน่าจะยึดอาชีพหมอดูได้เลย
ปรากฎการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะว่า มือดีๆทิ้งสนามมากเกินไป จนเหลือตัวสกัด ตัวพลิกเกม ตัวสร้างปัญหา ฯลฯ อะไรต่อมิไรไปเยอะ
ถ้าวงการหมากกระดาน ไม่มีโปรมายุ่งเกี่ยว ไม่มีโปรให้ถอด วงการนี้จะพลิกโฉมไปตรงกันข้าม..เด็กอัจฉริยะเหมือนกินบัวหิมะ เก่งข้ามขั้นคนที่เล่นมาก่อน 20-30 ปีขึ้นไป จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้..แต่พอมีโปร แล้วเซียนเก่าๆที่ตามโลกไม่ทัน..ก็จะเจอเด็กแซงข้ามขั้นมาทีเดียว 20-30 ปี หรืออาจจะ 40-50 ปี คราวนี้ก็สลบเหมือด.."รู้เขารู้เรา" ท่องคำนี้ติดหัว จึงพอจะยืนหยัดในมรสุมที่มาแรงขึ้นๆ...ต้องหาวิธีแก้ที่ตามทันกัน ..พรสวรรค์และมันสมอง ไม่ด้อยกว่ากัน..แต่เทคโนโลยี่ล้าหลัง พาอับจน

==================================
ระหว่างกลัวแพ้ กับกลัวไม่ได้เงิน ผมกลัวอย่างหลังมากกว่า....คนที่ควรแขวนนวมมากที่สุด ว่าไปแล้วควรเป็นเฮียใช้ เพราะอดีตเป็น "สามสุดยอด" ได้แชมป์มาจนนับไม่ถ้วน แต่พออายุเลยเลข 6 ไปแล้ว ผ่านมาร่วมสิบปีไม่ได้แชมป์อีกเลย ตอนนี้น่าจะประมาณ 65-66 ยังสู้ยิบตา และยังเอาตัวรอดได้ แต่คนวัยหนุ่มกว่านั้นกลับไม่สู้...งานนี้เฮียใช้รับไป 7 พัน คุ้มป่ะ? มือที่น่าจะมีโอกาสมากกว่า กลับไม่อยากเสีย 200 บาท..คล้ายคิดว่าเสียฟรี ยากกว่าซื้อหวย แข่งแล้วคงไม่ได้ซัก 1 พัน.. 2 พัน..5 พัน...9 พัน...หรือหลักหมื่น...เป็นการดูถูกตัวเอง ...ใจต้องสู้ไว้ก่อน...แบบผมเนี่ย แทบไม่จับเลย ลืมหมดแล้ว แชมป์คนไหนมาท้าเดิมพัน ต่อราคาผม 3:2 ..ถึงผมจะสู้ไม่ได้ ก็ขอกัดฟันสู้ซักครึ่งวัน (12 ชม.) เลยเอ้า  อิอิ
========================================= 
 โปรแกรมหมากฮอสเข้ามามีบทบาทมากเกินไป ถึงขนาดว่าตั้งตำแหน่งได้ตามใจชอบ จะเพิ่มเบี้ยเพิ่มฮอสเข้าไปในกระดานหลายๆตัวก็ได้...ถ้าโปรแกรมมีแต่หมาก 8 ตัวอย่างเดียว (ไม่มีสามแถว หรือลากฮอสหลายๆตัว) แล้วลองเอาเซียน 8 ตัว ไปเล่นสามแถวหรือลากฮอสแปลกๆ รับรองว่าในหมากบางประเภท ไปเจอสามล้อแท๊กซี่หรือคนอีสาน เซียน 8 ตัว อาจจะสู้ไม่ได้..แต่ทุกวันนี้ถอดได้หมด เซียน 8 ตัว สามารถเป็นเซียนได้ทุกรูปแบบ..จะยากหน่อยตรงเบี้ยหัวใจหรือเข้าฮอสก่อนชนะ หมดก่อนชนะ ซึ่งไม่มีโปรแกรมวางขาย ก็ต้องไปถอดกันเอง..แต่โปรแกรมเมอร์เค้าเขียนได้หมด...และคงมีเขียนไว้แล้ว หรือถ้ายังไม่ได้เขียน แค่ร้องขอให้เค้าเขียนให้ ไม่ถึงเดือนก็คงเสร็จ..ถามโปรแกรมเมอร์ไปตรงๆเลยว่า ...หมากเข้าฮอสก่อนชนะ ฝ่ายเดินก่อนแพ้ หรือฝ่ายเดินหลังแพ้...รับรองได้คำตอบ..เพราะมันไม่เสมอแน่นอน...ลงทุนจ้างเค้าเขียน ซื้อจากเค้าก็ได้ รับรองเสร็จทุกราย..หรือใครเรียนมาทางนี้ เขียนเองเป็น เขียนเองซะเลย...ผมอยากรู้ว่าฝ่ายเดินก่อนชนะ หรือเดินหลังชนะ..ฝ่ายเดินก่อนควรชนะ ถ้าฝ่ายเดินหลังไม่เตรียมตัดหน้า ไม่น่าเหลือซาก...ทำท่าตัดหน้านี่ยังสงสัย ว่าผลจะพลิกได้หรือไม่

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วิ่งต่อเนื่องเกิน 30 วัน เป็นครั้งที่ 3

ครั้งแรก 15 เมษา ถึง 17 พฤษภา...วิ่ง 33 วัน ระยะทางรวม 286 กม. เฉลี่ยตกวันละ 8.67 กม.
ครั้งที่สอง 19 พฤษภา ถึง 18 มิถุนา...วิ่ง 31 วัน ระยะทางรวม 259 กม. เฉลี่ยตกวันละ 8.35 กม.
ครั้งที่สาม 25 กรกฎา ถึงวันนี้(27 สิงหา) ...วิ่ง 34 วัน ระยะทางรวม 309 กม. เฉลี่ยตกวันละ 9.09 กม. (ยังไม่รู้จะวิ่งทน หรือทนวิ่งต่อไปได้อีกกี่วัน ขึ้นอยู่กับว่าติดธุระหรือบาดเจ็บหรือฝนเทหนักจนวิ่งไม่ได้ ระยะเฉลี่ยจะมากขึ้นหรือลดลง)
ดูตัวเลขแล้วอึดขึ้น เพราะร่างกายปรับตัวจนชินขึ้น หัวใจเต้นเป็นปกติทุกวัน และเดือนหลังๆนี้ อากาศเย็นขึ้น แดดจัดเป็นบางวัน แต่ส่วนใหญ่จะมีเมฆมาบังแดดหายไปเป็นระยะ เลยไม่เพลียซักเท่าไหร่
วิ่งยิ่งถี่ยิ่งดี บางคนยังหนุ่มๆสาวๆ เห็นเป็นปีก็แค่เดินๆหรือวิ่งสลับเดินนิดๆหน่อยๆ..ถ้าแบบนี้เสียเวลาเปล่า ไปเดินห้างหรือตามตลาด ดูไรไปเรื่อยๆ มีของแปลกตาให้ดูเยอะ ยังดีกว่า
===============================================
 ในแต่ละวัน ถ้าวิ่ง 10K ผมใช้เวลา 1 ชม. เลยไปไม่กี่นาที.. เต็มที่ก็เกินไป 3-4 นาที...ซึ่งเป็นความเร็วที่เหมาะกับตัวเอง คือ วิ่งแบบสบายๆไม่หอบ ไม่ต้องอ้าปากวิ่งเลย... ตีหน้าเรียบเฉย ใช้แต่จมูก...และก็เป็นการเซฟขาและหัวเข่าไม่ให้บาดเจ็บด้วย เพราะยิ่งเร่งมากเท่าใด ก็มีโอกาสจะบาดเจ็บมากขึ้นเท่านั้น จึงต้องเลือกความเร็วที่เหมาะกับตัวเองที่สุด..เร็วไปก็อาจบาดเจ็บและหอบมาก จนวิ่งแล้วทรมาน หมดความสุข..ช้าไปก็น่าเบื่อ เผาผลาญแคลอรี่ได้ไม่เต็มที่...ยิ่งวิ่งทุกวันไม่มีเว้นเลย ขืนเร่งมาก ขาพังก่อน..หลายๆวันผมก็จะเร่งดูซักครั้ง หรือเร่งตอนใกล้ๆจบ (ซัก 2-3 โล สุดท้าย) ถ้าเร่งก็ยังเร็วขึ้นได้เกิน 4 นาที แต่ถ้าให้วิ่งตอนเช้าหรือวิ่งตากฝนพรำๆ แล้วได้พักขาก่อนซักวันสองวัน... ยังไงๆก็ยังต่ำกว่า 1 ชม.
คนที่นานๆวิ่งที กรดแลคติกจะออกมาก แล้วจะปวดเมื่อยถึงขนาดเดินแทบไม่ได้ นาน 4-5 วัน(ยิ่งตอนเดินขึ้นลงบันไดเนี่ย ทรมานสุดๆ)..แต่คนที่วิ่งตลอด กรดแลคติกมันทำไรไม่ได้ วิ่งทุกวันก็ไม่ปวดเมื่อย หรือเมื่อยก็แว้บเดียว ไม่เกิน 24 ชม. หายเป็นปลิดทิ้ง...สมัยก่อนผมเคยหยุดไปเป็นช่วงๆ พอกลับมาวิ่งใหม่ทีไรต้องนับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง ไหนจะน้ำหนักตัวที่เพิ่มมาหลายกิโลขีด พอเริ่มนับหนึ่งทีไรก็ขาเป๋ ขาลาก เจอกรดแลคติกเล่นงานไม่น้อยกว่า 3 วัน...หลังนี้จึงเปลี่ยนแนวมาสไตล์ฮาร์ดคอร์ ไม่พักกลับไม่ปวด

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โค้งสุดท้าย อีกเพียง 10 วัน หมากฮอส กฟภ. 2558

ไม่รู้ใครซ้อมกันไปถึงไหนละ...ปีนี้ผมก็คงไม่ได้ไปเยี่ยมชมงาน ตั้งแต่ย้ายบ้านมาอยู่นอกเมืองแล้วเดินทางไปไหนมาไหนลำบากมาก..ไปไหนไกลๆ เดินทางไปกลับ 4-6 ชม. เลยทีเดียว (ที่ช่วงหลังๆนี้แวะไปดูไม่ได้ซักรายการเพราะย้ายบ้านมานอกเมืองครับ)..ปี 2556  แวะไปดูแข่งที่ไฟฟ้าวันชิงฯ แล้วก็ต้องรีบกลับ ช่วงที่ไปเป็นโค้ชให้ TOT ก็อาศัยรถบัสรับส่งพนักงาน ถ้าเดินทางเองโดยไม่นั่งรถบัสก็ย่ำแย่ นั่งรถไปเองเร็วสุด 3 ชม. แต่มักจะราวๆ 3 ชม.ครึ่ง(ขนาดว่าขึ้นรถ BTS บ้างไรบ้าง) ถ้าขึ้นรถบัสรับส่งก็ประมาณ 2 ชม.
มีครั้งนึง รู้สึกจะในงานรัฐวิสาหกิจหรือที่ไฟฟ้าชักจะลืมๆ.. เจอพี่อังครา(กฟภ.) มาพูดคุยด้วย แล้วก็ให้ค่ารถผมมา 200 บาท ..(เห็นหน้ากันมา 20 กว่าปี ไม่รู้พี่เค้านึกไงเพิ่งจะมาควักค่ารถให้ น่าจะควักมาตั้งแต่ต้น อิอิ ล้อเล่นครับ)
ตอนที่คุยกัน พี่อังคราก็วิจารณ์การเดินหมากของผมว่า ต่างกับเซียนดำมาก...หลายๆมือที่เซียนดำกว่าจะเอาชนะได้ แต่เซียนดำต้องเล่นจนเหนื่อย ปล้ำอยู่นาน ดูเครียดๆ...แต่เวลาที่ดูโย่งเล่น ไม่ทันไรก็ชนะ นำก่อนตั้งแต่กระดานแรกๆเลย ดูเหมือนง่ายๆ
คือถ้าใครตามดูผลงาน บทจะชนะบางทีก็ชนะง่ายจริงๆ บางทีน็อคคู่แข่งคากระดานหลายๆกระดานติดกันเลย(แบบไม่ต้องมีเบียดปลาย)..บทจะแพ้มิแพ้แหล่ ดันมีศอกกลับพลิกล็อคชนะมาซะอีก ได้ไป-กลับ เทียบเท่า 2 กระดานซะอีก

ผมชอบหนังละครเรื่องระนาดเอก หนังเก่าละ..มีจางวางขาว จางวางดำ...จางวางขาวตีระนาดอ่อนโยน จางวางดำตีระนาดเกรี้ยวกราด...สุดท้ายจางวางดำก็แพ้จางวางขาว(พระเอก) ..แต่นั่นมันหนัง..หมากฮอสมันไม่ใช่..ผมเจอเซียนดำทีไรก็ยังแพ้บ่อยกว่า..พยายามจะทำให้เหมือนในหนังก็ทำไม่ได้ซะที ต้องรอเด็กรุ่นใหม่มาทำแทน อิอิ
เล่นมุขติดตลก จางๆจืดๆ แล้วก็ลองดูจางนี้ละกัน จางซานฟง ตอนจบ วิทยายุทธกับระนาดก็ครือๆกัน https://www.youtube.com/watch?v=c7RE1Pog4c8
========================================
เอ..ใช่ท่ากระเรียนเหิรหรือเปล่าหว่า ฮาาาาาาาา 
========================================
 คู่ชิงในฝันของผม รับรองใครก็ทายไม่ถูก...เซียนทศพล กับ สาวปะยาง 55...มุมแดงเจ้าของโปรแกรม the horse...มุมน้ำเงิน สาวลี้ลับหรืออาจจะเป็นสาวหนวดเครารุงรัง ที่เล่นหมากฮอสออนไลน์จนเซียนสะดุ้งกันทั้งบาง...คู่นี้ชิงกันเมื่อไหร่ สนามแตกแน่ ยิ่งกว่าผีเจอหงส์... หงส์เจอผี.. บอลพรีเมียร์หลีกยังต้องหลบ
แหย่เล่นหนุกๆครับ อย่าคิดไรมาก...แต่เจอกันได้จริงก็ดี อิอิ แฟนๆถือหางบัตรเสี่ยงโชคกันตรึม
ทุกวันนี้เต็งจ๋าเต็งจัด ก็ยังมีเพียงเซียนดำ เซียนโบ้ ที่มีโอกาสเข้าชิงมากที่สุด..มารุต ถึงจะผลงานดีติดต่อกันมาหลายงาน แต่ก็ยังขาดๆเกินๆตลอด พอถึงจังหวะสำคัญๆก็พลาด กองเชียร์ก็ค่อนข้างเยอะ เที่ยวนี้ก็ต้องดูว่าจะยังไง...ไปถึงดาวอังคารได้หรือเปล่า...ม้าฟลุ๊ค นักเล่นม้าตัวยง เซียนใช้ล่ะ มีสิทธิ์ได้แชมป์มั้ย...ได้หรือไม่ได้ก็ได้มาเพียบแล้ว แต่ทิ้งช่วงยาวเลย...ถ้าฟลุ๊คได้แชมป์ในวัยนี้ ดังเป็นเทียนจุงระเบิดแน่ๆ..พูดถึงเซียนมากเดี๋ยวจะกลายเป็นว่า นิยมเซียน..มีนักหมากฮอสอีกคนที่น่าจะกล่าวถึงและเป็นเยี่ยงอย่างที่ดี คุณนภดล ครับ ...ฉายา เล็ก(อะไรเนี่ย) ผมนึกไม่ออกละ...แต่ไม่ใช่ เล็ก บางเสาธง แน่นอน...ถ้าเป็นเล็กบางเสาธงหรือนายกีฬา เอาแชมป์ตลอดกาลไปเลย เขียนตำราหมากฮอสได้พิศดาร แม้แต่เซียนก็ยังอ่านไม่รู้เรื่อง เหอๆ
คุณเล็ก นภดล เนี่ย ฝีมือถืงจะอยู่เลยกลางตารางเป็นส่วนใหญ่ แต่ใจสู้ ลงแข่งขันบ่อย ตอนแข่งภาคกลางที่ราชบุรีก็ยังไป...ก่อนนี้แทบไม่ได้รับรางวัลจากรายการไหนเลยมั้ง(ช่วงแรกๆอยู่ท้ายตาราง ตอนหลังมีขึ้นมากลางตารางบ้าง อาจจะได้รางวัลบ้างในช่วงหลัง) แต่มีสปิริตดีมาก เท่าที่เห็นมาก็แข่งครบทุกนัด ไม่เคยบายหนีไปก่อน
เวลาที่แข่งขัน ผมอยากให้ทุกๆคนช่วยกัน..ช่วยกันยังไง?...คือบางคนที่เดินช้าจนอยู่บ๊วยหรือรองบ๊วยทุกรอบ ก็ไขลานเดินให้เร็วขึ้นหน่อย ช้าขนาดนั้นไม่ช่วยทำให้การเล่นดีขึ้นหรอกครับ แต่ถ่วงเวลาโดยรวม..ต้องรู้ฝีมือตัวเอง ต้องพยายามเดินให้เร็วขึ้น..ถ้าช้าแล้วติดอันดับ 8 เซียน 16 เซียน ก็คงไม่มีใครบ่น...แต่ช้าแล้วไม่ติดอันดับเลย รีบเดินหน่อยก็ดีครับ เห็นแก่ส่วนรวม อย่าจริงจังมาก
อีกกลุ่มที่อยากให้ช่วย ก็คือกลุ่มผู้แพ้ ซึ่งดูคะแนนแล้ว ยากจะได้รางวัล...ก็ขอให้แข่งให้ครบทุกนัด อย่าบาย...คุณไม่บาย แล้วมาลุ้นจับรางวัล ก็ยังมีโอกาสได้ทีวี มือถือ พัดลม ไมโครเวฟ ตู้เย็น หลายๆอย่าง ...ไม่ดวงจู๋จริงๆ มีของติดมือกลับบ้านทุกคนครับ ช่วยๆกันหน่อย..ผมอยากเห็นการแข่งขันในระบบสวิสที่แข่งครบทุกคน ทุกนัด เป็นบุญตาให้เห็นซักครั้ง เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยจริงๆ ช่วยๆกันครับ จะขอบคุณมาก

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่องของ ฝีมือ ดวง และโกง

คำว่า "ดวง" ใครอย่าล้อเล่นกะคำนี้นะครับ..."ดวง" สิงสถิตย์อยู่ในแต่ละคน แต่ละช่วงเวลา...ดวงใครดวงมัน เวลาไหนเวลานั้น...แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการดูหมอ หรือ หมอดูเลย..หมอเดา เดาไปก็เดาไม่ถูก..คำว่า "ดวง" ทำไมล้อเล่นไม่ได้..เพราะเวลาดวงขึ้นก็ขึ้นสุดๆ อาจจะถูกรางวัลที่ 1 ประมาณนั้นเลย..เวลาตก ก็ตกสุดๆ อาจจะพิการหรือตายได้เช่นกัน
ดวงคนมีหลายประเภท
-ดวงไม่ดีตลอด ทำไรก็ไม่ขึ้น
-ดวงไปโลด ก็รวยไปเป็นพันล้านหมื่นล้าน
-ดวงวูบวาบอย่างแรง..ดีสุดกลายเป็นเลวสุด..เลวสุดกลายเป็นดีสุด.. (เห็นมาเยอะ) เช่นถูกรางวัลที่ 1 แล้วไม่นานก็เสียชีวิต..บ้างก็ตรงกันข้าม เกือบเสียชีวิต แล้วกลับมาถูกรางวัลที่ 1 ..มีตัวอย่างให้เห็นเยอะจริงๆครับ คิดแล้วน่ากลัวมาก "ดวงวูบวาบ" เนี่ย..ตัวอย่างเช่น..ผัวเมียคู่นึงที่ถูกรางวัลที่ 1 แล้วไปออกรายการทีวี ผ่านไปไม่กี่เดือน ขี่มอไซด์ไปชนกับรถคันอื่น ตายคู่ทั้งผัวเมีย ตามข่าวว่าเป็นอุบัติเหตุ..แต่ผมไม่มั่นใจว่าจริงหรือมีการจัดฉากฆ่า...เพื่อนที่ทำงานคนนึง(สมัยก่อน) เป็นเมียตำรวจยศจ่า วันดีคืนดี เมียตำรวจข้างห้องไปเล่นพนันเสียจนหมด กลัวผัวจะเตะหรือไร ก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา เอามีดมาจี้เมียตำรวจด้วยกัน(เพื่อนสนิทกันซะด้วย) มีดคาไว้ที่คอเลย ..โชคดีรอดชีวิต หลังจากนั้นไม่นาน คนที่โดนมีดจ่อคอเกือบตาย ก็ถูกรางวัลที่ 1 (ใบเดียว)..ส่วนเรื่องคดีก็เคลียร์กันไป เมียตำรวจด้วยกัน คบหากันมานาน
เซียนยุทธก็เคยถูกรางวัลที่ 4 แบบซื้อเป็นชุด หลายใบเลยล่ะ ได้เงินมาเป็นแสน เอาเงินไปลงทุนขายกล้องถ่ายรูป กำไรหรือขาดทุนไม่รู้ ขายกล้องได้นานแค่ไหนไม่รู้ ..แต่หลังจากนั้นก็ป่วยหนัก ติดโรคร้าย หมดทางรักษา
ทุกวันนี้ผมก็อยากถูกรางวัลที่ 1 บ้างเหมือนกัน..แต่รู้ว่า ถ้าวันไหนถูกรางวัลขึ้นมาจริงๆ..ถ้าไม่มีเรื่องร้ายสุดขีดเกิดขึ้นก่อนจะถูกรางวัล หรือถูกรางวัลแล้วอาจจะต้องเจอเรื่องร้ายสุดขีด..คิดเผื่อไว้หมด..แต่คิดไม่ออกว่า ทำไงจึงจะล็อคเลขได้ 555555555555555555...แต่ลางหมาหอนบอกว่า หวยที่ออกมาหลายสิบปี มันมีบางช่วงที่มีการล็อคเลข มีรีโมท ไม่ได้โปร่งใสไปทุกครั้ง โดนจับเป็นข่าวก็มีบ่อยครั้ง ..อะไรบางกรวย นั่นแหละ..ฮือฮาเลย.. 113311 อะไรเนี่ย
ฝีมือเอย ดวงเอย เจอโกงระดับเกจิเข้าไป ก็อาจแพ้โกงได้ ...ฝีมือขึ้นสุดๆ เจอโกง เจอดวง ก็ยังรอด..ดวงขึ้นสุดๆ เจอโกง เจอฝีมือ ก็ยังรอด..เลยไม่รู้ว่า "ฝีมือ..ดวง..โกง"..ใครจะชนะกันแน่ คล้ายๆ "ค้อน..กรรไกร..กระดาษ"
ถ้าพูดถึงเรื่อง "ดวง" ..ปีที่หนีม็อบไปจัดที่สวนรถไฟครั้งแรก ปีนั้นพลิกล็อควินาศสันตะโรมากกว่าปีไหนๆ..หลายๆเกมพลิกล็อคอย่างเหลือเชื่อ..คล้ายว่าเจ้าที่แรง..แบบว่าคนที่เห็นบันทึกการแข่งขัน ดูไปยิ้มไปได้..หรืออาจจะพูดว่า ถ้าให้ช้านลงไปเดินจังหวะนี้แทน ช้านต้องชนะแน่นอน ไม่เดินผิดเดินเซ่อแบบนั้น..แต่นั่นแหละ เรื่องของดวงจริงๆ "ผีอุดรู ประตูลงยันต์" ชนะก็ไม่เห็น ไปเห็นแพ้แทน "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว"

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แข่งหมากกระดาน(หมากรุก-หมากฮอส ฯลฯ) ควรใช้เวลาให้คุ้มค่าและตรงต่อเวลา

ปัญหาที่เจอมาบ่อยเวลาแข่งหมากกระดานก็คือ บริหารเวลาไม่ดี ไม่เป็นไปตามกำหนดการ เช่น บอกว่าเริ่มแข่งขัน 9 โมงเช้า แต่กลับไปเริ่มแข่ง 10.30 น. บางงานรอไปถึง 11.00 น. ก็มี..มัวคอยคนนั้นคนนี้..นักกีฬาไม่ตรงต่อเวลา..ผู้จัดเห็นคนมาน้อยก็คอย บางครั้งคนมาเยอะ แต่ขาดเซียนใหญ่แค่คนสองคน ก็มีคอยอีก แบบนี้ก็ไม่ต้องแข่งกันพอดี
งานวิ่งจะไม่เป็นแบบนี้ครับ กำหนดการเช่น ปล่อยตัว ตีสอง ตีสี่ หกโมงเช้า ฯลฯ ก็จะปล่อยตามกำหนดเวลานั้นๆ ช้าก็แค่ 2-3 นาที มีน้อยงานมากที่จะปล่อยให้เลยกำหนดการไปนานกว่า 15 นาที เพราะจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี มันคอยกันไม่ได้จริงๆ ต้องปิดถนนอะไรต่อมิไร ประสานงานกันหลายฝ่าย ผิดเวลามากๆงานเละทันที ไหนจะโดนคนด่าจนหูชาอีก..ค่าสมัครก็แพงกว่าหมากฮอสครับ เฉลี่ยแล้วราว 300-800 บาท(แล้วแต่ระยะทาง)
แล้วงานวิ่งมาราธอน 42.195K เนี่ย...เฉลี่ยแล้วนักวิ่งกลางแถว วิ่งถึงเส้นชัยจะใช้เวลาประมาณ 5 ชม.(ที่อายุมากๆหรือหน้าใหม่ก็ปาเข้าไป 7 ชม.กว่าเลย) ....ใน 5 ชม. เนี่ย ถามว่าได้พักแค่ไหน คำตอบคือแทบไม่ได้พัก ถึงจะมีวิ่งบ้าง เดินบ้าง พักดื่มน้ำตามจุดต่างๆ แต่ทุกคนจะไม่อยู่นิ่งอยู่กับที่ คือดื่มน้ำเสร็จ กินผลไม้นิดหน่อย เท้าก็ต้องก้าวไปตลอด เหนื่อยแสนเหนื่อย บางคนก็เป็นลมเป็นแล้ง วิ่งๆเดินๆ 5 ชม.กว่าไม่ได้พัก ..แต่หมากฮอสนั่งอยู่กับโต๊ะ แข่งกันรอบนึงไม่เต็มชั่วโมง พักบันทึกคะแนน แพริ่งซักพัก ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพักนานหลายๆนาที..นั่งอยู่กับโต๊ะไม่เป็นลมต้องเรียกรถหวอหรอกครับ..เล่นเดิมพันยังนั่งเล่นกัน 3 วัน 3 คืน จนสลบคากระดานไปข้าง..(ลองถามเฮียใช้ได้ครับ เคยเล่นเดิมพัน 72 ชั่วโมงมาแล้ว กับเซียนดอน เซียนมวย...48 ชั่วโมงสำหรับเฮียใช้นี่ขนมเลยครับ เฮียแกอดหลับอดนอนเก่งจริงๆ เป่ายานัตถุ์ไปทั้งคืน..ส่วนเซียนดอนก็เอาน้ำหยอดตาไปเรื่อย เหอๆ)...แข่งเสร็จแต่ละรอบ รีบเคลียร์คะแนน แพริ่ง แล้วรีบแข่งต่อเลย แข่งสี่รอบรวดรับรองว่ายังไม่ถึง 5 ชม. เหมือนวิ่งมาราธอนไม่มีหยุด...พักทานข้าวก็พอประมาณ รับรองแข่งไม่ดึก แข่งได้หลายรอบ หลายกระดานครับ...ปัญหาในอดีตที่ล่าช้า เพราะผู้จัดไม่เร่ง ผมบอกให้เร่งแข่ง ผู้จัดก็เฉยๆ บอกให้พักบ้างก็ได้..ส่วนนักกีฬาก็หลบหน้า หนีไปที่ไหนต่อไหน ออกไมค์ประกาศให้แข่งก็ไร้เงา มัวไปถอดแต้มจนควันออกหูอยู่...ลองทำแบบวงการวิ่งและอื่นๆบ้างครับ..ตรงต่อเวลา อย่ามัวแต่คอยไปคอยมา..ใช้เวลาให้คุ้มค่าทุกวินาที..รับรองสองวัน มีเวลาเหลือเฟือครับ

คงต้องรณรงค์ให้นักหมากกระดานไปออกงานวิ่งบ้าง แล้วจะรู้ว่าถ้าไม่ตรงต่อเวลาก็จบเห่เมื่อนั้น..วงการหมากกระดานมันเอื่อยๆเฉื่อยๆเพราะนักกีฬาก็ไม่ใส่ใจกับเวลา ผู้จัดก็เช่นกัน และยังมีเกรงใจ คอยไปคอยมา
งานวิ่งต่างๆ นักวิ่งจะไปถึงก่อนเวลาประมาณ 1-2 ชม. ด้วยครับ บางคนต้องมารับเสื้อรับเบอร์วันงาน มาวอร์มอัพ มาก่อนที่จะปิดถนน มีแต่ว่ารีบมา มาคอย ..ถ้ามาสายก็อย่ามาเลยดีกว่า คนอื่นวิ่งไปถึงไหนต่อไหนแล้ว สายไม่ได้เลย..ขนาดคนที่มาจาก ตจว. ยังต้องขับรถมารอ หรืออาจมาตั้งเต้นท์นอนกันเลย แบบวางใจได้เลยว่า ถ้าใครเป็นนักวิ่ง จะตรงต่อเวลามากๆจนถึงมากที่สุด 
==========================
คิดแล้วก็ขำๆครับ เล่นเดิมพันกันได้ 2-3 วัน ในระหว่างนั้นก็จะมีสั่งข้าวมากินที่โต๊ะ ถ้าปวดฉี่ปวดอึก็ไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็จะเล่นกันไปตลอด แบบดูว่าใครอึดกว่า ใครเมาหมดสภาพก่อนก็เละไป..เซียนดำเคยลากฮอสกับเซียนใช้ไป 24 ชม. ตอนที่ผ่านไปประมาณ 22 ชม. เล่นแล้วเจ๊ากันเซียนดำก็จะขอเลิก แต่เซียนใช้บอกว่า เล่นมาตั้งนานไม่ได้เสีย เล่นไปทำไม เล่นให้มันได้เสียกันไปเลย เซียนดำฝืนเล่นต่อ แค่สองชั่วโมง โดนเซียนใช้ทุบไป 10 กระดาน เหอๆ ..ตากน้ำค้างสู้ไม่ได้
เล่นเดิมพันจนเสียชีวิตก็มี..ฉายา "ออมสิน" เล่นอดหลับอดนอน พอลุกขึ้นมาก็วูบปุบปับ ไปสวรรค์เลย(ศิษย์เอกเซียนพัทธ์) 

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ดราม่าตามที่ต่างๆมันเยอะ เก็บภาพนี้ไว้เป็นยันต์กันผี


พวกชอบแหกปากตะโกนเรียกให้ช่วยกันแชร์เยอะๆ มีแต่เรื่องตอแหลทั้งนั้น
============================================
 บรรดาดราม่าที่แหกปากตะโกนเรียกให้แชร์...กว่า 80% ที่เป็นเรื่องเท็จ..เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ อาหารการกิน การรักษาโรค ป้องกันโรค ..กลายเป็นมีแต่หลอกลวง เพื่อขายสินค้า หรือเพื่อทำลายคู่แข่งทางการค้าหรือสินค้าที่ต้องการโจมตี..หรือเพื่ออำคนเล่นสนุก ใครตายช่างหัวมัน..มันเยอะจัด...พวกนี้สมควรโดนลากคอไปลงโทษ ไม่ควรปล่อยให้ลอยนวล ปั้นน้ำเป็นตัว โกหกออกมาเป็นรายวัน..แต่ในความเป็นจริง..ตำรวจมักจับแต่พวกที่โพสวิจารณ์ตำรวจ โพสไม่ทันไร แค่ 24-72 ชม. ก็โดนหมายเรียกละ..แล้วผู้ที่โพสก็จบด้วยคำพูดเดิมๆ "รู้เท่าไม่ถึงการณ์"...แล้วพวกแชร์ตอแหล (80%) ทำไมไม่จับมาลงโทษบ้างล่ะ?????..โพสตอแหลให้ส่งแชร์ทุกวันแล้วไม่โดนจับซักที มันถึงตอแหลส่งแชร์ออกมาได้แทบทุกวัน..อาหารดีๆก็บอกว่ากินแล้วเป็นมะเร็ง..อาหารเฮงๆซวยๆก็บอกว่ากินแล้วดี
 

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ใครจะได้แชมป์หมากฮอส กฟภ. ปีนี้?

ถึง พ.ศ. นี้แล้ว ผมว่าไม่ใช่เซียนดำอีกต่อไป..เต็ง 1 หล่นไปอยู่ เต็ง 2 เต็ง 3 ..ยิ่งระบบเปลี่ยนมาเป็นเอา 8 คนมาน็อค..โอกาสพลาดก็มีสูงขึ้น..ถ้ารอบน็อค 8 เจอมือหนักๆหรือมีพลิกล็อคขึ้นมา ก็จบแค่นั้น...เหมือนที่เคยจบมาแล้วครั้งนึงเมื่อปีที่แล้ว...แต่อะไรที่มีครั้งแรก ก็มักจะมีครั้งที่สอง..ก็ไม่แน่ว่า ถ้าเกิดดวงจู๋ โชคไม่เข้าข้าง ปีนี้อาจจะโดนซ้ำเป็นครั้งที่สอง..นักมวยหน้าเก่าหมดอาวุธ เหลือติดตัวอยู่นิดหน่อย..แต่นักมวยหน้าใหม่ มีอาวุธเยอะกว่า..เทียบความได้เปรียบล็อค มวยเก่าไม่ได้เปรียบไรแล้ว..เทียบปลายกับการหลอกล่อ ยังน่าจะดีกว่านิด แต่ถ้าจังหวะไม่อำนวย รูปหมากหรือตำแหน่งที่เล่น ไม่เปิดช่องให้พริ้ว ให้ใช้ปลายได้แบบมีสูสี..จะไปใช้ปลายในรูปที่เป็นรอง ก็คงแก้ไขสถานการณ์ยาก..ต้องอาศัยชวนคุยมากๆ คนอื่นนั่งคิด เราก็นั่งพูดไป เอาให้ประสาทเสีย ก็คงพอยังสูสี..ปีนี้ขอนะครับ ประเภทที่ชอบเขียนกระดาษส่ง รวมพลังหารสองคนละครึ่งแต้ม...ถ้าไม่มีฝืมือ ก็อย่าแข่งดีกว่า ..จะแข่งเพื่อเงิน เพื่อชื่อเสียง เพื่อเกียรติยศ เลือกเอาครับ..ประเภทแพ้ชนะแล้วไม่มีใครมานินทา มีแต่คนชื่นชม กับประเภทชนะหรือเสมอแล้วลือกันให้หึ่ง มันต่างกัน..ถ้ามีน้ำใจนักกีฬา ก็เล่นจริงมันทุกไฟท์เลย(ทำได้ไหม? ทำไม่ได้ก็อย่าแข่ง) ถ้าสถานการณ์ให้ต้องไปตามเกม ที่อาจจะต้องมีซักไฟท์นึงที่ต้องเล่นแบบรู้กันหรือไร ก็ยังพอรับได้ แต่..แต่ไร?...แต่ต้องเป็นการรู้กันในเชิงการเล่น เช่นต่างฝ่ายต่างคิดในใจว่า ไฟท์นี้ฉันต้องการเสมอก็พอ..ต่างฝ่ายต่างเดินแบบประคองตัว ดูตั้งใจเหมือนจะเอาเสมอทั้งคู่ แบบนี้ใครก็ตำหนิไม่ได้ เพราะทั้งสองฝ่ายไม่ได้พูดกันซักคำว่า "ฉันขอเสมอนะ" ต่างกับประเภทที่พอเห็นชื่อแพริ่งปุ๊บ ก็เดินไปถามอีกฝ่ายว่า ขอเสมอได้ป่ะ ทำนองนี้...แค่ถามก็แย่แล้วครับ ..ฝ่ายที่ถูกถามประโยคนี้ ฟังแล้วก็อึดอัดใจ ..คำถามนี้ไม่ควรจะมี..ตกรอบก็ตกไป..ค่าสมัคร 200 บาท มีเสื้อ มีกินอาหารฟรีสองวัน มีจับฉลากแจกรางวัล แค่นี้ก็คุ้มเกินคุ้ม..ทำไมต้องกลัวตกรอบ? ทำไมต้องเล่นละคร? ทำไมต้องสาริกาลิ้นทอง?...แข่งไปเหอะ แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมชาติ...เรื่องโกงหรือตุกติกในเกม ก็เพลาๆลงหน่อย..ที่ผมเคยแกล้งบุญหลาย (เรื่องนี้บางคนยังจำได้ดี) บุญหลายไม่กดนาฬิกา หมากผมเดินจนติดแพ้ ผมก็แกล้งไม่เดิน ปล่อยให้นาฬิกาฝ่ายบุญหลายหมดไปทั้ง 18 นาทีเต็มๆ...อันนั้นเจตนาทำไปเพื่อดัดสันดาน เลยล่ะ...มีที่ไหน เจอคนอื่น แจกที 4:0 ..แต่ผมลองถามดูว่า จะเล่นหรือยังไง ตอบมาหน้าตาเฉยว่า จะเล่น...ทีงี้จะเล่น แต่เจอคนอื่น แจกทีละ 4:0 ประจำ ไหนยังเจอหน้ามาขอเงินซื้อเบียร์ ตื้อมาก็ควักให้ไปแบบเสียไม่ได้ เอาไปกินเบียร์เล่นหลายครั้ง...เลยต้องเอาให้แสบ..แถมแพ้แล้วยังมีเอาแต้มไปโชว์คนอื่นอีก เหอๆ
============================
 เต็งหนึ่ง เต็งสอง คือเซียนป๋อง ขสมก. กับเซียนเล็บยาว...55 แซวเล่นครับ มีที่ไหน เดินหมากคิดแค่เสมอกับทุกคน ไม่ค่อยอยากคิดเอาแพ้เอาชนะ..ถ้าใครที่แข่งจนโชกโชน ใน 4 กระดานก็คงหาวิธีเจาะได้ซักกระดาน..แต่ก็มีบ่อยครั้งที่คู่หูคู่ฮานี้ตั้งการ์ดได้แน่น สองเกลอยังเสมอเซียนใหญ่มานับไม่ถ้วน แม้แต่เซียนดำก็เคยเสมอ เจาะไม่เข้า อิอิ
อีกเต็งก็เซียนเด้ง หมวกแดง ..เต็งผีเข้าผีออก..เวลาเละก็เละจริง เวลาดีก็ดีจริง แต่ดีไม่ตลอดจนจบ หมดแรงเสียก่อน
ตี๋เสาไฟฟ้า ไหวมั้ย?...หลังๆนี้ไม่ไหวแล้วครับ ตามเทคโนโลยีไม่ทัน เอาแต่เน้นบาคาร่า
เซียนเก่าๆล่ะ พูดแล้วต้องถอนหายใจ(อย่างแรง) แทบไม่มีเหลือแล้ว เหลือเจ้าสำนักมังกรดำอยู่คนเดียว..สำนักอื่นยกธงขาวหมดแล้ว บ้างก็ปิดสำนักทิ้งเลย..เรียกว่าเหลือเซียนดำเป็นความหวังเดียวของคนรุ่นเก่า
เล่นมุขตลกฝืดไปงั้นๆ แต่กลุ่มที่เต็งจริงๆ มีแต่เซียนรุ่นใหม่..เซียนโบ้ มารุต เซียนอุ..แทงวินแทงเพส ก็คงพลาดยาก..ยกเว้นเซียนดำจะออก 11 ไฮโล 6-4-1 คนอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึง มีสิทธิ์ได้แชมป์ กฟภ. มั้ย...ยากครับ เพราะที่เอ่ยมาก็มีอยู่หลายมือแล้ว..ถ้าดวงไม่ขึ้นจริง ยังยากจะฟลุ๊ครอดได้ ยกเว้นระบบการแข่งขันจะทำให้เกิดพลิกล็อคได้มากๆ จึงจะมีโอกาสฟลุ๊ค พลิกล็อคขึ้นไปได้...ช่วงนี้ถ้าผมไปลงสนาม อย่างเก่งก็คงได้ที่ 5 หรืออาจจะได้ที่ 9 ที่ 17 เป็นไปได้หมด...วันๆแทบไม่ได้ใช้สมอง ใช้แต่ขา ..วันๆใช้ขามากกว่า 1 หมื่นก้าว..เดือนนึงกี่ก้าว..ปีนึงกี่ก้าว..แต่ก็แปลกนะ แทนที่ขาจะพัง เข่าจะพัง กลับไม่เป็นไรเลย..วิ่งไม่ทำให้เข่าเสื่อมแน่นอน เพราะวิ่งจนอายุเกิน 100 ขวบก็ยังมี แต่กลับทำให้แข็งแรงขึ้น แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เข่าเสื่อม?...น้ำหนักตัวครับ บวกกับการไม่ค่อยได้ใช้ขา..นน.ตัวมาก เข่ามักจะมีปัญหา แต่ที่หลายคนวิ่งกันได้จนแก่ เพราะ นน.ตัวเบาครับ แล้วทำเป็นกิจวัตร ขาและเข่าก็แข็งแรงขึ้น จึงไม่เสื่อม...แต่คนที่มีอาการเข่าเสื่อมแล้ว ถ้าคิดจะมาวิ่งหมดสิทธิ์แล้วครับ ก็เหลือแค่เดิน เดินก็ยังลำบาก เดินมากไม่ได้

=================================
การนั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธินานๆ นี่ก็จะทำให้เข่าเสื่อมง่าย..คนที่ยังไม่เป็นโรคเข่าเสื่อม ถ้าพยายามวิ่งหรือเดิน ใช้ขามากๆ (แต่ไงวิ่งก็ดีกว่าเดิน ในด้านพละกำลังและหลายๆอย่าง) แต่เดินก็ไม่ขี้ไก่ ยิ่งพวกนักกีฬาเดินทน ที่เดินบิดเอวไปมา พวกนี้ไม่รู้เดินยังไง เร็วกว่านักวิ่งกลางแถวอีก ..คนที่วิ่งออกกำลังกาย บางคนจะมีผ้ายางรัดเข่า หนุ่มสาวก็มีใส่ให้เห็นปะปราย บางคนก็พันหัวเข่าวิ่งตลอดเป็นปีๆ..แต่ผมยังไม่ต้องพันอะไร เคยมีช่วงนึงที่เจ็บราว 3 เดือนแล้วก็ไปซื้อผ้ายางเตรียมมารัด แต่แล้วเปลี่ยนใจ สุดท้ายก็หายเจ็บไปเอง
 =============================================
 สมัยที่ผมแข่งกีฬามหาลัย..มีบางไฟท์ต้องเจรจา แล้วก็มีปัญหาไม่สบอารมณ์ตามมาภายหลัง..ระบบการแข่งขันที่มีการเก็บคะแนน ไม่ได้ใช้ระบบน็อคเอ้าท์...ถ้าเราเอาแต่เล่นตรงไปตรงมาทุกนัด แต่คู่แข่งคนอื่นๆ หรือทีมอื่นๆ มีเล่นสมยอมกัน ฝ่ายที่ตั้งใจเล่นจริงทุกนัดก็อาจไม่รอด..จึงต้องใช้วิธีเล่นจริงบ้าง สมยอมบ้าง ไปตามเกม..ปัญหาเกิดจากระบบการแข่งขันมีจุดอ่อน..และผู้เล่นส่วนใหญ่ก็มองเห็นถึงจุดอ่อนที่ว่านั้น จึงมีการเล่นตุกติกนอกเกม ทำนองว่า ถ้าเราไม่เล่นนอกเกม คนอื่นเล่นนอกเกม เราก็จะเสียเปรียบ ..เมื่อไม่อยากเสียเปรียบ หรืออยากได้เปรียบ ก็ต้องนอกเกมด้วย..กลายเป็นว่า "ทีใคร ทีมัน"..อุตส่าห์ตั้งใจเล่นแทบตาย เจอคนแทงข้างหลังแซงไปหน้าตาเฉย...ก็ทำใจลำบาก
คนเราแทบทุกคน ต้องเคยทำผิดอะไรมาบ้าง สิ่งที่ผิดก็เป็นบทเรียน... ถ้าได้คิด ก็จะคิดได้ ว่าควรแก้ไขปรับปรุงหรือควรเลิกทำสิ่งนั้น..จากประสบการณ์ในอดีต ผมได้บทเรียนว่า การเล่นสมยอมแล้วถูกคนวิจารณ์ มันไม่ปลื้ม..แล้วเราต้องอยู่วงการนี้ยาวนานหลายสิบปี ฝีมือเราก็ไม่ขี้ไก่ มีฝีมือจริง แต่การไปเล่นสมยอมเพียงบางนัด มันทำลายชื่อเสียงเราป่นปี้ เวลามีคนมองออก ถามคำถามทิ่มแทงใจมา เราก็ตอบคำถามนั้นไม่ได้ เพราะมันจริงตามที่คนตั้งคำถามสงสัย..ผมคิดแล้วก็เล่นจริงดีกว่า บางทัวร์นาเม้นท์ แข่งเกือบสิบรอบ เล่นแหกตาแค่รอบเดียว ยังโดนคนตำหนิได้...ผมมานึกย้อนหลังว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา..(จะนึกให้นานกว่านั้นก็จำยาก แค่ 20 ปีก็เรียกว่านานมากแล้ว) ผมเคยเอ่ยปากขอเสมอใครตรงๆว่า "ขอเสมอได้ไหม" หรือเปล่า?...คิดแล้วคิดอีก ไม่น่าจะมี..ไม่เคยไปเอ่ยปากกับใครก่อน แต่มีคนมาเอ่ยปากขอเสมอบ่อย..ลองถามเซียนทุกคนที่เคยแข่งกับผม และทุกๆคน เช่นเซียนโบ้ หนุ่มเทพ ใครต่อใคร ถามดูได้เลยว่า ผมเคยเอ่ยปากขอเสมอหรือเปล่า..ถ้าผมอยากเสมอ ผมก็เดินง่ายๆ สี่เกมจบ ไม่ต้องเอ่ยปาก ไม่ต้องเล่นละคร.. จะมี 2 งานที่เซียนดำอ่อนข้อให้ผม เพราะคะแนนเซียนดำลอยตัวเข้ารอบแน่นอน ผมก็งงๆว่าทำไมเซียนดำจึงไม่เขี่ยผมตกรอบ ทั้งๆที่มีโอกาส..คำตอบคือ ไม่อยากเห็นผมตกรอบ เดี๋ยวจะไม่สนุก..ต้องยกนิ้วให้ เพิ่งเคยได้ยิน.. แบบไว้มาเจอกันรอบ 4 คน หรือรอบชิง..แล้วค่อยมาเชือดผมก็ได้ อิอิ

 

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คนเล่นโซเชียลยุคนี้ ยิ่งนานยิ่งบ้า

เด็กสาววัยรุ่นอายุใกล้จะเลือกตั้งได้ (ถ้ามีให้เลือกตั้ง) อกหักรักคุด ฆ่าตัวตาย ก็เขียนหนังสือสั่งลาว่า "หนูขอโทดพ่อแม่" ฝากไปถึงแฟนอีกว่า "เทอจะเปนคนที่ฉันรักตลอดปัย"

เวลามีการไว้อาลัยตามโซเชียล เช่นคนรู้จักหรือญาติโกโหติกา มีใครเสียชีวิตไป ด้วยวัยชรา หรือโรคภัยหรืออุบัติเหตุก็สุดแท้แต่...ก็ยังมีคนมาไว้อาลัยว่า "ขอแสดงความเสียจัยด้วยค่ะ"...อะไรมันจะปานนี้ จะโพสไว้อาลัยก็ยังดราม่าติดนิสัย เล่นแต่ภาษาวิบัติ แยกแยะเวลาและสถานที่ หรืออะไรซักอย่างไม่เป็นเลยรึ?...ถ้าถึงขนาดนี้แล้วก็ใช้ต่อไปเหอะ ติดตัวไปจนตายเลยนะ..เกรงแต่จะตายเพราะก้มหน้าเล่นมันทั้งวันแล้วเดินชนกับรถ..เพราะคนสมัยนี้บ้าถึงขนาดเดินขึ้น-ลง สะพานลอยก็ก้มหน้าเล่น.. ขึ้นลงรถเมล์ก็ไม่หยุดคุยโทรศัพท์..เดินริมทางก็ยังจะก้มเล่น..บางคนขี่มอไซด์บนทางเท้า(ทางเท้าบางแห่งที่กว้างมากๆ มอไซด์จะขี่กันทั้งวันเหมือนว่าเป็นถนน) เช่นทางเท้าริมถนนเพชรเกษม...สาวบางคนถึงกับขี่มอไซด์มือเดียว อีกมือกดแชตมือถือไปด้วย มันบ้าถึงขนาดนั้น..ขอให้เจริญๆๆเถอะ บวกเสาไฟฟ้าหรือไรก็ได้
อนาคตไม่แน่ว่า ผมอาจต้องตามไปไว้อาลัยให้พวกบ้าห้าร้อยพวกนี้ ด้วยประโยคว่า "ค๋อสะแดงฟามเซี๋ยจายฎ้วยคัพ" (จากใจเลยนะเนี่ย ขอบอก)
===================================
การพิมพ์คำพูดประเภทที่ทำให้ผิดเพี้ยน เหมือนว่าเป็นเด็กอนุบาล เช่น ปัยไหน หัวจัย ครัย อารัย..หรือพิมพ์ ร. กลับเป็น ล. พิมพ์ ล. กลับเป็น ร.เรือ หรืออาจจะทะลึ่งไปเป็น ฬ. ก็ยังได้....มันเป็นสิ่งที่ไร้สาระที่สุด เพราะเสียงอ่านมันก็ยังคำเดิม ไม่ได้ทำให้เป็นสำนวนอะไรขึ้นมา หรือทำให้ดูตลก ดูดีขึ้นอะไรเลย..คำพวกนี้เป็นการทำภาษาวิบัติล้วน 

ส่วนคำลงท้าย เช่น ปะ (ป่ะ) ไหม(มั้ย ไม๊) รู้แล้ว(รู้แระ รู้แว้ว)..พวกนี้ส่วนหนึ่งเป็นคำเน้นเสียงลงท้ายที่ไม่ค่อยมีความหมาย แบบนี้จะมีหลายแบบก็ยังไม่เท่าไหร่ ไม่เหมือนท่อนบนที่พูดถึง

มันยังมีอีกหลายประเภท ผมไม่มีปัญญาจะจัดประเภทได้หมด เพราะมันเยอะเกินจนตามไม่ทัน รู้แต่ว่ามันบ้าหลุดโลกเกินไป..เล่นสนุกปากจนเลยขอบเขต..จนกระทั่งติดเป็นนิสัย ถอนตัวไม่ขึ้น..บางคนทำงานก็แอบเล่นในที่ทำงาน ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน (เช่นเดียวกันกับเด็กที่เรียนหนังสือ)...พอให้ทำรายงานส่งหรือไร พิมพ์งานมาซัก 100 หน้ากระดาษ..ทีนี้ก็เจอภาษาวิบัติอยู่ในรายงานเต็มไปหมด เพราะมันเล่นกันจนติด...สุดท้ายกลายเป็นว่า คนเรียนจบชั้นประถมที่ฐานะยากจนหรืออายุมากแล้ว ที่ไม่ได้เล่นเนต กลายเป็นเขียนหนังสือได้ถูกต้องกว่าคนที่เรียนจนจบมหาวิทยาลัยหรือ ปวช. ปวส. ม.6 เพราะเล่นโซเชียลดราม่าจนติด บางคนเล่นตั้งแต่เรียนชั้นประถม จนถึงมหา..ลัย แล้วจะไม่ติดได้ไง...วัตถุยิ่งเจริญ คนก็ยิ่งเสื่อม อย่านึกว่าดี..ปัญหาสังคมมันก็มากขึ้นๆเรื่อยๆ 
========================================
คำเพี้ยน ภาษาวิบัติ ทุกวันนี้น่าจะมีมากกว่า 1 พันคำ...แม้แต่คำว่า "น่าจะ" ยังพิมพ์กันว่า "หน้าจะ" ...น่าเกลียด ก็พิมพ์เป็น หน้าเกลียด..มีแต่คำน่าเบื่อหน่ายทั้งสิ้น...แต่ที่แสบทรวงคือ ในโลกโซเชียลใช้ภาษาเพี้ยนมากกว่าภาษาที่ถูกต้อง ดังนั้น ใครที่ท่องเนตเป็นปีๆ ส่วนหนึ่งจะรับเอาภาษาเพี้ยนไปใช้...อีกส่วนหนึ่งหัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่รับ (อาจจะเล่นเป็นบางเวลา ทำเพี้ยนไรนิดหน่อย) แต่สรุปคือรับไม่ได้อยู่ดี...คนส่วนหนึ่งคิดจะแก้ แต่จนปัญญาแก้ เพราะตนเองไม่ใช่ผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ไม่มีหน้าที่เป็นคนแก้...ส่วนคนจำนวนมากก็ช่วยทำลายภาษาไทยให้ย่อยยับไปเรื่อยๆ ...ผมหวังว่า คงไม่ต้องถึงขั้นต้องออกกฎหมายว่า การใช้ภาษาเพี้ยนเป็นการทำลายชาติ ทำลายความเป็นไทย ถึงขนาดต้องมีโทษปรับหรือจำคุก หรือทำทัณฑ์บน ถึงจะเอาอยู่...ด้วยจิตสำนึกของคนไทย ที่ใช้ภาษาไทย..คิดเอง ทำเองไม่ได้..สำนึกไม่เป็น..ก็ให้มันรู้ไป..แก้ไม่ได้ก็ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป จนภาษาพังพินาศไปเอง...ภาษาจีนอักษรตั้งหลายหมื่นตัว ต่างจากภาษาไหนๆในโลก..แต่จีนก็ยังสามารถสร้างหลักการในอักษรแต่ละตัว(แบบมีหลักเกณฑ์ อธิบายได้ว่า อักษรแต่ละตัวทำไมต้องเขียนแบบนั้น) อักษรจีนก็มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคสมัย จากเขียนเต็มเป็นเขียนย่อ แต่เป็นการวิวัฒนาการที่ดีขึ้นๆ ไม่ใช่แย่ลงๆ...พูดแค่นี้บางคนคงนึกภาพไม่ออก นอกจากว่าจะลองไปหัดเรียนอักษรจีน แล้วจะรู้ว่าอักษรจีนพิศดารแค่ไหน เป็นหมื่นๆอักษร ยังจัดระเบียบวิธีการเขียนได้...ส่วนคนไทยเรา เป็นไทยดีๆไม่ชอบ ใช้ภาษากันเหมือนเป็นคนต่างชาติหลบหนีเข้าเมืองมา..แค่คิดว่าฮาสนุกปากไปวันๆ..เท่..แต่ดูแล้วเหมือนไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เรียนจนถึงมหาวิทยาลัย ทำตัวเหมือนความรู้ประถม..สงสัยโดดเรียนบ่อย  

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เมื่อลูกศิษย์ต้องปะทะกับอาจารย์ในยามแข่งขัน ควรทำอย่างไร?

ก็แข่งกันไปครับ แข่งขันก็คือแข่งขัน ไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อให้อาจารย์ เขี่ยอาจารย์ตกรอบได้ก็เขี่ยไปเลย อิอิ...ถ้าไม่อยากทำจริงๆ ก็อย่าฝืนเล่น บอกไปเลยว่าไม่สู้ ไม่เล่น..ดีกว่านั่งต้มคนดู..แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไม่สู้ แข่งขันก็คือแข่งขัน..แต่เวลาที่ อ. กับ ศิษย์ แข่งกันนั้น ก็ควรจะเล่นแบบรักษามารยาทให้มากที่สุด..คนเป็น อ. ก็อย่ามัวแต่สนุกปาก แข่งไปแหย่ไป พูดไปคนเดียว..เพราะยุคนี้คนชอบถ่ายคลิปมาแชร์ พอเห็นคลิปที่แข่งขัน แล้ว อ. พูดอยู่คนเดียว..คนดูคลิปเห็นแล้วจะงงงวย ว่าเวลาแข่งขันน่ะ นั่งพูดคนเดียวได้ด้วยเรอะ?...ยังดีว่าคลิปมีตัดออก ถ่ายมาสั้นๆ..ส่วนคนเป็นลูกศิษย์ก็ควรจะรักษามารยาทในการเดิน ด้วยการเดินแบบนุ่มนวล ไม่ใช่ทำท่าฮึดฮัด เหมือนเอาเป็นเอาตาย หรือเป็นต่อหรือไรก็ทำกระแทกเบี้ยใส่ ดูแล้วจะเหมือนล้างครู...ถ้าเป็นผมนะ เผอิญว่าผมแข่งขันไม่เคยต้องแข่งกับ อ.ตัวเองมาก่อนเลย แม้แต่ครั้งเดียว..เพราะบรรดา อ.ของผมไม่ลงแข่งขันซักคน..จะมีคนเดียวคือโอนฝ่าที่ไม่เชิงเป็นอาจารย์จริงๆจังๆ แค่เคยไปเรียนด้วยนิดๆหน่อยๆ แล้วก็ต้องจ่ายค่าสอน(มากกว่าวิชาที่ได้รับมา) แล้วยังมียืมตังมีไรอีก..เลยต้องย้ายวิก..แต่ผมแข่งกะใคร จะเป็นใครค่ายไหน ผมก็เดินนุ่มๆตามสไตล์ของผม ไม่ค่อยจะไปกระแทกเบี้ยอะไรใส่ฝ่ายตรงข้าม บางทีโดนกระแทกมาก็ช่าง ไม่อยากโต้ตอบ เพราะผมคิดของผมว่า หมากฮอสไม่ใช่หมากรุก หมากรุกต้องโขกให้ดังโป๊กๆ หมากฮอสต้องตรงกันข้าม ต้องเดินนุ่มๆ วางแต่ละก้าวด้วยน้ำหนักเดียวกัน ถึงจะเป็นต่อหรือชนะก็ไม่จำเป็นต้องแหวกหญ้าให้งูตื่น..วางนุ่มๆ ทุบก็แบบนุ่มๆ โดนทุบก็โดนนุ่มๆ แพ้หรือชนะก็นุ่ม(นานๆครั้งที่จะเคาะใส่กลับคืนบ้าง แต่ผมไม่เคาะหลายทีหรอก เคาะทีเดียวแปลว่าอยู่แล้ว ตายแน่ รอดได้เก่ง)
============================
ยังเล่าไม่หมด เล่าต่อ อิอิ..แข่งขันไม่เคยเจอ อ. ก็จริง แต่เจอศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักแทบทุกปี ก็ลำบากใจมิใช่น้อย..ลำบากใจเพราะว่า ผมมักจะตั้งใจเล่น(แต่ก็มีบางครั้งไม่ตั้งใจเล่น ไม่อยากเล่น เช่นกัน)แต่อีกฝ่ายไม่อยากเล่น...แต่นับดูแล้วส่วนใหญ่ก็ตั้งใจเล่นทั้งสองฝ่าย จะมีบางไฟท์ที่มีฝ่ายหนึ่งไม่อยากเล่น และมีบางไฟท์ที่ไม่อยากเล่นทั้งสองฝ่าย(นี่แหละปวดขมับเลย) เดินต้มคนดู ก็เจอคำถามมากมาย...ไม่แข่งก็ไม่ได้ เหอๆ

ที่จะต้องโคจรมาเจอกันบ่อย ก็มีเฮียเก๊า เซียนหลอ ...คนนึงศิษย์พี่ คนนึงศิษย์น้อง ..ผมเจอเฮียเก๊าไม่ลำบากใจ เพราะมีสัญญากันแล้วว่า แข่งขันแบบตัวใครตัวมัน ได้รางวัลเท่าไหร่ก็มาหารสอง..แต่ผมขาดทุนทุกที ขาดทุนเยอะซะด้วย อิอิ เพราะผมทำอันดับได้ดีกว่า แต่ตอนแข่งขันก็แข่งจริงเกือบทุกไฟท์  ...แต่ช่วงปี 31 กับ 34 ที่เจอกันตอนรอบชิงฯ ตอนนั้นยังไม่ทำสัญญา..แพ้ชนะก็ไม่ต้องแบ่ง แต่ผมยังมีอ่อนข้อ อ่อนข้อแบบไหน? ใครก็ทายไม่ถูก รับรองได้...คือถ้าเป็นแต้มสำคัญที่ผมรู้มาจากอีกฝ่าย เช่นแต้มรับพุ่งเจ็ด แล้วพอเค้าพุ่งเจ็ดมาใส่เรา ถ้าเราจะเอาแต้มที่เค้าเคยถอดให้เราดู ย้อนศรกลับคืนไป คิดแล้วไม่ค่อยแฟร์...เพราะเราได้เปรียบ แล้วความรู้แต้มนี้เราได้จากเค้าตรงๆเลย..ผมก็เลยเลี่ยงไปรับแบบอื่น เพราะมันเลี่ยงได้หลายแบบ...แต่ครั้งนั้นผมเลี่ยงไม่ดี คือรับสไตล์ที่สตาร์ทตัวเดียวกับเฮียเก๊าไปครึ่งทาง แล้วผมค่อยเลี่ยง โดยที่ผมไม่รู้เลยว่า เลี่ยงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น แพ้หรือเสมอ สุดท้ายผมเลยแพ้ ด้วยเพราะเลี่ยงไปแบบไม่รู้..แทนที่จะเลี่ยงสตาร์ทตัวอื่น ก็หมดปัญหานี้

มีอีกครั้ง ครั้งนี้เรียกว่าจำใจเดิน..เฮียใช้เอาแต้มสามเรียงรูปเสี่ยงตัวแพ้..แต้มที่แชมป์น้อยเคยชนะหนุ่มเทพฯตอนต่อเสมอเป็นแพ้..แต้มนี้ผมบอกหนุ่มเทพฯไปหลังจากแข่งขันเสร็จแล้วว่า เป็นแต้มเก่ามาก ตั้งแต่สมัยวงเวียนใหญ่ เฮียใช้เป็นคนทำมา..แล้วเอามาโชว์ให้ผมดูด้วย..แล้วมีปีนึงรู้สึกว่าผมจะนำเฮียใช้ไปก่อน แล้วเฮียใช้ก็เอาแต้มนี้มาเดิน พอเดินมาผมก็คิดว่า แล้วจะทำไงดี...แต้มนี้เฮียใช้เคยโชว์ให้ผมดูแล้ว สงสัยเฮียใช้คงลืม..แล้วผมจะหนียังไงล่ะ..ไม่รู้จะหนียังไง เพราะไม่ใช่รูปเสมอหลายทางเลือก..เป็นรูปแพ้ที่ตีผิดเราก็จะแย่..หนีไม่ออก ผมก็ต้องตีไปตามล็อค แบบจำใจต้องเดิน ทั้งๆที่รู้มาจากเค้า

แข่งขันต้องคิดหลายอย่างจริงๆครับ ทั้งเลือกรูปหมาก หลอกล่อ เจอคนกันเอง ถึงจะต้องเล่นให้แพ้ชนะ แต่ก็ไม่อยากจะเอาเปรียบ(ในลักษณะเอาสิ่งที่เค้าสอนมาย้อนใส่ตรงๆ) แต่คนเล่นจะรู้ตัวเอง ว่าเราเล่นสนุกประทับใจคนดูหรือเปล่า เดินให้คนดูมีคำถามในใจหรือเปล่า ..บางคนอาจจะคิดง่ายกว่านี้ ได้ยินประกาศชื่อ เห็นแพริ่งปุ๊บ เขียนใส่กระดาษไปคนละครึ่งแต้ม แล้วแยกย้ายกันไปยืนดูคนอื่นแข่ง..ถ้าจับสองคนไปถามคนละห้อง บอกให้รีเพลย์มาให้ดูว่า ไอ้ที่แข่งกัน 4 กระดานน่ะ เดินอะไรกันบ้าง...รับรอง เงิบ เดินไม่ออก..ก็พี่เล่นเขียนกระดาษส่งเลย ง่ายไปป่ะ? 
=================================
มัวแต่พูดถึงศิษย์พี่ศิษย์น้อง ลืมพูดถึงเฮียใช้ เจ้าอาวาสเส้าหลินเลย...เจอบ่อยกว่าอีก อิอิ...ผมศิษย์เส้าหลินก็จริง แต่เรียนจากซือแป๋มา เลยไม่อึดอัดใจอะไร ยกเว้นแต้มแพ้ที่เอามาโชว์แต้มนั้นแต้มเดียวครับ  

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เหล้าเก่าในขวดใหม่...กลเก่ารูปโฉมใหม่

มีคนถามเกี่ยวกับวิธีแก้หมากกล ..ก่อนจะแก้ต้องเข้าใจสภาพของหมากกลก่อนว่ามีแบบไหนบ้าง
-กลตัวมาก มากกว่ากันจนเว่อร์ ทั้งฮอสทั้งเบี้ยเต็มกระดาน  10-30 ตัว..กลประเภทนี้แก้ง่าย มันต้องป้อนให้กิน โยนไปโยนมาเป็นชุด สุดท้ายก็หมดเกลี้ยงไปเหลือแค่ตัวสองตัว ถ้าอ่านหมากได้ลึกพอ กลประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องไปถอดเลย นั่งเพ่งไปเรื่อยๆ หาเหลี่ยมโยน ว่าจะโยนทางไหนก่อน ตามด้วยทางไหน สุดท้ายจะหาเจอ
-กลตัวน้อย มักเป็นพวกปลายกระดาน อันนี้ขึ้นอยู่กับกล บางกลสามารถมองจนเห็นได้ บางกลต้องไปถอด
-กลหมดก่อนชนะ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับกลเช่นเดียวกัน มีทั้งพอมองเห็นได้ และต้องเอาไปถอด เช่น 8 ตัวกับ 1 ตัวหมดก่อนชนะ หรือ 8 ตัวกับ 2 ตัวหมดก่อนชนะ ใครจะไปมองเห็นถ้าไม่ถอด? แต่พวกหมดก่อนชนะ โดยทั่วไปแล้วตัวมากได้เปรียบ มีโอกาสหมดก่อน (ถ้าหมากตั้งอยู่ฐานทั้งคู่ แบบไม่ใช่มาตั้งกลางกระดาน)

เวลาแก้หมากกล พยายามนึกถึงความรู้เก่าๆที่เคยรู้มา...หมากกลจำนวนไม่น้อยที่ใช้เหลี่ยมเดียวกัน นำมาสร้างใหม่ได้ซ้ำๆเป็นสิบๆรูป (เช่นเรื่องหมากกลแดนสนธยา เรื่องการบ้าน)..สรุปแล้วเป็นหมากกลเหลี่ยมเดิม ที่เคยมีมาก่อน ฮือฮามาก่อน แต่ถูกตกแต่งให้บังตาขึ้น พิศดารขึ้น ซึ่งถ้าใครตีโจทย์ไม่แตก ก็อาจจะนึกไม่ถึงว่า กลใหม่ที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ แท้จริงแล้วมันเป็นกลเก่าที่ถูกตกแต่งใหม่..ดังนั้น ตอนมองกลก็ต้องนึกถึงกลเก่าๆที่เคยรู้ไว้ด้วย..ซักพักก็จะเห็นเอง (เพราะการตั้งข้อสันนิษฐานก็ถูกต้องด้วย..แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า กลที่เห็นมีส่วนคล้ายกลเก่าไหนยังไง ..ยกตัวอย่างกลของลุงชัยนามครับ ที่แหย่ไปแหย่มาหลายตลบแล้วกินสี่ต่อ..ตำแหน่งที่ฮอสกินคือฮอสยืนเบอร์ 21 ..ดังนั้น เวลาเราเห็นกลอื่นที่ฝ่ายแก้มีฮอสอยู่เบอร์ 21 แล้วทางอื่นดูยากจะแก้เต็มที ..เราก็ต้องฉุกคิดว่า ตำแหน่งนี้กับกลลุงชัยนามมันเข้ากันได้ไหม?..ซักพักก็เห็นคำตอบครับ

กลเดียวสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้เป็นสิบๆแบบ บางกลอาจได้ถึงร้อยแบบ ความยากง่ายต่างกันไป แต่ถ้ารู้แบบเดียว แล้วมองออกว่ากลนี้ควรเป็นแบบนั้น มองถูกทาง ตอบโจทย์ถูก แม้จะพยายามทำให้ซับซ้อนขึ้นแค่ไหน ยังแก้แบบคิดสดได้ครับ..ยกเว้นกลปลายยากๆ(แบบใหม่ๆไม่คุ้น) หมดก่อนชนะ ...ถ้าคิดสดแล้วรู้สึกว่า คิดไปเป็นสิบก้าวก็มองไม่เห็น (คือถ้าจะเห็น สิบกว่าก้าวก็ควรเห็นละ ถ้ายังไม่มีแววก็ต้องถอดดูแล้ว เพราะเราก็ไม่รู้ว่าผู้ตั้งโจทย์ตั้งไว้ไกลแค่ไหน สิบก้าว ยี่สิบก้าว...เว้นแต่จะมีบอกใบ้มาด้วยว่า จบเกมภายในกี่ก้าว แบบนี้ก็ยังพอประมาณได้ว่าคิดสดได้หรือไม่ได้)
=======================================
วิธีแก้หมากกลที่ถูกต้อง ..ต้องพยายามแก้แบบคิดสด นั่งเพ่งไปจนกว่าจะเห็น ไม่เห็นก็เลิก ไปดูรูปอื่นหรือทำไรพักสมองก่อน แล้วค่อยมาแก้ใหม่ ถ้าจนปัญญาจริงๆแล้วค่อยดูเฉลย(พวกกลตัวมากป้อนโยนนะครับ) บางทีคิดมาหลายวันไม่เห็น อีกวันสมองแจ่มใส ปุบปับก็เห็นขึ้นมา..ส่วนกลไหนถ้าจำเป็นต้องถอด ก็ต้องถอด...ถ้ามัวแต่ดูเฉลย แก้ไม่ผ่าน ถือว่าสอบตกครับ..เพราะฉะนั้น จึงอย่าสอบตก ไม่มีใครมาเร่งเคาะประตูห้อง..ว่างๆก็ค่อยๆคิดไป เป็นการบ้านหลายวันก็คิดไป...ปัญหาก็คือที่ผมพูดว่า "แก้ง่าย" เพราะผมอยู่ในระดับซงระดับเซียนแล้ว ก็เลยพูดว่าง่าย..แล้วคนที่เพิ่งหัดใหม่ๆหรือมือระดับ ข. ล่ะ จะแก้ได้ไหม? คำตอบคือ แก้ไม่ได้ 100% ครับ อิอิ...ดังนั้น คนที่จะเพ่งจนเห็นก็จะมีแต่มือระดับ ข.ที่พอจะไต่ขึ้นชั้น ก.ได้...กับมือระดับ ก.ปลายแถวที่พอจะไต่ขึ้นสูงกว่านั้น..หรืออาจจะเหลือแค่ระดับ 4 เซียน 8 เซียนเท่านั้นที่แก้ได้...ซึ่งตรงนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ว่า ใครจะมองลึกกว่ากัน อยู่ประมาณชั้นไหนแล้ว...ถ้ากลประเภทโยนๆกลไหนผมแก้ไม่ได้ ผมมั่นใจว่าคนที่จะคิดสดแก้ได้มีไม่เกิน 8 คนครับ
===================================
 ยกตัวอย่างจากกลของราชาหมากกล วินัย ลิ้มฯ ..(คือไม่ใช่ของเจ้านี้ก็ไม่รู้จะมาจากเจ้าไหนแล้ว เพราะคนอื่นๆไม่ค่อยจะมีใครผลิตหมากกลออกมากันเลย)..ตัวอย่างแรกก็ตามที่เห็น เมื่อดูจากรูปก็ต้องวิเคราะห์ว่า  ฝ่ายขาวมีตั้ง 7 ตัว เป็นฮอสถึง 5 ตัว ..ฝ่ายดำมีแค่ 6 ตัว ฮอสตัวเดียว แล้วจะชนะได้ไง..ก็ต้องอาศัยฮอสตัวนี้แหละ..ค่อยๆเดินไปทีละก้าวได้ไหม? เป็นไปไม่ได้เลย ต้องโยนอย่างเดียว ..แล้วจะโยนไง เหลี่ยมไหน?..ถ้าคนที่ช่ำชองกับกลลุงชัยนามมาบ้างพอเห็นแล้วนั่งเพ่งซักแป๊บก็จะเห็น เพราะมันไม่มีเหลี่ยมไหนให้เลือก (แม้ว่าจะมีตัวอื่นที่ดูน่าเดิน มายั่วเย้าเบี่ยงเบนให้ไปมองมันก่อนก็ตาม พอมองซักพักก็จะรู้ว่าไม่ใช่ เธอไม่ใช่คนที่ฉันรัก..(แต่ตำแหน่งฮอสกะเบี้ยสามตัวกระจุกนั่น มันพิมพ์เดียวกับกลลุงชัยนาม ถ้าคนที่เคยเห็นแล้วฉุกใจคิดถึงมัน ก็ต้องหันมามองจุดนี้) กลนี้จึงแก้ไม่ยาก เพราะเทียบความซับซ้อนแล้ว รูปดัดแปลงอื่นๆที่ทำมาก่อนหน้านี้ มีซับซ้อนกว่านี้ ..อันนี้เป็นเพียงดัดแปลงเปลี่ยนโฉมมาอีกลุค..ตามนี้ครับ...




26-22, 15x25, 32-28, 6x15, 30-26, 19x30, 28x10, 1x15, 31-26, 30x23, 21x10 


โปรดระลึกไว้เสมอว่า การแก้หมากกลที่จบสั้นๆไม่เหลือบ่ากว่าแรง ต้องไม่ถอดหมาก ไม่ใช้โปรเด็ดขาด ต้องคิดสดๆเท่านั้น ไม่งั้นถือว่าสอบตกครับ..ผมเฉลย ผมก็ไม่ถอด ใช้เพ่งเอา 

ทีนี้ก็มาถึงหมากหมดก่อนชนะ นี่สิยากจริง เพราะคนทั่วไปจะไม่มีโปรมาถอด เว้นแต่พวกโปรแกรมเมอร์ เค้าสามารถทำโปรแบบไหนๆก็ได้..เมื่อชาวบ้านไม่มีโปรเช็ค จะรู้ได้ไงว่าที่เราคิดนั้นถูกต้อง ไม่รั่ว..ถ้าเป็นเกมสั้นๆ ก็พิสูจน์ได้ไม่ยาก..ถ้าเป็นเกมยาวๆลึกลับ อาจมีรั่ว...ตัวอย่างเกมนี้เป็นเกมสั้น หมากมีอยู่ 5:2 ถ้าฝ่ายดำเดินสะดุดนิดเดียว ฝ่ายขาวก็โยนให้กินหมดแน่..ทีนี้ก็มองว่า วิธีคิดจะคิดยังไง..พวกหมากหมดก่อนชนะ ถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายมีฮอสได้ก่อนโดยบังคับให้ฮอสตายไม่ได้ รับรองไม่เหลือ มักจะแพ้..ทุกก้าวจึงต้องบังคับสุดๆไม่ให้หายใจ ไม่ให้เข้าฮอสแล้วชิ่งหนีได้..แบบถ้าเข้าฮอสเมื่อไหร่ ฉันโยนให้กินหมดเกลี้ยงทันที เหลือแค่ตัวเดียวก็ไม่ได้ สุดท้ายมักจะแพ้อีก..ดังนั้น เกมนี้ก็ต้องมองว่าจะเลือกเหลี่ยมไหนดี มันมีตั้งหลายเหลี่ยม มีโปรก็ช่วยไรไม่ได้อีก ต้องสมองล้วนๆล่ะ..ก็ต้องนึกถึงทฤษฎีที่ผมพูดไว้ข้างต้น ถ้าเลือกผิดทางก็บังคับไม่อยู่ ..

เกมนี้จึงต้องแก้แบบนี้ครับ 20-16, 11x27, 21-17, 14x21, 30-26, 21-25, 22-18 ชัดมั้ยครับ เข้าฮอสไม่ได้เลยซักทาง เป็นอันว่าจบ
 

===================================
รูปแรก ผมมองว่าเป็นการพัฒนามาอีกรูปโฉมที่ดูต่างไปจากกลสไตล์เดียวกันที่เคยมีมาก่อนหน้านี้(น่าจะราวๆ 4-5 กลขึ้นไป) แต่รูปนี้ยังง่ายไปนิด เพราะถ้าจะเพิ่มหมากเข้าไปอีกหลายๆตัว น่าจะยังเพิ่มได้อีก เช่น เปลี่ยนเบี้ยขาวซักตัวเป็นฮอส แล้วเพิ่มฮอสดำเข้าไปไว้ตำแหน่งเบอร์ 5 หรือเพิ่มเบี้ยดำเบอร์ 13 ใส่เข้าไป..ยังพัฒนาต่อไปได้ครับ ที่ผมพูดเนี่ย ผมแค่มองแบบหยาบๆ ยังไม่ได้ตั้งกระดานจริง แต่รับรองว่าตั้งกระดานจริงก็ทำได้..ผมประเภทไม่ตั้งกระดานก็พอมโนออก เหลี่ยมนี้ยังเพิ่มเบี้ยเพิ่มฮอสได้อีก..เพียงแต่เอามาโชว์ก่อน พอตัวน้อยไปหน่อย ตัวทำตัวหลอกก็น้อย ทำให้คลำเป้าง่ายครับ
คือจากเหลี่ยมนี้ ยังมีพื้นที่โล่งในกระดานอยู่มาก หลังจากกินเสร็จจึงไม่จำเป็นต้องชนะทันที(เหลือฮอสกักสองเบี้ยตายสนิท) สามารถทำให้มีปลายสู้กันต่อได้อีก ทำเป็นกลสองชั้นก็ได้ กลย้อนเกล็ดก็ได้ ยากขึ้นไปอีกนิด
 

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประสบการณ์ที่เจอกับตนเองจากการซ้อมมาราธอนและร่วมการแข่งขัน เมื่อปีที่แล้ว

ปีที่แล้ว (2014) ก่อนไปลงสนามกรุงเทพมาราธอน(เดือน พ.ย.) ผมซ้อมเต็มระยะทางไป 2 ครั้ง...สองครั้งที่ว่าก็ทรมานพอๆกัน เวลาก็ใกล้เคียงกันมาก แต่ผมลืมไปแล้วว่าผลข้างเคียงจากการซ้อมครั้งที่ 1 และ 2 ..ครั้งไหนมีอาการอะไรบ้าง พอจำได้ว่ามีครั้งนึงอาการสาหัสมาก อิอิ กลับมาถึง(น้องๆ)ตะคริวเล่นทั้งคอ ทั้งเอว (น่าจะครั้งแรก) ขาก็เดินแทบไม่ได้ กลับมาถึงบ้านได้ก็บุญแล้ว อยู่ในบ้านยังแทบคลานเลยล่ะ ผมก็ยัดทั้งโปรตีน ทั้งเซนทรัมไปอีก 2 เม็ด แล้วอาการก็ค่อยดีขึ้น ไม่ต้องโทรเรียกรถหวอมารับ อิอิ...แต่วันที่ไปวิ่งกรุงเทพมาราธอนเนี่ย ลองคิดดูว่าเจ็บข้างก้นไม่มีหาย ตั้งแต่ กม.ที่ 18 เนี่ย ต้องทนอีกกว่า 3 ชม.นะครับ ทรมานจริงๆ แต่โชคดีว่าขาไม่ตาย อาการข้างเคียงอื่น(เช่นตะคริวกินเอว กินคอ ไม่รุนแรงมาก) ยังมีนะครับ นิ้วมือล็อค(ตะคริวกินนิ้วมือประจำ นิ้วเท้ากลับไม่เป็นไร) ...หลังจากแข่งเสร็จวันนั้นก็กลับไปนอนกลางวันต่อครับ.. นอนไม่พอ.. นอนกลางวันพักฟื้นเอาแรงได้ 3 ชม. แต่ตอนนอนเนี่ย ต้องนอนตะแคงซ้ายตลอด ตะแคงขวาไม่ได้เลย เจ็บข้างก้น อิอิ..ก็นอนตะแคงซ้ายไป...พอกลางคืนนอนใหม่ เริ่มตะแคงขวาได้ แค่เจ็บอ่อนๆ ค่อยยังชั่ว
ปีนี้ยังไม่แน่ว่าจะลงสนาม ยังรีรอไม่สมัคร ตัดสินใจไม่ถูก คือรายการนี้ต้องสมัครล่วงหน้าหลายเดือน ถ้าพ้นสิงหาก็เปลี่ยนราคา แพงขึ้นอีกหลายร้อย ครั้นสมัครล่วงหน้าหลายๆเดือน ก็ไม่รู้ว่าพอถึงวันแข่งขัน สภาพร่างกายจะยังดีอยู่ไหม ขาแพลงหรือเจ็บป่วยไรไหม หรือสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นยังไง รายการจะเลื่อนไหม..เช่นปี 54 น้ำท่วม เลื่อนจากเดือน พ.ย. ไป ก.พ. นู่น ...ค่าสมัครก็ 800 บาท ปีนึงใช่ว่าจะวิ่งงานเดียว วิ่งหลายๆงานปีนึงก็หมดหลายพันบาท ต้องคิดแล้วคิดอีก

อุลตร้าแมน 7 สีนั่น ผมทำเล่นเอง ไม่ได้ตามกระแสอะไรหรอกครับ อันนั้นเป็น 6 สี สีแดงอยู่บน ม่วงอยู่ล่าง..แต่ของผมทำเป็น 7 สี ม่วงอยู่บน แดงอยู่ล่าง(ไม่ได้เอามาโชว์).. กะแถบแนวตั้ง(ตามที่เห็น) ..เห็นเล่นกันอยู่ก็เลยทำมาเล่นๆ ..ไม่รู้หรอกว่าเค้าเล่นไรกัน แต่พอเห็นข่าวว่าเกี่ยวกับพวกชอบป่าไม้เดียวกัน อ่านแล้วสะดุ้ง อิอิ..เดี๋ยวซักพักอุลตร้าแมนก็บินกลับดาวแล้วครับ โชว์เล่นแป๊บๆ..รู้ๆกันอยู่ว่าผมประเภทโพสไปลบไป เหลือแบบเน้นๆ...ถ้าโพสไหนหายไปก็คือลบไปแล้ว เกรงใจคนอ่าน เพราะโพสยาวทุกโพส ไม่มีสั้นๆ เดี๋ยวอ่านกันไม่ไหว 555
======================================
  พวกตะคริวนี่ ผมก็งงกะมันจริงๆ ..คือถ้าวิ่งระยะ 10K (สำหรับผม) ผลข้างเคียงไม่ค่อยมี เว้นแต่ว่าวิ่งถี่ติดต่อกันเป็นสิบวัน ก็จะมีตะคริวกวนน่องตอนนอนบ้าง หรือ นิ้วมือล็อคบ้าง(เกิดจากเสียเกลือแร่ และขึ้นรถเมล์เกาะราวนานๆ รถก็ขับกระชากตลอด มือก็เกร็งไปด้วย)..ถ้าวิ่ง 21K แล้วเจออากาศร้อน เสียเหงื่อมาก ก็มักจะมีอาการตะคริวกินคอ กินเอว หลังจากวิ่งเสร็จแล้วจะเดินทางกลับ (สงสัยว่าทำไมสองเคสนี้กินแต่ข้างขวา ไม่กินข้างซ้าย??? แต่ถ้านิ้วมือหรือน่อง เป็นทั้งสองด้าน)..มีครั้งนึงอาการหนักสุด แวะกินข้าวในห้าง ซักพักหนาวสั่นเป็นเจ้าเข้า นิ้วมือชาจนหมด 10 นิ้ว ..ชานานเกือบครึ่งชั่วโมงถึงจะหาย งง ไม่เคยเป็นแบบนี้..แถมหัวใจโดนกระชากไปหนึ่งจึ๊ก นี่ก็ไม่เคยเป็น..ยังนึกว่าถ้ามันกระชากซัก 2-3 ที อาจได้กลับบ้านเก่าเป็นแน่แท้...ทุกวันนี้ก็ยังงงไม่หาย ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร ขนาด 21K วิ่งมาบ่อยหลายสิบครั้งแล้ว ทำไมมันเป็นขึ้นมาได้??
 ====================================
ท่อนบนพูดคลุมเครือ เดี๋ยวคนอ่านจะเข้าใจผิด คือพวก(น้องๆ)ตะคริวกินคอ กินเอว นิ้วล็อค ไรพวกเนี้ย มักจะเกิดจากการวิ่งไกลๆเช่น 21K ..ถามว่าแล้วระยะ 10K เป็นมั้ย..มีเป็นเพียงบางครั้ง แต่ถ้า 21K ขึ้น ยิ่งระดับ 30K ขึ้น ก็ต้องเจอสารพัดอาการมากกว่า...แต่มันจะไม่เป็นตอนวิ่งครับ จะเป็นตอนหลังจากวิ่งจบแล้ว เดินทางกลับ..อาการมาออกทีหลัง แต่ออกเป็นชุดเลย...เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่า มีสารพัดอาการแล้วผ่านมาราธอนมาได้ไง ก็เพราะตอนวิ่งมันยังไม่มีอาการ(อาฟเตอร์ช็อค)ที่ว่า...ตอนกลับบ้านนี่แหละทรมานกว่า อาการมันค่อยๆออกมาทีละอย่างครับ 
==================================
สาเหตุคงเป็นเพราะว่า ร่างกายเสียเกลือแร่ไปมาก ถ้าร่างกายอยู่นิ่งๆนั่งรถเก๋งกลับบ้าน พวกอาฟเตอร์ช็อคมันก็ไม่ตามมา แต่พอไปขึ้นรถเมล์แล้วต้องยืนเกือบตลอดทาง รถก็ขับกระชาก เบรคก็จึ๊กๆตลอด ร่างกายก็เกร็งตามไปตลอดทาง ตะคริวมันเลยเล่นไปทั่ว..บ่อยครั้งที่เดินทางไกลกว่า 25 กม. (เช่นไปงานแข่งขันหรือไปซ้อมที่สวนลุมหรือที่ไหนๆที่ตั้งใจไป...ส่วนที่ซ้อมปกติก็จะห่างจากบ้าน 2.5 กม.) สรุปแล้วเดินทางไกลมาก คิดดูว่าแค่ไปซ้อมวิ่ง บ่อยครั้งยังต้องเดินทางไป-กลับ ไกลกว่า 50 กม. เสียเวลานั่งรถไป-กลับ 4 ชม.กว่า (ลองบวกเวลาวิ่งและพักอีกซิว่า วันนั้นหมดไปกี่ชั่วโมง?)...ค่ารถล่ะ..ถูกๆก็ยังหลายสิบบาท เพราะต้องนั่งหลายต่อ รถร้อนรถแอร์บ้าง บางทีใช้ BTS อีก บางวันหมดค่ารถ 100 กว่าบาท ค่าน้ำอีก 20 กว่าบาท เพื่อไปวิ่งเนี่ยนะ ลงทุนขนาดนี้ เชื่อมั้ยล่ะ เหอะๆ
 

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กว่าจะมีอารมณ์ซ้อมไกล ปาเข้าไปกลางปีพอดี

ปีนี้เทียบแล้วสู้ปีที่แล้วไม่ได้ เพราะเอลนิญโญ่และความเซ็งเป็นสาเหตุหลัก..รวมกับการออกจากบ้านผิดเวลา(ออกไปตั้งแต่บ่าย แดดยังเปรี้ยงๆ เพราะเบื่อจะรอจนค่ำ)...ผ่านมา 6 เดือน ได้ตากฝนแค่ 4 วัน เซ็งห่าน(โตกว่าเป็ด)...วันนี้เพิ่งจะซ้อมถึง 21K ได้เป็นครั้งแรก หลังจากไม่เคยวิ่งระยะนี้มานาน 7 เดือนเศษ ไม่ใช่เพราะวิ่งไม่ไหว บอกแล้วขี้เกียจจริงๆ ระยะนี้ถ้าตั้งใจวิ่ง(แบบมีท้าเดิมพัน)รับรองวิ่งได้สัปดาห์ละ 2-3 วัน อิอิ แต่พอไปวิ่งแบบมีพระอาทิตย์ส่องไปด้วย วิ่งแล้วไม่ค่อยมีความสุข รออากาศดีๆค่อยวิ่งเมื่อไหร่ก็ได้
แต่พอพักนานไป ก็ต้องปรับตัวบ้าง ก็ตามที่เห็นครับ เริ่มโผล่ 15K มาสองหน 12K บ้าง แล้วทีนี้ก็ค่อย 21K พอปรับตัวเสร็จแล้ว ทีนี้ก็จะเริ่มยาวติดต่อกันไป ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ ช่วงไหนขยันก็เพิ่มความถี่เข้าไป



คือเวลาวิ่งไกลตั้งแต่ 21k ขึ้นไปเนี่ย มันเปลืองค่าน้ำกับเกลือแร่ด้วย หมดค่าน้ำไปอีก 17-27 บาท ..ยิ่งซ้อมไกลถึง 30k up หมดค่าน้ำ 40-50 บาท ถึงไม่อยากซ้อมบ่อย..ครั้นจะประหยัดพกน้ำไปเองก็ไม่ไหว หนัก ..ซื้อน้ำกินก็เปลือง เหอะๆ

 เคล็ดไม่ลับที่จะประหยัดค่าน้ำของผมก็คือ ก่อนวิ่งจะดื่มน้ำประมาณสองแก้ว (ราวๆ 500 cc.)พักซัก 15 นาทีให้น้ำออกจากกระเพาะไปบ้าง บางครั้งก็ผสมเกลือแร่ลงไปด้วย(คือบางวันกินอาหารน้อย รู้ว่าไม่ค่อยมีแรง) แต่จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องผสมเกลือแร่หรอกครับ ผสมกลูโคสดีกว่า..เกลือแร่ซองมันก็มีกลูโคส แต่มันมีเกลือด้วย กินเกลือมากไปก็ไม่ดี เดี๋ยวไตมีปัญหา

ถ้าวิ่ง 10-15k แล้วไม่ถึงขนาดเจอแดดจัดมาก น้ำสองแก้วที่ว่านี่ก็ช่วยให้วิ่งได้จนครบระยะทางเลยครับ ไม่ต้องเสียเวลาแวะซื้อน้ำ วิ่งเสร็จแล้วค่อยซื้อน้ำเปล่า ขวดเดียวจบ...แต่ถ้าวิ่งเกินกว่านั้น จะฝืนน่ะยังพอฝืนได้ ไม่ถึงกับช็อคสลบอะไรหรอก(สำหรับผมนะ) แต่ขามันจะตาย ใจก็หน่าย..เวลาผมวิ่ง 21K ผมมักจะไปซื้อน้ำและเครื่องดื่มเกลือแร่ หลังจากผ่านไปแล้ว 14-15k คือทนแบบเต็มที่ รอให้มันเหลืออีกซัก 6-7k แล้วเลิก ว่างั้นเหอะ..ก็แล้วแต่อากาศอีก บางครั้งก็แค่สปอนเซอร์ขวดเดียว บางครั้งก็สองขวด บางครั้งก็น้ำขวดนึงกับสปอนเซอร์ขวดนึง...พอดื่มเสร็จก็พักประมาณ 2-3 นาที แล้วก็วิ่งต่อเลย (บางวันไม่พัก วิ่งต่อเลย) น้ำยังเต็มกระเพาะอยู่ แต่ไม่จุกหรอกครับ ยิ่งกำลังหมดแรง ต้องไปแบบสปีดต่ำอีกซักพัก(ยังไม่เร่งแน่นอน รออีกซักสิบกว่านาที).. ฝึกมาจนชินแล้ว (ไม่มีอาหารในกระเพาะเป็นใช้ได้) พอได้เติมน้ำมัน(เกลือแร่) ขาที่ตายๆซักพักก็กลับมาเป็น แป๊บเดียวเอง..แต่ถ้าซ้อมถึงมาราธอน ขาตายแล้วต้องอู้นานหน่อย
บางคืนผมนอนเนี่ย รำคาญขาเป็นบ้า แบบมีแรงดันให้เสียวตะคริว และก็ออกล้าๆ(ล้า แต่ไม่ปวดเมื่อย) ..ตื่นมาหลายชั่วโมงบางครั้งก็ยังมีอาการอยู่ ผมก็ยัดๆพวกโปรตีนเข้าไป พอถึงเย็นก็วิ่งอีก แบบไม่มีขยาด ..วันนี้นี่ก็เช่นกัน.. คืนก่อน นอนแล้วทรมานมาก กะว่าจะพักซักวัน แต่พอไปยืนบนตาชั่งแล้ว นน.ดันดีดขึ้นมาเกือบสองโล(หลายวันก่อนกินมากไปหน่อย อิอิ) เลยหัวเสีย หยุดอีกสงสัย นน.ขึ้นอีก..ว่าแล้วทำตรงกันข้าม วิ่งมัน 21k ซะเลย 555 คุมน้ำหนักไว้ก่อน

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แต้มระเบิดนิวเคลียร์จากหมากฮอสสามแถวไทย(12 ตัว)

พูดถึงสามแถว ผมว่าแต้มมันลึกลับซับซ้อน สนุกกว่าหมากฮอส 8 ตัว (แต่ทั้งสองฝ่ายต้องไม่ยึดล็อคใดล็อคหนึ่งจนเกินไป แบบว่าเปิดเล่นกันหลายๆแบบ และยิ่งถ้ามีเดินผิดไปผิดมาด้วย แล้วไม่จอดกลางกระดานซะก่อน รอดไปถึงปลายได้ จะได้เจอปลายสนุกๆเพียบ)
หมากฮอสฝรั่งสามแถว ถ้าเป็น draughts ฮอสกระโดด เอามาใช้กับสามแถวไทยไม่ได้...ถ้าเป็น checkers ฮอสสั้น เอามาใช้กับฮอสไทยได้ราวๆ 30% ...ทำไมถึงเรียกแต้มระเบิดนิวเคลียร์ คือ หมากข้างละ 12 ตัว ตอนแรกก็แลกกันไป 2 ตัว จนเหลือข้างละ 10 ตัว แล้วถึงจังหวะทิ้งร่มพิศดาร กินกันทีเดียว 13 ตัวเหมือนประทัดแตก(จาก 20 ตัวที่ยังเหลืออยู่) จนเหลือ 4:3 (โดยที่ฝ่าย 4 ตัวเหลือแต่เบี้ยติดขอบกระดาน, ฝ่าย 3 ตัว เหลือฮอสหนึ่งตัว กับเบี้ยอีกสอง ติดขอบกระดานเช่นกัน เรียกว่าเหลือแต่ขอบ กลางกระดานแน่นๆหายเกลี้ยงเหมือนระเบิดลง อิอิ) กว่าจะหาแต้มพิศดารนี้เจอนานร่วม 20 ปี(ไม่ถึงยุคโปร หาไม่เจอ)..เดิมทีซือแป๋สอนให้ผมเล่นทรงนี้ ด้วยเหตุผลว่า เป็นรองก็จริง แต่มีแต้มแสบๆกินหลายต่อสวยๆเยอะ ดีกว่าไปเล่นตัวที่ชาวบ้านเล่น ล็อคมันเยอะจัด..ผมไม่เชื่ออาจารย์ ผมจะเชื่อใคร? เพราะผมก็รู้ว่าซือแป๋นี่ก็นักทายใจ เล่นหมากเชิงจิตวิทยา ทั้งบู๊ทั้งบุ๋น ทั้งตุ๋นทั้งต้ม แต้มแพ้แต้มเสี่ยงเป็นรองก็สอนให้เล่น..แม้แต่เวลาซือแป๋สอนลูกศิษย์ก็ไม่เชิงว่าจะสอนเหมือนกันทุกคน คือจะมองนิสัยและความชอบของลูกศิษย์ ความสามารถ ฯลฯ แล้วเลือกแต้มให้เหมาะกับคนๆนั้น..แล้วผมประเภทไหนล่ะ? ประเภทเกือบถูกขับออกจากสำนัก อิอิ..เพราะตอนฝึกกับซือแป๋วันแรกๆเลย ผมดันเอาหมากห้าแต้มที่ซือแป๋ถอดไว้รอดักค่ายมังกร(เช่น โอฝ่า) ไปโชว์ให้โอฝ่าดู ..เรียกว่าแต้มลับเฉพาะ..ซึ่งตอนนั้นผมไม่ประสีประสา เพราะผมเคยเรียนกับโอฝ่าก่อนมาเป็นศิษย์ซือแป๋..ผมสงสัยว่าทำไมสอนไม่เหมือนโอฝ่าหลายแต้ม ใครผิดใครถูก? ผมก็ลองเดินให้โอฝ่าดู ไม่รู้ว่าเป็นแต้มหวง ซือแป๋เห็นกะตาก็เลยเคือง แต่ซือแป๋ก็ใจดี ปลงตก บอกไม่เป็นไร แต้มไม่ได้มีแค่แต้มเดียว ไว้หาแต้มอื่นมาใหม่ก็ได้ :)
เรียนกับซือแป๋หลายปี ผมเชื่อถือแต้มซือแป๋แทบทุกแต้ม แม้บางคนสบประมาทว่าซือแป๋มือยังไม่ถึง ถอดรั่วเยอะ..ผมก็รู้ว่ารั่วเยอะจริง แต่ที่รั่วๆนั่น คนจะรู้ในภายหลัง (หลังจากพ่ายแพ้ไปแล้ว) ถึงจะไปถอดจนรู้ว่ารั่ว ..ถ้างั้นก็ช่างเหอะ รั่วก็รั่วไป ขอชนะไว้ก่อน วันหลังถอดมาก็ไม่เล่นแล้ว อิอิ..คือระหว่างถอดรั่ว กับไม่ได้ถอดมาเลย อะไรจะดีกว่า?..ถอดแทบตายยังรั่ว คิดสดๆจะมองเห็นรึ?

แต้มสามแถวแต้มนี้ ตำราฝรั่งก็ทำไม่ได้..ตำราซือแป๋ก็หาจุดพิศดารนี้ไม่เจอ ตำราผู้พันตีแต้มนี้ตาย..แต่ความที่ผมยังคิดว่า แต้มนี้ก็เป็นแต้มนึงที่ซือแป๋ตั้งใจอยากให้เล่นมาก แล้วผมก็เคยเล่นมานานร่วมสิบปี ไม่น่าจะเป็นแต้มแพ้เลย พับผ่า..เจอจุดตายแล้วจะยอมฝ่อดีไหม? ไม่มีทางแก้แล้วจริงๆหรือ ผมก็ลองถอดโปรดู แต่ตอนนั้นโปรเวอร์ชั่นเก่า ไม่มีคะแนนบอกอีก ถอดยาก ..ผมจำไม่ได้ว่า ตอนที่ผมถอดเจอ เพราะผมกดลากเอาเองหรือตั้งเลเวลสูง ถึงเจอวิธีแก้จุดตายให้เป็นจุดเป็นได้..แต่พอผมหาเจอ ผมก็รู้ว่า ใครที่รับแต้มนี้สไตล์นี้ ถ้ามาเจอผมตอนนั้น รับรองต้องเสร็จทุกราย คือต้องโดนทิ้งร่มทุกคน..จริงๆแล้วทิ้งร่มไปก็เสมอ แต่ทุกคนจะต้องช็อค คือรู้ว่าล็อคตัวเองยังมีรั่ว แล้วพอเห็นปลายกระดานก็จะตกใจอีก ดูคล้ายว่ามีแต่เสมอกับแพ้ แต่จะไปแพ้ถ้าเดินแบบที่ควรจะเดิน และจะไม่แพ้ถ้าเดินแบบที่ไม่ควรจะเดิน (ฟังแล้วงงป่ะ อิอิ) สรุปว่าปลายมันออกจิตวิทยา เลือกตัวที่น่าเดินสุดท้ายจะแพ้ เลือกไม่น่าเดินจะเสมอได้..แล้วพวกเซียนใหญ่เซียนกลาง ล้วนเลือกตัวนี่น่าเดิน จะรอดรึ???

รอบชิงสนามหลวง 2549 ตอนที่ผมทิ้งร่มเซียนดำ ผู้พันนั่งเป็นกรรมการอยู่ (บันทึกแต้มลงคอมไปด้วย) ก็ยังเปรยออกมาว่า "สามแถวยังไม่จบสิ้นจริงๆ" (แบบนึกว่าแต้มนี้จบแล้ว ตายสนิทแล้ว แต่กลับมีแต้มประหลาดมาแก้) ส่วนเซียนดำแพ้กระดานนี้ใจเสียเลย กระดานต่อไปรวนหมด...พอเซียนดำกลับไปเชียงใหม่ ลุงวี(แก้วแมว) ถามว่าไปแพ้แต้มไหนมา เซียนดำก็เดินให้ดูตามที่แข่งขัน พอถึงจังหวะจะมีร่ม เซียนดำก็แกล้งถามลุงวีว่า แต้มนี้เดินตัวไหนดี ..ลุงวีก็ตอบว่า ก็ไล่กินเข้าไปดิ แพ้หมดแล้ว..พอไล่ไป ลุงวีก็เจอระเบิด พูดออกมาว่า "แต้มผีหลอก" อิอิ

ก็เป็นแต้มเก่าที่เคยลงที่หมากฮอสคลับไปแล้วเช่นกัน..แต่เที่ยวนี้ขี้เกียจลงแล้วครับ คนเก่าคนแก่เคยอ่านมาหมดแล้ว ..ส่วนใครยังใหม่ก็ลองขนขวายหาดู ไม่เหลือบ่าก็แรง ถ้าตั้งใจหา..คือผมอยากบอกว่า การแก้เกมต้องแก้ให้ถึงที่สุด จนไม่มีทางแก้ได้แล้วจริงๆก็อย่าไปแก้ เล่นรูปอื่นไปเลย..บางรูปพอแก้เกมถึงที่สุด จากที่เคยคิดว่าหมากนั้นๆต้องแพ้แน่ กลายเป็นเสมอได้(เพราะจุดลึกลับที่ว่ามันหายากเกินไป ยุคไม่มีคอมหากันไม่เจอเลย) แล้วก็กลับมาเป็นหมากที่ใช้ได้ ไม่เสียของ

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ตอบ..คอมเม้นท์จากนักหมากฮอสรุ่นเก๋าคนหนึ่ง

ขอไม่เอ่ยชื่อนะครับ ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าตัว.. แต่คนที่คร่ำหวอดกับการแข่งขันในอดีตและเคยดูบันทึกการแข่งขันมาบ้าง ได้ยินชื่อก็คงรู้จักร้องอ๋อ เคยติด 16 เซียนงานสนามหลวงครั้งแรกปี 2545 (มีในบันทึกการแข่งขันที่พ่อเลี้ยงแดงพิมพ์แจก)..ช่วงหลังไม่ได้เจอนานหลายปีทีเดียว นึกว่าเลิกจับหมากฮอสแล้ว แต่พอโผล่มาเม้นท์ ถึงรู้ว่าก็ยังไม่ได้ทิ้งหมากฮอส เดาว่าอาจจะเล่นๆหยุดๆเป็นบางช่วง..ยินดีครับ ที่ยังติดตามให้ความสนใจอยู่..ผมเห็นเม้นท์มาหลายเรื่องทั้งเรื่องขยะสะพานลอย ภาษาวิบัติ การตั้งชื่อหมาก แต่ผมใช้ blogger กับ G+ ยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องครับ(พูดตรงๆก็คือเล่นไม่เป็น อิอิ) ก็เลยยกมาโพสคุยตรงนี้เลย
สำหรับคำถามเกี่ยวกับกฎ กติกา หมากฮอสสากล (draghts 10X10) ..ผมเคยมีพูดถึงในหมากฮอสคลับไว้ เกี่ยวกับกติกา(การเดิน)ไว้พอประมาณ ไม่รู้ว่ามีเซฟเก็บไว้หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ถามไถ่จากเพื่อนนักหมากฮอสบางคนดูครับ อาจมีคนเซฟไว้เกือบครบ(เช่น นิวซัง คนนึงละ อิอิ) บอกตรงๆว่ากติกาหมากฮอสฝรั่งเนี่ย ผมก็ยังรู้ไม่จริง ไม่ได้ศึกษาจริงจัง แต่หลักๆก็คือ
-ฮอสกินกระโดดยาวกี่ช่องก็ได้
-เบี้ยกินได้ทั้งเดินหน้าและถอยหลัง
-เวลามีให้เลือกกิน ต้องเลือกกินทางที่กินได้มากที่สุด (เช่นมีสวนหลายด้านให้กินตัวเดียวหรือสองสามตัว บังคับให้กินทางที่มากที่สุด ชอบหรือไม่ชอบก็ต้องกิน)
-ฮอสไม่สามารถกินรำวงไปรอบทิศ กินไปทางใดทางหนึ่งก็ไปทางนั้น ย้อนศรกลับมากินอีกไม่ได้
-คงมีอีกบางข้อ(นึกไม่ออก ไม่ได้จับเลย)

ถ้าพูดถึงกติกา(แข่งขัน) ก็คนละประเด็น เช่น กระดานนึงให้เดินนานหลายชั่วโมง ทำนองว่าต้องเดินไปอย่างน้อย 40 ก้าว(ถ้าจำไม่ผิด) จึงจะขอเสมอกันได้..พอพ้นก้าวที่กำหนดแล้ว ขอเสมอกันได้ตลอด บางทียังเหลือข้างละ 8-9 ตัวก็ขอเสมอกันได้ (ข้อนี้ไม่ถูกใจผมเลยจริงๆ แล้วจะแข่งกันไปทำไม แพ้ชนะก็เดินให้รู้ดำรู้แดงไป ต่างฝ่ายต่างกล้าๆกลัวๆขอเสมอกลางกระดานนี่กระไรอยู่ เล่นให้เข็มตกไปก็ได้..จะเอาแบบคนเล่นเข้าใจกันหรือไม่เข้าใจกัน(แต่อยากเสมอ).. แต่..งงคนดูครับท่าน..เพราะคนดูเขาอยากดูจนจบว่ามันเสมอจริงหรือเปล่า? อยากได้ความรู้...เล่นจับมือเสมอกันแบบถูกกติกา แต่หมากยังเหลือมากกว่าหมากฮอสไทย.. แล้วคนดูจะได้อรรถรสอะไรจากการไปชมดูล่ะ?

ช่วงหลังนักหมากฮอสไทยมีไปร่วมแข่งหมากฮอสสากลอยู่พอประมาณ บางคนก็ทำผลงานได้ดี แต่ดีแค่ไหนก็ยังอยู่ประมาณกลางตาราง..คือถ้าจะมองอนาคตว่าเล่นแล้วจะรุ่งจนไปเป็นแชมป์หรือเฉียดๆได้หรือไม่ ผมว่ายังยากนะ..แล้วแข่งกันทีหลายวัน 8-9 วันเลย คุ้มกันหรือเปล่า? แชมป์ได้รางวัลเป็นเงินไทยราวๆ 3 หมื่นมั้ง แต่ที่ไปแข่งๆกันได้รางวัลปลอบใจมาคงประมาณ 1-3 พัน แข่งนานขนาดนั้น ถ้าเป็นผมนะ ผมไปวิ่งเล่นดีกว่า หลังนี้นั่งเฉยๆนานๆไม่ได้ หงุดหงิด ...เล่นหมากฮอสไทยดีแล้วครับ จะไปกินหมูที่ไหนก็ยังมีให้กิน นึกอยากไปเล่นหมากฮอสฝรั่ง จะไปหาหมูกินที่ไหน?..ไปฮอลล์น้ำผึ้งผสมมะนาวแลนด์โน่นนนน

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สกายหลับเพราะซื้อหนมยาย

สกายแล็บสมัยแรกนั้นเดินตามนี้ครับ 25-22, 8-11, 22-18, 4-8, 26-23, 7-10, 28-24, 5-9, พอถึงจังหวะนี้แล้ว ฝ่ายขึ้นก่อนก็จะเดิน 29-25 เปลี่ยนเป็นทำท่าจะพุ่งเจ็ดหรือปิดเป็นมาตรฐาน..แต่นิสัยผมที่ชอบหาจังหวะแปลกๆไปหลอกคน พอถึงจุดนี้ผมก็ไปดูตัว 32-28 ว่า อู้อีกทีจะไหวมั้ย..แล้วพอเห็นว่าถ้าอีกฝ่ายแทรกไล่มาก็มีแต้มทิ่มสวนไปให้เลือกกิน กินทางนึงโดนสองขาดทุน กินอีกทางก็รู้สึกทางจะเป๋ เข้าท่าดี แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ไล่ล่ะ เลื้อยเลาะข้างไป ผมก็ถอดหมากไม่เก่ง เห็นว่าเล่นยากเป็นบ้า ไม่น่าเล่น เก็บไว้เล่นสนุกหรือเดิมพันต่อเสมอแพ้ดีกว่า แข่งขันหมากปกติผมไม่กล้าเดินแน่..ตอนซ้อมก็หลอกได้หลายคน(หลอกแค่ตำแหน่งเสียบกลางแล้วสวนนั่นแหละ แต่ก็หลอกได้คนละครั้งเดียว) แม้กระทั่งเซียนแว่นใหญ่ก็โดนหลอกกินสองตอนที่เสียบไล่กลางมา แต่ถึงกำไรได้มาตัวนึงก็จริง หมากมันยังเป๋ๆชนะยาก แล้วตอนนั้นผมยังอ่อน เซียนแว่นใหญ่ก็แก้เสมอ(หรืออาจพลิกชนะด้วย ชักลืมๆ)ไปได้ตอนที่ซ้อมกัน(ทั้งที่เขาควรแพ้) แล้วที่ซ้อมเล่นสกายแล็บเนี่ย ผมมักจะแพ้ซะเป็นส่วนใหญ่ ชนะน้อยมาก เล่นไปขาดทุนไป ต่างกับกระเรียน ผมจึงไม่สนใจแต้มนี้ แต้มอื่นมีถมเถ เล่นง่ายกว่า
เซียนดำอาจเห็นแต้มนี้จากการที่ผมซ้อมเล่นในวัดมหาธาตุประจำ แล้วเอาไปถอดจนมีพิษสง เอาไปชนะใครต่อใครหลายคน เฮียใช้ก็เคยแพ้แต้มนี้ตอนแข่งกับเซียนดำ (เปี๊ยกโพธารามก็น่าจะเคยแพ้เดิมพัน) ซือแป๋เรืองชัยกับเซียนเก๊า หลายๆคนตอนนั้นก็เริ่มช่วยกันถอดว่าแต้มนี้มันแพ้หรือเสมอกันแน่..แต่ใจยังเอนเอียงว่าหมากแพ้ ก็ถอดกันทำนองว่าน่าชนะ..แต่ผมคนที่อุตริเดินเป็นคนแรก กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถอดเองก็ถอดไม่เป็น.. ก็รอของฟรีจากเฮียเก๊า ซือแป๋ เอามาโชว์ก็จำๆไว้บ้าง(แบบงงๆ) แต่ไม่เข้าสมองหรอกครับ หมากมันเป็นอีกแนว ไม่เข้ากับพวกมาตรฐาน..แต่เฮียเก๊าถอดแต้มนี้ไว้ได้แจ่มทีเดียว ซึ่งเป็นแต้มที่ผมเลือกรับเซียนดำปี 2551(ไฟฟ้าครั้งที่ 12) ในรอบชิงฯ

(แทรก) ต้องขออภัยด้วยที่เรื่องเล่าที่จะเห็นต่อไปนี้ ผิดพลาดเรื่องตัวเลขบนกระดาน คือ ในขณะที่ผมพิมพ์เล่า ผมไม่ได้ตั้งกระดาน ผมใช้คิดถึงตำแหน่งเอาในใจ แล้วผมก็ลืมว่าผมอยู่ฝ่ายเดินหลัง ผมก็เลยพูดเหมือนว่าผมอยู่ฝ่ายเลขมาก เช่น 7-10 (จริงๆแล้วคือ 26-23) สรุปว่าเลขจากการเล่ามันกลับด้านหมด ให้แปลเลขน้อยเป็นเลขมาก เลขมากเป็นเลขน้อยครับ..แต่ตอนที่ลงแต้มให้ดูนั่น เลขถูกต้องครับ
ตอนที่เซียนดำแข่งอยู่กับผมแล้วงัดแต้มนี้มาใช้ ผมก็งงๆว่า สุดท้ายแล้วอัฐยายก็มาซื้อหนมยายจนได้ ผ่านมาเป็นสิบปี เซียนดำเก็บคนอื่นด้วยแต้มนี้มาแล้วหลายราย ตอนนี้นึกไงค่อยเอามาใช้กับผม?..แอบกลัวต้นตำรับหรือเปล่า(แต่รู้ไม่จริง อิอิ)..แต่ผมก็มั่นใจว่า แต้มที่เซียนเก๊าถอดไว้น่าจะได้ผล ถึงไม่ชนะก็เสมอได้ ผมน่าจะรับอยู่..แล้วเซียนดำก็เดินผิดจนกระทั่งติดแพ้ แต่ตอนนั้นผมก็งงเหมือนกัน เพราะคนอื่นจะติดแพ้ง่าย สุดท้ายจะโดนบังคับร่ม แต่ทำไมเซียนดำเดินผิดแล้วไม่เดินตัวที่โดนบังคับร่ม ไปเดินอีกตัวแทน? ผมก็งงว่าเซียนดำเตรียมการบ้านมา หรือไม่ได้เตรียม..อาจจะติดแพ้แต่เห็นร่มแล้วหนีไปตัวเหนียว..จังหวะนั้นทำให้ผมต้องคิดหนัก เลือกผิดเราจะเน่าแทน..ผมเลือกยิงทิ้งเข้ากลาง และเลือกถูกซะด้วย ..แต่พอยิงเข้าไปแล้ว เซียนดำวิ่งเบี้ย 7-10, ผมก็คุ้นว่าหมากนี้มันไปคล้ายกับโจรตั๊งมากๆ ถ้าผมเดิน 15-11 เดี๋ยวเป็นเรื่องแน่ จะโดนไล่เบี้ยแล้วทิ้งร่มในตอนหลัง..ผมก็ไม่กล้าโผล่ไปยืนค้ำเบอร์ 11 รู้ว่ามีปัญหาแน่..ผมก็อู้เอาตัว 20-16 ลงมา(เป็นทรงสามเหลี่ยม) พอเซียนดำโผล่ 10-14 ผมก็ยังใจเย็น ไม่ขยับสามเหลี่ยมรีบเข้าฮอสซะด้วย กลับเดินตัว 25-22 ให้เซียนดำไล่กิน พอเซียนดำไล่กินแล้ว ผมค่อยคิดว่า ตรงสามเหลี่ยมนั่น ควรเอาตัวไหนขยับไปทางไหน คิดสดๆทุกก้าวตั้งแต่ที่ยิงทิ้งเข้ากลางครับ แล้วก็เลือก 16-11 (แทนที่จะเลือก 15-11 หรือ 16-12) นี่ก็ดูตลกๆอีกละ..แต่ผมดูแล้วผมยอมเสียเวลาเกะกะตัวเองในจังหวะนี้ จะทำให้เซียนดำเสียจังหวะหลายก้าวเช่นกัน แล้วผมก็มองต่อไปถึงปลายว่าจะชนะได้ยังไง (แต่ความจริงมีวิธีง่ายกว่านั้น ด้วยการเซ่นก่อนเข้าฮอส แต่ผมไม่เห็น ซึ่งถ้าเซียนดำเลือกอีกตัวไปฮอสแทน ถ้าไม่เซ่นก็ไม่ชนะ) แต่ตรงนี้มีดวงช่วย เซียนดำเลือกตัวที่แพ้ง่าย โดยที่ไม่เซ่นก่อนเข้าฮอสก็ชนะได้..เลยน็อคคากระดาน...ตอนหลังผมมาถอดโปร เห็นคะแนน +3 ขึ้นมาเพียบ ยังกะว่าตัว 15-11 หรือ 16-12 ชนะง่ายกว่า แต่กลับไม่ใช่ กลายเป็นมีเสมอ เป็นว่าที่ผมคิดสดๆเลือกสดๆนั่นไม่ผิด เลือกดีทุกก้าว เรียกว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงชิ้นนึงเลยทีเดียว อัฐยายซื้อหนมยาย ไม่ได้ผล เพราะเทพีแห่งโชคยืนโอบเกาะคอผมอยู่ด้านหลัง อิอิ
ทีนี้จะให้ดูว่า แต้มที่เซียนดำแข่งกับผมในวันนั้น เป็นยังไงครับ
1. 25-22 8-11 2. 22-18 4-8 3. 26-23 7-10 4. 28-24 5-9 5. 32-28 9-13
6. 31-26 10-15 7. 18-14 15-18 8. 29-25 11-15 9. 14-9 1-5 10. 23x14 6-10 11. 14x7 5x14 12. 25-22 2x11 13. 24-20 15-18 14. 22x15 11x18 15. 26-23 13-17 16. 23-19 8-11 17. 19-15 17-22 18. 15x8 3x12 19. 28-24 14-17 20. 24-19 17-21 21. 20-16 22-25 22. 16-11 25-29 23. 19-15 18-22 24. 27-24 21-25 25. 30x21 22-26 ฝ่ายผมชนะ

ทีนี้ ในตาที่ 15 ถึง 16 ให้เปลี่ยนเป็น
15. 26-23 18-22
16. 23-19 8-11 จะเป็นรูปนี้ เข้าตำแหน่งโจรตั๊งเปี๊ยบ


แล้วทีนี้มาดูว่าโจรตั้งจังหวะที่ว่ามายังไง
1. 25-22 8-11 2. 22-18 4-8 3. 26-23 6-10 4. 29-25 5-9 5. 25-22 11-16 6. 28-24 16-20 7. 24-19 2-6 8. 18-15 10-14 9. 23-18 14x23 10. 27x18 9-13 11. 32-27 7-10 12. 27-24 20x27 13. 31x24 1-5 14. 15-11 8x15 15. 18x11 10-14 16. 24-20
เหมือนกันเป๊ะครับ เพียงแต่กลับฝั่ง ว่าไปติดรูปที่ฝ่ายขึ้นก่อนหรือหลัง...(นี่ก็เป็นเรื่องตลกๆอย่างนึง คือมีหมากจำนวนนึงที่พอไปถึงตอนท้ายๆหรือปลายกระดานแล้วเข้ารูปเดียวกัน แต่มันมาจากเดินก่อน กับเดินหลัง แสดงว่ามีจังหวะนึงที่ทำให้หมากมันเปลี่ยนช้าเร็วได้ เช่นมีการเซ่นแล้วปัดให้กิน หรือกินหลายต่อ หรือมีสวนสับราง อะไรซักอย่าง แต่ถ้าจะไปเจาะลึกหาว่ามันเกิดจากจังหวะไหน มันก็เหนื่อยไม่คุ้มค่าแรง หรืออาจจะงงหาไม่เจอด้วยว่ามันเพราะจังหวะไหนกันแน่..แต่รับรอง ไม่ได้โกงแน่นอน 555

ประชาพิจารณ์หมากฮอส

แนวคิดการตั้งชื่อหมาก ไม่ควรเป็นว่าใครนึกอยากตั้งยังไงก็ตั้ง กลายเป็นว่า หมากรูปเดียวกันมีชื่อเรียกหลายอย่าง แต่สุดท้ายแล้วก็คือรูปเดียวกัน..โดยที่คนที่ตั้งชื่อแต่ละคน หากไปถามว่ารูปนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร หรือนึกยังไงถึงตั้งชื่อนี้ คำตอบที่ได้มาอาจไม่เหมือนกันเลย..สุดท้ายจะกลายเป็นว่า บางคนขยันตั้งชื่อรูปก็ตั้งชื่อเข้าไปทุกรูป หมากเป็นร้อยๆรูปก็ยังตั้งชื่อไหว..แต่ไม่รู้ประวัติว่าหมากนั้นๆจริงๆแล้วน่าจะเป็นใครคิดค้นขึ้นมาหรือนำมาเล่นใน พ.ศ.ไหน..บางทีเพิ่งมาเห็นหมากนี้แค่ปีสองปี นึกว่าของใหม่ หารู้ไม่ว่าคนอื่นเล่นมาตั้งแต่ 20-30 ปีก่อน..ก่อนจะโม้ควรสอบถามและเก็บข้อมูลในวงกว้างก่อน มิเช่นนั้นแล้วก็จะรู้ไม่จริง ชื่อรูปก็ตั้งสนุกไปตามเรื่อง...แต่ถึงขนาดแชมป์ประเทศไทยฟังแล้วต้องส่ายหัว(อินี้ จ๋านไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน) ก็กระไรอยู่..."โม้พอสังเขปครับ" ช่วยกันหาประวัติที่แท้จริงของหมากนั้นๆ ว่าเกิดในช่วงทศวรรษไหน ใครน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ใครเคยเจอเคยเห็น เคยนึกไรได้ ก็อาจได้คำตอบ
เที่ยวหน้าพบกับเรื่องของสกายแล็บ ซึ่งผมเคยพูดไว้ที่หมากฮอสคลับมาก่อน แต่ครั้งนี้จะร่ายยาวจนครบประเด็นครับ

หมากสามเรียงประหลาดของผมมีหลายรูป เช่น สะเก็ดดาว, สามเรียงกางปีก(สองหมากนี้ผมตั้งชื่อเอง เพราะคิดเองถอดเอง ก็ยังมีหมากอื่นที่ไม่ได้ตั้งชื่อ ประเภทคิดเองถอดเอง) อีกแต้มก็ "สองศร" นี่ผมก็ต้นตำรับอีกแหละ แต่คนที่ตั้งชื่อนี้ให้ เค้าตั้งชื่อได้ดี ถูกใจผม ผมก็ไม่ค้านเลย (ผมตั้งชื่อไม่ออกนะ แต่เค้าตั้งชื่อให้จ๊าบมาก โอเคเลย) ต่างกับโจรเด้ง โจรเวสป้า เพราะจริงๆแล้วผมเป็นคนเอามาเล่นก่อนทั้งนั้น ตั้งแต่ปี 252X แล้วด้วย ไม่ใช่แค่ว่ามาเล่นในเนต